ส้มเปรี้ยวดึงแฟ้มเอกสารของมายมินท์ออกมา จากนั้นได้เปิดมาอ่าน พอเห็นเนื้อหาของด้านในแล้ว สีหน้าค่อนข้างไม่ดีเลย
ถึงแม้เธอไม่รู้เรื่องธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะดูไม่ออกว่าเป็นแผนการที่ดีหรือไม่ดี
และเห็นได้ชัดว่าแผนการของมายมินท์เป็น ประเภทที่ดี ดีกว่าชุดที่เธอส่งมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
ยากที่จะจินตนาการจริงๆ มายมินท์ที่เพิ่งรับช่วงต่อเทนเดอร์กรุ๊ปมาได้ไม่ถึงสองเดือน จะเขียนแผนการที่ดีขนาดนี้ออกมาได้
ไม่ ไม่ใช่ฝีมือของมายมินท์แน่นอน มายมินท์หาคนมาเขียนให้แน่ๆ ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน!
ส้มเปรี้ยวสะกดความริษยาของในใจไว้ ยืนกรานคิดว่ามายมินท์ไม่มีความสามารถนี้
แต่ไม่ว่าใครเป็นคนเขียนแผนการเล่มนี้กันแน่ ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เปปเปอร์จะถูกใจแผนการชุดนี้
พอนึกถึงว่ามายมินท์อาจจะได้รับเก้าอี้ร่วมงานทีไร ส่วนตระกูลตัวเองอาจจะถูกเขี่ยลงไป ในใจของส้มเปรี้ยวก็รับไม่ได้ทุกที
“ไม่ได้……” ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากล่าง ในใจมีไอเดียโผล่ขึ้นมาทันที
เห็นแค่เธอเอาแผนการของมายมินท์ และแผนการของตัวเองวางไว้บนโต๊ะพร้อมกัน จากนั้นได้ตัวหนีบคลิปโลหะที่หนีบแฟ้มเอกสารของแผนการไว้ออก ได้สลับสับเปลี่ยนแฟ้มเอกสารของแผนการทั้งสองชุดอย่างไว เพราะบนแฟ้มเอกสารมีป้ายชื่ออยู่
พอแบบนี้ แผนการของมายมินท์ก็กลายเป็นของพ่อ และของพ่อก็จะกลายเป็นของมายมินท์
ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ส้มเปรี้ยวได้ยกมุมปากขึ้น
ทันใดนั้น นอกห้องมีเสียงฝีเท้าก้องมา
ส้มเปรี้ยวรู้ว่าผู้ช่วยเหมันตร์อาจจะกลับมาแล้ว แววตาของเธอได้มีความลนลานแว๊บผ่าน จากนั้นได้รีบปิดแฟ้มเอกสารอย่างเร็ว เอาแผนการสองชุดวางกลับไปที่ตำแหน่งของเมื่อครู่
จากนั้น ส้มเปรี้ยวก็รีบกลับมานั่งที่โซฟาใหม่ พร้อมหยิบมือถือออกมาแสร้งทำเป็นเล่นมือถือ
ผู้ช่วยเหมันตร์เดินเข้ามา “คุณส้มเปรี้ยว ขอโทษที่ให้รอนานครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ส้มเปรี้ยวพูดด้วยรอยยิ้ม
ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่เห็นความผิดปกติของห้องเลย เขาได้วางกาแฟไว้ที่ตรงหน้าเธอ
ส้มเปรี้ยวกำลังจะยกขึ้นมาจิบคำนึง มือถือกลับได้ดังขึ้นในเวลานี้
“ขอโทษค่ะ ฉันรับสายแป๊บนึง”เธอยิ้มอย่างเก้อเขิน จากนั้นได้หยิบมือถือออกมา “ฮัลโหล?ผิง เธอออกมาแล้วเหรอ?”
ใบหน้าของส้มเปรี้ยวเต็มไปด้วยประหลาดใจ
ผู้ช่วยเหมันตร์มองมาที่เธอพร้อมยักคิ้วเล็กน้อย
ขนมผิงออกมาแล้ว?
“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย” ส้มเปรี้ยววางมือถือลงแล้วมองไปที่ผู้ช่วยเหมันตร์ “ผู้ช่วยเหมันตร์ รบกวนฝากบอกเปปเปอร์หน่อยว่าฉันไม่ไปหาเขาแล้วค่ะ”
เธอจะไปเจอหน้าขนมผิง ถึงแม้เธอไม่เห็นว่าขนมผิงเป็นเพื่อน เห็นขนมผิงเป็นแค่สุนัขรับใช้ที่เชื่อฟังคำสั่งตัวนึงเฉยๆ
แต่สุนัขรับใช้ตัวนี้เข้าข้างตัวเองสุดหัวใจ เธอย่อมต้องเก็บไว้ข้างกายดีๆอยู่แล้ว ต่อไปเกิดมีอะไรอีก ยังสามารถผลักออกไปเป็นเกราะป้องกัน เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์นี้จะตัดขาดไม่ได้
“ได้ครับ คุณส้มเปรี้ยวไปเถอะครับ ผมจะบอกประธานเปปเปอร์ให้ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ส้มเปรี้ยวได้จากไป
ผู้ช่วยเหมันตร์หอบเอกสารเป็นกองขึ้นไปที่ชั้นบนสุด จากนั้นได้เคาะประตูออฟฟิศของท่านประธาน
“เข้ามา”เสียงเย็นชาทุ้มต่ำของเปปเปอร์ก้องมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ผลักประตูเข้าไป “ประธานเปปเปอร์ครับ นี่คือแผนการร่วมงานที่ประธานบริษัททั้งยี่สิบบริษัทส่งมาครับ”
ได้ยินคำนี้ เปปเปอร์ได้หยุดปากกาลงแล้วเงยหน้าขึ้น สายตาได้หล่นอยู่บนเอกสารปึกนั้น “ส่งมาครบหมดแล้ว?”
“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า
แววตาของเปปเปอร์ระยิบระยับ “ของมายมินท์ล่ะ?”
พอพูดออกมาปุ๊บ เขาก็มานึกเสียใจภายหลังเลย
เพราะไม่ถามของคนอื่นเลย ถามแต่ของมายมินท์ จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาให้ความสนใจกับมายมินท์มาก ถึงแม้ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงให้ความสนใจกับแผนการของมายมินท์ขนาดนี้
แต่ต่อมาเปปเปอร์เห็นผู้ช่วยเหมันตร์ไม่ได้ประหลาดใจที่เขาให้ความสนใจกับมายมินท์เลย ความรู้สึกที่นึกมาเสียใจภายหลังก็ได้ค่อยๆจางหายไป
บางที ผู้ช่วยเหมันตร์อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังให้ความสนใจกับมายมินท์ก็ได้
แต่ที่เปปเปอร์ไม่รู้คือ ที่ผู้ช่วยเหมันตร์ไม่รู้สึกประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะเขารู้ตั้งนานแล้วว่าประธานเปปเปอร์ยังมีใจให้คุณมายมินท์อยู่
ดังนั้นพอประธานเปปเปอร์อ้าปากก็ถามแผนการของคุณมายมินท์เลย ย่อมไม่ก่อให้เขาเกิดความประหลาดใจอยู่แล้ว
“นี่ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ดึงแผนการของมายมินท์ออกมาแล้วยื่นให้กับเขา
หลังจากเปปเปอร์รับมา ได้เปิดดูด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก มีความแปลกใจ และมีความคาดหวัง
แต่หลังจากเห็นเนื้อหาของแผนการแล้ว กลับได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ความคาดหวังอันน้อยนิดนั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ห่วย ห่วยแตกเกิน!
แผนการแบบนี้มันธรรมดาเกินไป ไม่มีจุดเด่นเลยสักนิด ไม่มีความสามารถในการแข่งขันเลย
ไม่นึกเลยว่าของแบบนี้เธอก็ส่งมาได้
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางไว้ แววตาแฝงด้วยความผิดหวังที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด
ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นแล้วได้ขยับแว่นตา “ประธานเปปเปอร์ แผนการของคุณมายมินท์มีปัญหาอะไรเหรอครับ?”
“นายดูเอาเอง” เปปเปอร์โยนเอกสารไป
ผู้ช่วยเหมันตร์รีบรับเอกสารมาแล้วเริ่มเปิดดู
หลังจากดูจบ อดกระตุกมุมปากทีนึงไม่ได้ “อันนี้……คงจะเพราะคุณมายมินท์ไม่เคยเข้าถึงพลังงานใหม่ด้านนี้มาก่อน ไม่ค่อยเข้าใจด้านนี้ ถึงได้เขียนเป็นแบบนี้มั้งครับ……”
พอคำนี้ออกมาปุ๊บ เปปเปอร์ที่ขมวดคิ้วไว้แน่นถือว่าได้ผ่อนคลายลงไม่น้อยเลย “แผนการชุดนี้เอาไว้ที่นี่ก่อน ที่เหลือนายเอาไปคัดเลือก อันที่ไม่ดีคัดออกโดยตรงเลย อันที่ดีเก็บเอาไว้ สุดท้ายฉันจะทำการตัดสินใจเอง”
“เข้าใจแล้วครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า จากนั้นได้หอบเอกสารสิบเก้าชุดที่เหลือไป
ก่อนไป เขายังไม่ลืมที่จะมองแผนการของมายมินท์อีกแว๊บนึง
เมื่อครู่ประธานเปปเปอร์ประธานเปปเปอร์บอกแล้วว่าอันที่ไม่ดีให้คัดออกโดยตรงเลย งั้นพูดตามหลักแล้วของคุณมายมินท์อันนี้ก็ควรคัดออกเหมือนกัน แต่ท่านประธานกลับเก็บเอาไว้
ดูท่า ประธานยังอยากให้โอกาสคุณมายมินท์อีกครั้ง ไหนบอกว่าการช่วงชิงการร่วมงานนี้ไม่มีเรื่องหลังฉากล่ะ?
ผู้ช่วยเหมันตร์อดกลอกตาขาวไม่ได้
ที่แท้ประธานเปปเปอร์ก็เป็นคนสองมาตรฐานเหมือนกัน
พอผู้ช่วยเหมันตร์ไปแล้ว เปปเปอร์ได้หยิบเอกสารของมายมินท์มาเปิดอ่านอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็ได้หยิบปากกาขึ้นมาเริ่มแก้ไขพร้อมกับให้ข้อเสนอแนะ
มายมินท์ไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย เธอได้ขับรถมาถึงคฤหาสน์ตระกูลกิตติภัคโสภณแล้ว
คฤหาสน์ตระกูลกิตติภัคโสภณเป็นเรือนหอสมัยที่พ่อแม่แต่งงานเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนได้ซื้อไว้ และเป็นที่ๆเธอโตมาตั้งแต่เด็ก ในนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเธอ
แต่ยี่สิบปีก่อน หลังจากที่แม่เสียไป พ่อแต่งงานกับแม่เลี้ยงแล้วมีน้องสาวคนนึง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป และไม่ใช่ที่หลบฝนหลบแดดของเธออีกต่อไป ได้กลายเป็นที่ๆเธอกินข้าวนอนหลับเท่านั้น
และหกปีก่อน พ่อเสียชีวิตจากไป แม่เลี้ยงได้พาน้องสาวหอบเงินหนีไป จากนั้นเธอก็ได้ปิดผนึกวิลล่าหลังนี้ และไม่เคยกลับมาอีกเลย
ตอนนี้กลับมาที่นี่อีกครั้ง วิลล่ายังเป็นวิลล่าหลังนั้น แต่กลับมีความรู้สึกที่ว่าสิ่งของยังเหมือนเดิม แต่คนไม่เหมือนเดิมมากขึ้น
มายมินท์ถอนหายใจ จากนั้นได้เอากุญแจออกมาเตรียมเปิดประตู
ทันใดนั้นเธอนึกอะไรขึ้นมาได้ ได้ขมวดคิ้วสวยขึ้นมา จากนั้นรีบคุ้ยหากุญแจดอกที่คุณย่าให้เธอออกมา
“แปลกจังเลย!”มายมินท์หลุบตามองกุญแจสองดอกที่อยู่ในมือ
ดอกนึงคือกุญแจที่คุณย่าให้มา ส่วนกุญแจอีกดอกคือของเธอเอง
ตอนที่คุณย่าให้กุญแจมา บอกว่าเป็นกุญแจของคฤหาสน์เก่าตระกูลกิตติภัคโสภณ
ส่วนกุญแจของตัวเอง ก็เป็นกุญแจของคฤหาสน์เก่าตระกูลกิตติภัคโสภณ
แต่เห็นได้ชัดว่ากุญแจสองดอกนี้ไม่เหมือนกัน
ตอนที่เธอรับกุญแจที่คุณย่าให้มา ลืมไปว่าที่จริงตัวเองก็มีเก็บกุญแจของคฤหาสน์เก่าไว้อยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่ากุญแจที่คุณย่าให้มา กับกุญแจคฤหาสน์เก่าในมือตัวเองมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน
สาเหตุที่เธอพกกุญแจคฤหาสน์เก่าของตัวเองมาด้วย เพราะที่พวงกุญแจมีคีย์การ์ดเข้าออกของวิลล่าโครงการนี้
ดูท่ากุญแจดอกที่คุณย่าให้มานั้นน่าจะมีปัญหา หรือไม่ก็วิลล่าได้เปลี่ยนกุญแจ หรือไม่ก็เป็นกุญแจดอกที่เอาไว้เปิดประตูบานอื่น
ระหว่างที่มายมินท์คิดอยู่ก็ได้มองประตูใหญ่ของวิลล่าแว๊บนึงแล้วเดินเข้าไป สุดท้ายพบว่ากุญแจไม่ได้เปลี่ยน ลูกกุญแจที่คุณย่าให้มาน่าจะเอาไว้เปิดประตูบานอื่น แต่แค่ไม่รู้ว่าประตูบานไหนกันแน่
“เข้าไปดูก่อนเถอะ” มายมินท์พึมพำ จากนั้นได้เปิดประตูใหญ่ของวิลล่าแล้วเดินเข้าไป
ในวิลล่าว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านล้วนถูกแม่เลี้ยงกับน้องสาวเอาไปขายหมดแล้ว มีแค่ฝุ่นหนาทึบชั้นนึง เหยียบอยู่บนพื้นผิว ยังสามารถทิ้งรอยเท้าเอาไว้