“ใช่ค่ะ แทบจะเหมือนกันเป๊ะๆเลยค่ะ”หัวหน้าร้านมองมือของตนเองที่ถูกจับจนแดงก่ำ ได้ฝืนตอบด้วยรอยยิ้ม
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เบ้าตาแดงก่ำพร้อมน้ำตาไหลทันที “ชวนชม จะต้องเป็นชวนชมแน่ๆ ชวนชมไม่ตาย ชวนชมยังมีชีวิตอยู่ หัวหน้าร้าน ตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน?”
เธอถามเสียงสั่น
หัวหน้าร้านตอบ “เธอไปแล้วค่ะ แต่เพิ่งไปได้ไม่นานเอง อาจจะยังอยู่ในห้างก็ได้ค่ะ”
เธอเพิ่งพูดจบ ก็เห็นคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถึงขั้นไม่เอากระเป๋าก็วิ่งออกจากร้านอย่างเร่งรีบเลย ได้ตามหาเด็กผู้หญิงที่อาจจะเป็นลูกสาวคนโตของตัวเองอยู่ในห้างแห่งนี้ไปทั่ว
แต่แล้วคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้หาจนทั่วห้าง ก็หาเด็กผู้หญิงคนที่ใส่สร้อยและมีดวงตาที่เหมือนเธอไม่เจอเลย
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กลับมาที่ร้านDTอย่างตะลึงพรึงเพริด
หัวหน้าร้านเอาน้ำร้อนมาให้เธอแก้วนึง “คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ หาเจอหรือยังคะ?”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ส่ายหัวอย่างผิดหวัง “หาไม่เจอ”
“อย่าเพิ่งถอดใจค่ะ ในเมื่อคนอยู่ในเมืองเดอะซีนี้เอง ฉันเชื่อว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ต้องได้พบเจอสักวันแน่นอนค่ะ” หัวหน้าร้านคอยพูดปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงที่ถูกคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เรียกว่าคุณชวนชมท่านนั้น มีความเกี่ยวข้องกับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยังไง
แต่ดูหน้าตาที่ให้ความสำคัญขนาดนี้ของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ดูท่าความสัมพันธ์คงจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
“ขอบใจนะ”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นได้เอาบัตรออกมารูดจ่ายตังค์ แล้วถือกำไลพร้อมกลับตระกูลภักดีพิศุทธิ์อย่างรีบร้อน
“คุณเยี่ยมบุญ!” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เพิ่งเข้ามาในบ้านก็ตะโกนเลย
เยี่ยมบุญลงมาจากชั้นบน “คุณไปเดินห้างไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับมาเร็วจังเลยล่ะ?”
“คุณเยี่ยมบุญ ชวนชมยังมีชีวิตอยู่ค่ะ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองเยี่ยมบุญที่ลงมาชั้นล่างแล้ว ได้พูดด้วยความตื่นเต้น
เยี่ยมบุญเกือบจะก้าวพลาด “คุณว่าอะไรนะ?”
เขาจับราวจับไว้ มองหน้าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อย่างช็อก
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กุมมือสองข้างไว้ด้วยกันอย่างแน่น “ชวนชมยังมีชีวิตอยู่ ลูกสาวคนโตของเรายังมีชีวิตอยู่ค่ะ”
“พูดจาเหลวไหล” เยี่ยมบุญขมวดคิ้วและลงมาชั้นล่างต่อ“คุณคงไปเจอนักต้มตุ๋นมาอีกแล้วสิท่า หลายปีก่อน มีนักต้มตุ๋นพูดอยู่ประจำว่าลูกสาวเรายังมีชีวิตอยู่ ที่จริงคือมาหลอกเอาตังค์หมด”
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกันค่ะ ชวนชมได้เอาสร้อยไว้ ก็คืออันนี้……”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รีบเอาสร้อยที่อยู่บนคอออกมา “ชวนชมเอาสร้อยคอไปสอบถามที่DT หัวหน้าร้านเป็นคนบอกฉันเอง เธอยังบอกอีกว่าดวงตาของชวนชมเหมือนฉันเป๊ะๆ เยี่ยมบุญ เซ้นส์ของฉันบอกกับฉันว่า เด็กผู้หญิงที่หัวหน้าร้านพูดคนนั้นก็คือชวนชม”
เยี่ยมบุญก็มึนตึ๊บไปเลย “แต่นี่จะเป็นไปได้ยังไง ชวนชมถูกไตรภูมิโยนลงน้ำจนจมน้ำตายแล้ว พวกเราก็เห็นกับตาอยู่”
“ใช่ ได้เห็นอยู่ แต่ต่อมาทางตำรวจบอกกับเราตลอดไม่ใช่เหรอว่าล้วงศพของชวนชมไม่เจอสักที?บางทีตอนนั้นชวนชมถูกโยนลงไปในแม่น้ำอาจจะไม่ได้ตาย แต่ถูกคนที่ลงไปว่ายน้ำช่วยเอาไว้ล่ะ ไม่งั้นจะอธิบายเรื่องที่เด็กผู้หญิงมีดวงตาเหมือนฉันยังไง แถมยังเอาสร้อยของลูกปรากฏตัวล่ะ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดพร้อมกุมสร้อยไว้แน่น
เยี่ยมบุญกุมขมับ “คุณให้ผมสงบสติอารมณ์หน่อย”
“พ่อกับแม่กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอคะ?”ขณะนี้ ส้มเปรี้ยวก็ได้ลงมาจากชั้นบนเหมือนกัน เห็นหน้าตาที่ผิดสังเกตของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับเยี่ยมบุญแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจ
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ดึงส้มเปรี้ยวไว้ “ส้มเปรี้ยว พี่สาวลูกยังไม่ตาย เธอยังมีชีวิตอยู่”
“อะไรนะ?” ส้มเปรี้ยวได้อึ้งไปครู่นึงก่อน จากนั้นได้เบิกตากว้างตาม “แม่ บอกว่าพี่ชวนชมยังไม่ตาย?”
“ใช่ เธอยังไม่ตาย เธออยู่ในเมืองน้ำรุ้งนี้เอง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้ารัวๆด้วยความดีใจ
ส้มเปรี้ยวหลุบตาลง แววตาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ
ไม่นึกเลยว่าชวนชมจะยังไม่ตาย นี่ทำให้คนตื่นตะลึงจริงๆ
อีกอย่างดูหน้าตาแม่ดีใจขนาดนี้ เหมือนเตรียมจะรับชวนชมกลับมา ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นต่อไปในสายตาแม่ก็คงมีแต่ชวนชม ยังจะมีเธออีกได้อย่างไร
ไม่ได้ จะให้ชวนชมกลับมาไม่ได้ เพราะขืนชวนชมกลับมา สิทธิ์ในการสืบทอดมรดกของเธอ ทรัพย์สมบัติของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ความรักความเอ็นดูของพ่อแม่ ล้วนต้องถูกแบ่งออกไปครึ่งนึงทุกอย่าง
เธอจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากล่างไว้ ใบหน้ายิ้มแย้มขึ้นมา “ดีจังเลยค่ะ แม่คะ แล้วตอนนี้พี่ชวนชมอยู่ไหนคะ?”
เธอจะต้องถามให้ชัดเจนว่าชวนชมอยู่ที่ไหน จากนั้นจะต้องทำให้ชวนชมจากไปก่อนพ่อแม่ก้าวนึง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้ยินคำถามของส้มเปรี้ยวแล้ว แววตามืดมนลงมาเยอะ “วันนี้แม่ก็บังเอิญรู้มาเท่านั้นว่าพี่สาวหนูยังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ที่ไหน ตอนนี้ยังไม่รู้เลย”
“แบบนี้เหรอคะ” ส้มเปรี้ยวพยักหน้า และขมวดคิ้วขึ้นมา
พ่อกับแม่คงไม่ใช่ถูกหลอกมั้ง?
แต่ไม่ว่าจะถูกหลอกจริงหรือเปล่า เธอจะต้องรู้ชัดเรื่องนี้ให้ได้ ถ้าข่าวที่ชวนชมยังมีชีวิตอยู่คือข่าวปลอม งั้นก็ย่อมไม่เป็นไร
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง เธอก็จะไล่ชวนชมไปอยู่ดี เธอไม่มีความรักความผูกพันกับพี่สาวคนนี้เลยสักนิด
ส้มเปรี้ยวคิดๆแล้วได้ถามอีกว่า “แม่ แล้วแม่รู้ได้ยังไงคะว่าพี่ชวนชมยังมีชีวิตอยู่?”
“เพราะสร้อยเส้นนี้” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูด จากนั้นได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านDTให้ฟัง
ส้มเปรี้ยวฟังจบแล้วได้ค่อยๆกุมมือแน่นขึ้น
ดูอย่างนี้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นอาจจะคือชวนชมจริงๆด้วย
คิดไม่ถึงเลยว่าชวนชมจะโชคดีขนาดนี้ แบบนั้นก็ยังไม่ตายอีก
“แม่คะ ตอนเย็นหนูจะไปทานข้าวที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ ไปก่อนนะคะ” ส้มเปรี้ยวหลุบตาลงและดึงมือตัวเองออก
เธอจะต้องหาชวนชมเจอก่อนให้ได้
ไม่งั้นรอให้พ่อกับแม่พบเห็นก็ไม่ทันแล้ว
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้า “ไปเถอะ”
ส้มเปรี้ยวหอมแก้มเธอทีนึง จากนั้นได้เดินไปทางประตู
พอส้มเปรี้ยวไปแล้ว คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ได้มองไปที่เยี่ยมบุญ “คุณเยี่ยมบุญ เรารีบไปตามหาชวนชมเถอะ ก็ไม่รู้ว่ายี่สิบกว่าปีมานี้ชวนชมใช้ชีวิตยังไงบ้าง พอนึกถึงชวนชมอาจจะได้รับความลำบากลำบน หัวใจฉันก็เจ็บจนหยุดไม่ได้ทุกที”
เธอทุบทรวงอกของตัวเอง
เยี่ยมบุญกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างสงสาร “วางใจเถอะ ผมจะหาลูกสาวเราให้เจอแน่นอน ให้เธอกลับมาที่ข้างกายเรา”
“แต่ฉันกลัวว่าชวนชมจะไม่ยอมกลับมาน่ะสิ ถ้าเกิดเธอนึกว่าพวกเราเป็นคนไม่อยากเอาเธอ ทอดทิ้งเธอ แล้วเธอเกลียดพวกเราจะทำยังไงคะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดอย่างคาดหวังและหวาดกลัว
“ไม่หรอก ในเมื่อชวนชมเอาสร้อยไปถาม นี่ก็แสดงว่าเธอเองก็อยากหาพวกเราเจอแน่นอน”เยี่ยมบุญตอบ
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ส่ายหัว “ตามวิธีการพูดของหัวหน้าร้าน ชวนชมรู้แล้วว่าสมัยนั้นคุณเป็นคนให้คนดีไซน์ออกแบบสร้อยเส้นนั้นให้ งั้นชวนชมก็คงจะรู้แล้วว่าพวกเราก็คือพ่อแม่ของเธอ ฉันเป็นห่วงแค่ว่าเธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายมาหาพวกเราเอง”
เยี่ยมบุญถอนหายใจ “รออีกสักสองสามวันนะ เดี๋ยวผ่านไปไม่กี่วันชวนชมอาจจะเป็นฝ่ายมาหาพวกเราเองก็ได้ ถ้าไม่มา พวกเราค่อยไปตามหาเธอ ใช้สร้อยคอเส้นนี้ของคุณไปหา เอาสร้อยของคุณโพสต์ลงไปในเน็ต ชวนชมเห็นพวกเรากำลังตามหาเธอ ก็น่าจะเข้าใจว่าพวกเราไม่ได้ทอดทิ้งเธอ ไม่แน่เดี๋ยวเธอก็มาล่ะ”
“มันก็ใช่ค่ะ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้า
มายมินท์ไม่รู้ว่าเรื่องที่ตัวเองเอาสร้อยไปถาม ได้ก่อให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์เกิดความสนใจแล้ว
พอเธอออกมาจากห้างสรรพสินค้า ก็ได้ขับรถไปยังโรงพยาบาลอีก เตรียมไปเยี่ยมคุณย่า และถือโอกาสถามคุณย่าว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลกิตติภัคโสภณกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนหรือเปล่า
คิดไม่ถึงว่าขับไปได้ครึ่งทาง จู่ๆรถได้ดับลง ส่วนรถพ่วงก็ไม่มาสักที
เลยทำให้มายมินท์ต้องมานั่งรออยู่ที่ข้างถนน คอยทนกับความเหน็บหนาว รอไปเกือบสองชั่วโมง
“ประธานเปปเปอร์ ผมเห็นคุณมายมินท์ครับ”ในรถมายบัคสีดำ ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นมายมินท์ที่อยู่ข้างถนนของตรงหน้าแล้ว ได้พูดอย่างประหลาดใจ
ผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะนั่งหลังที่มีกลิ่นไอของความสูงส่งฟุ้งกระจายอยู่ทั้งตัว ได้ลืมตาขึ้นแล้วมองไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างถนนแล้วเหมือนกัน ทันใดนั้นได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
เธอกำลังทำอะไรอยู่?
หนาวจนเอามือถูแขนแล้ว ทำไมยังนั่งอยู่ตรงนั้นอีก?
“ยูเทิร์นกลับ” เปปเปอร์ออกคำสั่ง
ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบคำนึง จากนั้นได้ขับไปยังทางยูเทิร์นของข้างหน้า ขับย้อนกลับไปทางที่มายมินท์อยู่
มาถึงตรงหน้าของมายมินท์ ผู้ช่วยเหมันตร์จอดรถแล้วเลื่อนกระจกรถลง จากนั้นได้พูดกับมายมินท์ว่า “คุณมายมินท์ ขึ้นรถเถอะครับ”