มายมินท์ค่อนข้างประหลาดใจกับการปรากฏตัวของผู้ช่วยเหมันตร์ ได้ยินเขาให้ตัวเองขึ้นรถก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่
เธอได้มองกระจกรถของเบาะนั่งหลัง กระจกรถติดฟิล์มไว้ เธอมองไม่เห็นว่าข้างในมีคนหรือเปล่า จึงไม่ได้ตอบตกลงทันที “คุณตัดสินเองได้เหรอ?”
“ประธานเปปเปอร์ให้ผมเรียกคุณขึ้นรถครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ได้แต่ตอบ
แววตาของมายมินท์เย็นชาลงมาเยอะในทันที “ไม่ต้องแล้วค่ะ”
เปปเปอร์ที่นั่งอยู่เบาะนั่งหลังของรถมายบัค พอได้ยินเธอปฏิเสธแล้วหน้าเขียวหน้าดำขึ้นมาทันที
เขาเลื่อนกระจกรถลง ใบหน้าเคร่งขรึมได้เผยอยู่ในอากาศ“ขึ้นรถ!”
น้ำเสียงของเขาไม่อาจให้คนอื่นมาพูดแทรกได้
มายมินท์มองหน้าเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง “ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้อง ประธานเปปเปอร์ คุณฟังไม่รู้เรื่องหรือไง?”
ผู้ชายคนนี้นี่มันยังไงกัน
เธอปฏิเสธที่จะขึ้นรถของเขา ก็ปกติมากไม่ใช่เหรอ?เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย เขาจะโกรธทำไม แปลกประหลาดใจจริงๆ
เปปเปอร์ฟังความหงุดหงิดของเธอออก จึงได้ขมวดคิ้วไว้แน่น อยากให้ผู้ช่วยเหมันตร์ขับรถไปโดยตรงจังเลย เพราะเธอก็ไม่ขึ้นรถสักหน่อย
แต่เห็นใบหน้าที่หนาวจนแดงก่ำของเธอแล้ว สุดท้ายก็ได้ทนเอาไว้
“คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”เปปเปอร์ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
มายมินท์ดูออกว่าเขาอยากไปแล้วไปเลย แต่ไม่รู้ว่าทำไมกลับไม่ไป เธอเองก็ขี้เกียจไปเดาความคิดของเขา ได้ตอบอย่างเรียบเฉยคำนึงว่า “รอรถพ่วงค่ะ”
ผู้ช่วยเหมันตร์ได้มองไปข้างหน้าแว๊บนึง “ประธานเปปเปอร์ เหมือนรถของคุณมายมินท์จะเสียครับ”
เปปเปอร์ยักคิ้ว
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง
มิน่าเธอถึงได้นั่งอยู่ที่ข้างถนน
“บนเลนรถใหญ่ที่ห่างออกไปสองกิโลเมตร ได้เกิดอุบัติทางรถยนต์ที่สาหัสมาก ตอนนี้ยังไม่ได้เคลียร์ถนน รถพ่วงไม่สามารถมาถึงในระยะเวลาอันสั้น คุณไม่ก็ขึ้นรถ ไม่ก็รออยู่ที่นี่จนท้องฟ้ามืดต่อ”
มายมินท์ขมวดคิ้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าเกิดอุบัติเหตุ ถึงว่าล่ะป่านนี้แล้วก็ยังไม่มาอีก
“ขอโทษค่ะประธานเปปเปอร์ ฉันก็ไปไม่ได้อยู่ดี ถ้าฉันไป แล้วทิ้งรถไว้ที่นี่ ผลที่ตามมาทีหลังมีแต่จะยิ่งร้ายแรงกว่า” มายมินท์เม้มปากพูด
นี่ถ้าถูกจับ อาจจะถูกเพิกถอนใบขับขี่ได้
ได้ยินคำนี้ เปปเปอร์ได้ส่งสายตาให้ผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์ยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็เข้าใจความหมายทันที “คุณมายมินท์ คุณขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมอยู่ช่วยคุณจัดการเอง”
“คุณ?”มายมินท์ชายตามองเขา
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ใช่ครับ ผมเห็นเมื่อครู่คุณมายมินท์ได้ดูนาฬิกาไปสองสามครั้งแล้ว คงจะมีเรื่องเร่งด่วนมากสินะครับ”
“……”มายมินท์อ้าปาก แต่ทันใดนั้นกลับพูดไม่ออก
ตอนที่รถไม่ได้เกิดปัญหา เธอก็โทรหาคุณย่าแล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณย่า และคุณย่ายังดีใจมากด้วย
ถ้ายืดเยื้อจนสุดท้ายไปไม่ได้ คุณย่าจะต้องผิดหวังแน่เลย
ดูความลังเลของมายมินท์ออก ผู้ช่วยเหมันตร์สู้ต่อ “เพราะฉะนั้นคุณมายมินท์ขึ้นรถดีกว่าครับ อย่าให้สายล่ะ”
มายมินท์สูดหายใจทีนึง สบตากับดวงตา
คมเข้มของเปปเปอร์แล้ว ได้ริมฝีปากแดงขยับเบาๆ “งั้นก็ขอบคุณประธานเปปเปอร์นะคะ”
เปปเปอร์อืมทีนึง จากนั้นได้เลื่อนกระจกรถขึ้น
มายมินท์ได้มองไปทางผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่นอกรถอีก “รอเดี๋ยวนะ ฉันมีของอยู่ที่บนรถฉันค่ะ”
“ได้ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
มายมินท์เดินไปหารถตัวเองที่จอดอยู่ด้านหน้า หิ้วของขวัญที่ซื้อให้คุณย่าออกมา จากนั้นถึงเอากุญแจรถให้ผู้ช่วยเหมันตร์
หลังจากผู้ช่วยเหมันตร์รับกุญแจไว้ เธอได้หันหลังเดินไปที่รถมายบัคของเปปเปอร์ อ้อมผ่านหน้ารถ อยากจะไปเปิดประตูรถของข้างคนขับ
ปรากฎเพิ่งเปิดออกมา ก็เห็นเปปเปอร์ไม่รู้มานั่งที่ฝั่งข้างคนขับตั้งแต่เมื่อไหร่ ทันใดนั้นมายมินท์ได้ล้มเลิกความคิดที่จะนั่งฝั่งข้างคนขับทันที เธอปิดประตูด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นได้ไปเปิดประตูของเบาะนั่งหลัง
เปปเปอร์มองประตูฝั่งข้างคนขับปิดแล้ว ได้ขมวดคิ้วขึ้น
เขาถูกเธอรังเกียจเหรอเนี่ย?
เธอไม่ยอมนั่งใกล้เขา?
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ประธานเปปเปอร์ขับรถได้เลยค่ะ” มายมินท์เอาของขวัญวางไว้ข้างๆแล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย
เปปเปอร์จะโมโหจนหัวเราะออกมาอยู่แล้ว
ผู้หญิงคนนี้ เห็นเขาเป็นคนขับไปแล้วเหรอเนี่ย
เปปเปอร์ได้มองใบหน้าด้านข้างของผู้หญิงที่หันไปมองนอกหน้าต่างอยู่ ผ่านกระจกมองหลัง ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย “คุณจะไปไหน?”
มายมินท์ตอบโดยที่ไม่หันหน้ามามองเลย:“สถานีรถไฟใต้ดินตรงทางข้างหน้าค่ะ”
เปปเปอร์หน้าห้อยลงมา
ผู้หญิงคนนี้ยอมที่จะโบกรถเอง ก็ไม่ยอมนั่งรถของเขาไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง!
เปปเปอร์หลุบตาลง บังความหงุดหงิดของแววตาไว้ และขับเคลื่อนรถยนต์
มายมินท์มองวิวนอกหน้าต่างที่ถอยหลังไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
จนกระทั่งเห็นว่าได้ขับเลยสถานีรถไฟใต้ดินไปแล้ว เธอถึงหันหน้ามา จับพนักพิงของเบาะนั่งข้างคนขับไว้ และพูดอย่างค่อนข้างโกรธ:“ประธานเปปเปอร์ คุณขับเลยแล้วค่ะ!”
“ผมรู้” เปปเปอร์เพ่งมองข้างหน้าไว้ พร้อมตอบด้วยเสียงเย็นชา
มายมินท์กัดริมฝีปาก “นี่คุณจงใจเหรอเนี่ย?”
แววตาของเปปเปอร์มีความได้ใจที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้แว๊บผ่าน ปากได้พูดอืมคำนึง “ไปไหน ตอนนี้คุณสามารถพูดใหม่”
“นี่คุณ……” มายมินท์โมโหจนตบพนักพิงทีนึง
เปปเปอร์เห็นแล้วได้ยกมุมปากขึ้น “ถ้าไม่พูด ก็ขับตรงไปข้างหน้าต่อนะ”
“ไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาลค่ะ” มายมินท์จ้องเขาทีนึง สุดท้ายก็ได้ตอบ
ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงไม่พบว่าผู้ชายคนนี้ ยังมีความชอบที่ช่วยเหลือคนแล้วช่วยให้ถึงที่สุดเลย?
คนอื่นไม่ให้เขาส่งถึงจุดหมายปลาย เขายังมาใช้วิธีการแบบนี้อีก หมดคำพูดจริงๆ
เปปเปอร์ได้ยินคำพูดของมายมินท์แล้ว แววตามีความแปลกใจ
ที่แท้จะไปเยี่ยมคุณย่าเหรอเนี่ย
เขายังนึกว่าเธอหิ้วของบำรุงของผู้สูงอายุพวกนี้ คือจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของลาเต้เสียอีก
นึกถึงตรงนี้ เปปเปอร์อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
แต่มายมินท์กลับอารมณ์ไม่ดีเลย ตลอดทางล้วนหน้าบูดหน้าบึ้งไว้
ในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาลเสียที
มายมินท์ลงมาจากรถ เธอก็ขี้เกียจขอบคุณกับเปปเปอร์ ได้เดินเข้าไปในโรงพยาบาลโดยตรง
เปปเปอร์คอยเดินตามอยู่หลังเธอ มองดูร่างเงาที่โกรธกริ้วของเธอแล้ว ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนๆโผล่ขึ้นมา
ยังโกรธไม่หายเหรอเนี่ย?
เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลนวบดินทร์ เขาไม่เคยเห็นเธอโกรธเลย เธอจะทำหน้าไร้ชีวิตชีวาตลอดเวลา ถึงยิ้มก็ยิ้มได้ฝืนใจมาก เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ทำให้คนเห็นแล้วก็รู้สึกรำคาญทุกที กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาอย่างตอนนี้ที่ไหนกัน
สามารถเห็นได้จากสิ่งนี้ อยู่บ้านตระกูลนวบดินทร์เธอดูไม่มีความสุขเลย หย่าร้างถึงจะถูก
ถึงแม้รู้ว่าหย่าร้างสำหรับมายมินท์กับตัวเองแล้ว ล้วนเป็นการหลุดพ้นอย่างนึง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เปปเปอร์กลับพบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกหลุดพ้นจริงๆ กลับกันยิ่งรู้สึกหนักหน่วงกว่าเดิม
แถมความหนักหน่วงนี้ ตามกาลเวลาที่หย่าร้างกันยิ่งนานเข้า ก็ยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
เขาถึงขั้นไม่กล้าไปคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เซ้นส์ของเขาบอกเขาว่าห้ามไปคิดอีก
ถ้าเข้าใจแล้ว ชีวิตตอนนี้ของเขาก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
คิดถึงตรงนี้ เปปเปอร์ได้เก็บรอยยิ้มของใบหน้าไว้ และเปลี่ยนมาเย็นชาเหมือนปกติ
ไม่นาน ทั้งสองก็ได้เดินมาถึงห้องผู้ป่วยของคนแก่
ประตูได้เปิดไว้ ป้าแดงไม่อยู่ แต่มายมินท์ก็ยังเคาะประตูด้วยมารยาทอยู่ดี
ท่านย่ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผู้ป่วย ได้ยินเสียงเคาะประตูแล้ว เธอได้เงยหน้าขึ้นมามอง
เห็นว่าคนที่มาคือมายมินท์ ใบหน้าได้เผยรอยยิ้มที่มีความเมตตาออกมาทันที “หนูมินท์ รีบเข้ามาเร็ว!”
ท่านย่ากวักมือให้มายมินท์
“คุณย่า หนูมาเยี่ยมคุณย่าแล้วค่ะ” มายมินท์วางมือลง แล้วหิ้วของฝากเดินเข้าไป
ท่านย่ากำลังจะตำหนิว่าเธอเอาของมาเยอะขนาดนี้ทำไม ก็เห็นหน้าห้องมีคนเดินเข้ามาอีกคน
“เปปเปอร์?”ท่านย่ามองมายมินท์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นได้มองไปที่เปปเปอร์อีก “หลานสองคนมาด้วยกัน?”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูเจอประธานเปปเปอร์ที่ลิฟต์พอดี ก็เลยขึ้นมาพร้อมกันค่ะ” มายมินท์ได้ตอบด้วยรอยยิ้ม
เปปเปอร์รู้ว่าเธอพูดแบบนี้เพราะไม่อยากให้ท่านย่าคิดมาก เพื่อเลี่ยงไม่ให้ท่านย่าเกิดความคิดที่ให้พวกเขากลับมาคืนดีและแต่งงานซ้ำรอบสองอีก
ถึงแม้มายมินท์ทำแบบนี้ไม่ผิด แต่เปปเปอร์ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี
เขาเป็นโรคระบาดหรือไง?เธอถึงได้อยากหลบเลี่ยงเขาขนาดนี้?
“ใช่ครับ คุณย่า” เปปเปอร์ตอบด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
ท่านย่าถอนหายใจอย่างค่อนข้างผิดหวัง “แบบนี้เองเหรอ ย่ายังนึกว่าหลานสองคนมาด้วยกันเสียอีก”
มายมินท์เห็นหน้าตาของท่านย่าปุ๊บ ก็รู้เลยว่าท่านย่าไม่เคยล้มเลิกความคิด
ได้จริงๆ ความคิดที่ให้เธอกับเปปเปอร์กลับมาอยู่ด้วยกัน เธอยิ้มแล้วเปลี่ยนประเด็น “อ้อใช่ ร่างกายคุณย่าเป็นยังไงบ้างคะ?”