มือของคุณหมอหยุดชะงักครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น มองไปยังมายมิ้นท์ และมองไปยังสีหน้าที่เย็นชาของเปปเปอร์อีกครั้ง รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
น้ำหนักมือของเขาไม่ได้แรงมาก ทำไมถึงรู้สึกเจ็บ
อีกทั้งสีหน้าท่าทางของคุณผู้ชายท่านนี้ ก็ไม่เหมือนว่าจะรู้สึกเจ็บเลย
ส่ายศีรษะ คุณหมอก็ไม่คิดมาก คิดเพียงว่าภรรยาคงเป็นห่วงสามี ดังนั้นจึงให้เขาเบามือ
ช่างเถอะ เบาหน่อย ก็เบาหน่อยแล้วกัน
คุณหมอถอนหายใจพลางนวดต่อ
หลังจากที่นวดอยู่พักหนึ่ง ในเวลานี้คุณหมอจึงได้เปิดกระเป๋ายา เริ่มหายาเพื่อที่จะพันบาดแผลให้กับเปปเปอร์
มายมิ้นท์ตบหลังของไมโล จากนั้นลุกขึ้น“คุณหมอ ขาของเขาเป็นยังไงบ้าง กระดูกไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
คุณหมอฆ่าเชื้อบริเวณขาของเปปเปอร์พลางตอบกลับว่า:“วางใจเถอะครับคุณผู้หญิง ขาของสามีคุณไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร กระดูกไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าข้อเท้าและเส้นเอ็นเคล็ด รักษาอาการประมาณสิบวันถึงครึ่งเดือนก็หายแล้วครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ก็คลายกังวลลง ยิ้มพลางพยักหน้า“ถ้างั้นก็ดีแล้วค่ะ”
เขาไม่เป็นอะไรมา ความรู้สึกละอายใจของเธอแน่นอนว่าค่อยๆจางหายไปมากพอสมควร
แม้ว่าตอนนั้นเขาจะช่วยตนเองและช่วยเหลือเธอโดยบังเอิญ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังช่วยเธอ หากขาของเขาเป็นอะไรขึ้นมา เธอก็คงรู้สึกทุกข์ทรมานใจไม่น้อย
เปปเปอร์มองดูมายมิ้นท์ยิ้มกว้าง แววตาขรึมลงเล็กน้อย
เธอดีใจเพราะเขาใช่ไหม?
ราวกับว่ารับรู้ถึงสายตาของชายหนุ่ม มายมิ้นท์หันมาพลางพูดขึ้นว่า“ทำไมเหรอคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ”แววตาของเปปเปอร์เป็นประกายพลางตอบอย่างราบเรียบ
มายมิ้นท์ยักไหล่ และหดสายตากลับมา
หลังจากนั้นไม่กี่นาที คุณหมอก็ลุกขึ้น“แผลของคุณผู้ชายท่านนี้พันแผลเรียบร้อยแล้ว ภายใน 24 ชั่วโมงนี้ห้ามถูกน้ำ ต้องรอหลังจากหนึ่งวันก่อน ถึงจะสามารถเปลี่ยนผ้าปิดแผลสดที่โรงพยาบาลไหนก็ได้
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”มายมิ้นท์พยักหน้า
ผู้จัดการพาคุณหมอไปส่ง
หลังจากกลับมา ผู้จัดการก็อุ้มกันพลาขนาดใหญ่พร้อมกล่องหนึ่งกล่อง ใบหน้ามองไปยังมายมิ้นท์และเปปเปอร์ด้วยความรู้สึกขอโทษ“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ครั้งนี้ต้องขอโทษจริงๆนะครับ เป็นเพราะความผิดพลาดของร้านอาหารของพวกเรา จึงทำให้พวกคุณได้รับบาดเจ็บ สิ่งของเหล่านี้เป็นของที่ร้านอาหารของพวกเราชดเชยให้กับพวกคุณ พวกคุณลองดูนะครับว่าถูกใจไหม?”
ผู้จัดการนำกันพลาขนาดใหญ่และยื่นกล่องให้กับพวกเขา
มายมิ้นท์ไม่ได้รับไว้ แต่กลับมองไปที่เปปเปอร์“คนที่ได้รับบาดเจ็บคือคุณ คุณมาดูเองน่าจะดีกว่านะคะ”
เปปเปอร์เหลือบมองกันพลาขนาดใหญ่และกล่องใบนั้นครู่หนึ่ง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก:“เป็นความผิดพลาดของร้านอาหารของพวกคุณหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน รอให้ผู้ช่วยของผมตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยหารือกันดีกว่าว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะจัดการยังไง”
เมื่อผู้จัดการได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกถึงความกังวลใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาคิดว่า หากชดเชยด้วยสิ่งของที่มากพอก็จะสามารถยุติเรื่องๆนี้ได้ และหากเป็นเช่นนี้เขาก็จะสามารถรักษาตำแหน่งผู้จัดการนี้ไว้ได้
แต่ตอนนี้คุณผู้ชายท่านนี้พูดว่ากำลังตรวจสอบเรื่องๆนี้อยู่ ทำให้เขารู้ว่าเรื่องๆนี้ไม่ใช้แค่ชดเชยด้วยสิ่งของแล้วจะสามารถแก้ไขได้ อีกทั้งคุณผู้ชายท่านนี้ก็ยังมีผู้ช่วย นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สถานะของคุณผู้ชายท่านนี้ไม่ธรรมดา
และบุคคลที่มีสถานะไม่ธรรมดา ก็ยิ่งยากที่จะจัดการ ดูเหมือนว่าตำแหน่งผู้จัดการของเขาคงยากที่จะรักษาไว้แล้ว
ผู้จัดการยิ้มด้วยใบหน้าขมขื่น
ประมาณสิบนาทีต่อมา ผู้ช่วยเหมันตร์ก็กลับมา
เปปเปอร์เหลือบตาขึ้น“ตรวจสอบเป็นยังไงบ้าง?”
มายมิ้นท์ก็มองไปที่ผู้ช่วยเหมันตร์เช่นเดียวกัน
แม้แต่ผู้จัดการก็ยืนตัวตรงดิ่ง ต้องการที่จะทราบผลการตรวจสอบ
ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับอย่างตั้งใจว่า:“ประธานเปปเปอร์ ผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เรื่องๆนี้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญจริงๆครับ ผมตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว พนักงานติดตั้งจอ LCD ทำสกรูหายไปสองตัว เมื่อพนักงานคนนั้นเห็นว่าสกรูของจอ LCD หายไปสองตัวก็ยังติดตั้งต่อ ไม่ได้หาสกรูมาทดแทน และไม่ได้รายงานให้ห้องอาหารทราบ ดังนั้นจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ขึ้น”
เมื่อได้ยินว่าไม่มีใครวางแผนให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คิ้วของเปปเปอร์ก็คลายออกไม่น้อย
มายมิ้นท์กลับเม้มที่ริมฝีปากสีแดง ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความโกรธ “พนักงานคนนี้ก็เกินไปจริงๆ เพื่อลดความยุ่งยาก กลับปิดบังเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่ยอมบอก ดีที่คนที่อยู่ด้านล่างจอ LCD ในตอนนั้นเป็นพวกเรา อยากที่จะหลบหลีก แต่ปัจจัยทางด้านร่างกายตอบสนองไม่ทัน ก็คงจะถูกจอ LCD หล่นทับ และการทับในครั้งนี้ อาจจะทำให้เสียชีวิตคาที่
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เช่นนี้ มายมิ้นท์ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
ในจุดๆนี้เปปเปอร์ก็คิดเช่นเดียวกัน พลางถามขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “แล้วพนักงานคนนั้นล่ะ?”
“พนักงานคนนั้นถูกผมควบคุมไว้แล้วครับ อยู่หลังครัวครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ
เปปเปอร์มองไปยังผู้จัดการ“เรื่องๆนี้ แม้ว่าความผิดจะไม่ได้อยู่ที่คุณ แต่ในฐานะที่คุณเป็นผู้จัดการของร้านอาหารร้านนี้ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย”
“ครับ ครับ ครับ เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ”ผู้จัดการพยักหน้า
เปปเปอร์พูดขึ้นอีกว่า:“รีบไล่พนักงานคนนั้นออกซะและแจ้งให้ธุรกิจวงในขึ้นบัญชีดำเขา หากใครกล้าที่จะรับเขาทำงาน ก็ถือว่าเป็นศัตรูกับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ของผม”
“บริษัทตระกูลนวบดินทร์?”เมื่อผู้จัดการได้ยินชื่อนี้ ในหัวก็ราวกับได้ยินเสียงฟ้าฝ่า จนทำให้เขางุนงงจนทำอะไรไม่ถูก
ผู้ช่วยคนนั้นเรียกคุณผู้ชายคนนี้ว่าประธานเปปเปอร์
คุณผู้ชายท่านนี้ยังพูดอีกว่าบริษัทตระกูลนวบดินทร์ หรือว่าคุณผู้ชายท่านนี้คือ……
ขณะที่ผู้จัดการกำลังเดาสถานภาพของเปปเปอร์ สายตาของเปปเปอร์ก็มองมาที่เขาอีกครั้งหนึ่ง “สำหรับคุณ หักเงินเดือนสามเดือน ต่อไปก็ดูแลลูกน้องให้ดี หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ครั้งหน้าคุณก็จะตกอยู่ในสถานะเช่นเดียวกับพนักงานคนนั้น”
“เข้าใจแล้วครับ!”สันหลังของผู้จัดการแข็งทื่อ รีบรับคำอย่างรวดเร็ว
ที่แท้ เขาเดาไว้ไม่ผิด คุณผู้ชายท่านนี้คือประธานกรรมการบริหารบริษัทตระกูลนวบดินทร์
ก็คือบอสของบอสของเขา และเป็นบอสใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุด
คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เขาเชื้อเชิญอย่างลวกๆจะเป็นบอสใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดของเขาเอง และคิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้บอสใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดของเขาได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครดวงซวยไปกว่าเขาแล้ว
ผู้จัดการหัวเราะเยาะตนเอง
ดีที่บอสใหญ่หักเงินเดือนเขาแค่สามเดือน ไม่ไล่ออก และก็ไม่ลดตำแหน่งของตน ก็ถือว่ายังมีความโชคดีในความโชคร้ายนั้นอยู่
เมื่อผู้จัดการคิดได้ ในใจก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นแล้ว จากนั้นจึงยกกันพลาและกล่องที่อยู่ในมือขึ้น“ประธานเปปเปอร์ แล้วอันนี้……”
“ไมโล”เปปเปอร์มองไปยังไมโลที่ยืนอยู่ข้างๆมายมิ้นท์
“คุณอาเปปเปอร์ เรียกหนู”มายมิ้นท์ดันไมโลขึ้นมายังเบื้องหน้าของเปปเปอร์
เปปเปอร์เอ่ยปาก“ไปสิ กันพลาที่หนูชอบไง”
“ผมไม่อยากได้แล้วครับ”ไมโลก้มหน้าพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
มายมิ้นท์มองไปที่เขา“ทำไมล่ะ?”
“ก็เพราะว่าผมอยากได้กันพลา ก็เลยทำให้คุณอาเปปเปอร์ได้รับบาดเจ็บ ผม……”
“พอได้แล้วไมโล อย่าไปคิดแบบนั้น บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดของหนู เด็กดี ไปเอากันพลามาเถอะ อย่าทำให้คุณอาเปปเปอร์ต้องเจ็บตัวฟรี ใช่ไหมครับ?”มายมิ้นท์เคาะที่ปลายจมูกของไมโล
ไมโลกะพริบตา รู้สึกว่ามีเหตุผล
ถ้าหากเขาไม่รับไว้ งั้นคุณ อาเปปเปอร์ก็ต้องเจ็บตัวฟรีจริงๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ ไมโลก้าวหน้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว พลางหยิบกันพลาที่อยู่ในมือของผู้จัดการ
สายตาของเปปเปอร์มองไปยังกล่องที่อยู่ในมือของผู้จัดการ“แล้วของในนั้นคืออะไรล่ะ?”
ผู้จัดการรีบเปิดกล่องออกมาพลางตอบว่า:“ประธานเปปเปอร์ นี่คือสินค้าตัวใหม่ของบริษัทC เป็นนาฬิกาคู่รักหนึ่งคู่ครับ”
เดิมทีนาฬิกาคู่นี้ เขาต้องการซื้อให้กับลูกสาวของลูกเขย
แต่เพื่อให้สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ จึงยอมสลัดทิ้ง
หากเขารู้ว่ายังคงรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้อยู่ เขาก็คงจะไม่ยอมนำออกมา
ผู้จัดการถอนหายใจ
นาฬิกาคู่รัก……
แววตาของเปปเปอร์หรี่ลง“ให้พวกเราเหรอ?”
“ครับ”ผู้จัดการตอบกลับอย่างฝืนยิ้ม
เปปเปอร์หันไปมองมายมิ้นท์“ชอบไหม?”
มายมิ้นท์เลิกคิ้ว
ผู้จัดการนำกล่องยื่นไปยังเบื้องหน้าของเธอ เพื่อเธอจะได้มองเห็นได้อย่างสะดวก
พูดตามตรง นาฬิกาสวยมาก มายมิ้นท์ก็ชอบมากจริงๆ
แต่นี้คือนาฬิกาคู่รัก……
“ฉันชอบหรือไม่ชอบไม่สำคัญ คุณส้มเปรี้ยวชอบก็พอแล้ว นาฬิกาคู่นี้เหมาะกับคุณและคุณส้มเปรี้ยวมาก”มายมิ้นท์ยิ้มพลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
เพราะถึงยังไงไมโลก็เรียกคุณอาเปปเปอร์ไปแล้ว เกรงว่าผู้จัดการคงทราบแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ
งั้นเธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงต่อไปแล้ว
สีหน้าของเปปเปอร์ดำคล้ำ“นาฬิกาเรือนนี้มอบให้กับพวกเรา คุณจะดึงส้มเปรี้ยวมาเกี่ยวข้องเพื่ออะไร?”