ช่างมันเถอะ ในเมื่อตอนนี้เธอถือว่าเป็นเทพธิดาของเขาแล้ว ต่อให้เธอจะเปลี่ยนเป็นนางมารร้าย ยังไงเขายอมทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการอยู่ดี
นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยสัญญากับเธอไว้
คิดได้ดังนั้น การันต์จึงพยายามสะกดความหวาดหวั่นในใจไว้ ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะไปจัดการให้”
พูดจบ ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับเดินตรงไปทางแผนกสูตินรีเวช
ไม่นาน ก็มีพยาบาลมาแจ้งมายมิ้นท์ให้เข้าไปในห้องผ่าตัดได้
หญิงสาวยืดตัวขึ้น พร้อมกับมองไปทางประตูห้องผ่าตัดบานใหญ่ตรงหน้า อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนก้าวขาไม่ออก
เธอนึกไปถึงไมโล ท่าทีที่เชื่อฟังของเด็กน้อย เสียงหวาน ๆ ที่ร้องเรียก ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็ก
อีกอย่างปีนี้เธอก็อายุเกือบจะยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ผู้หญิงทั่วไปที่อายุเท่านี้ ล้วนเป็นแม่คนกันแล้วทั้งนั้น
หากเธอมีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยากับเปปเปอร์ตั้งแต่ตอนที่เพิ่งแต่งงานกัน ตอนนี้ลูกของเธอคงจะรุ่นราวคราวเดียวกับไมโลสินะ ไม่แน่ว่าอาจจะน่ารักกว่าไมโลด้วยก็ได้
บางทีถ้าเธอสัมผัสถึงเด็กน้อยไม่ได้ เธอคงจะเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดนี้โดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ทว่าเธอกลับสัมผัสสิ่งสิ่งนั้นได้แล้ว เพราะงั้นตอนนี้เธอถึงรู้สึกว่าทำใจไม่ได้
พอเห็นมายมิ้นท์ยืนกุมท้อง พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเอง ไม่ก้าวเข้าไปสักที ลาเต้จึงเดินเข้าไปถามเธอว่า “ที่รัก เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ใช่ ๆ มายมิ้นท์ เธอเป็นอะไรรึเปล่า?” ทามทอยเองก็ไม่อยากน้อยหน้า ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเธอเช่นกัน
มายมิ้นท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หญิงสาวพูดความรู้สึกในใจออกมา อย่างไม่ปิดบัง “ฉัน….ฉันทนไม่ได้ที่จะเอาเด็กคนนี้ออก”
ได้ยินดังนั้น ลาเต้และทามทอยก็หันมาสบตากันทันที
ลาเต้จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นก่อนว่า “ทำไมอยู่ ๆ ถึงทนไม่ได้ล่ะ?”
ทามทอยเองก็จ้องไปที่หญิงสาว
มายมิ้นท์ก้มหน้าล้มเล็กน้อย “บางทีอาจเป็นเพราะฉันตัดใจทำไม่ลงเองมั้ง”
“ฉันเข้าใจ ถึงยังไงนั่นก็เป็นชีวิตน้อย ๆ ชีวิตหนึ่ง แต่มายมิ้นท์ ตอนนี้การผ่าตัดทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะ เธอจะมาเสียใจทีหลังมันก็ไม่ทันแล้ว เด็กคนนี้เธอต้องเอาเขาออกเท่านั้น” ทามทอยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เขาชอบเธอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมเห็นเธออุ้มท้องลูกของผู้ชายคนอื่น
เพราะงั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาอยากให้เด็กคนนี้หายไป
ลาเต้เองก็เช่นกัน ชายหนุ่มพยักหน้าเสริม “ใช่แล้วที่รัก ลองคิดถึงสิ่งที่เธอพูดไว้ก่อนหน้านี้สิ เธอบอกว่าเธอไม่ได้รักเด็กคนนี้ ไม่อยากจะคลอดลูกของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ออกมา และยิ่งไม่อยากให้เด็กที่เกิดมานั้นกลายเป็นลูกที่ไม่มีพ่อแล้วก็ขาดความรักจากแม่ด้วย เพราะงั้นแทนที่จะปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องเกิดมาตกระกำลำบาก ไม่สู้เอาเขาออกตั้งแต่ทีแรกเสียยังดีกว่า”
มือของมายมิ้นท์ที่กุมท้องอยู่ค่อย ๆ กระชับแน่นขึ้น
ใช่ เธอพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
เธอจะปล่อยให้เด็กคนนี้เกิดมาถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยามเพียงเพราะว่าเห็นไมโลน่ารักน่าชังได้อย่างไร?
ขณะที่กำลังครุ่นคิด มายมิ้นท์ก็ยิ้มออกมาเบา ๆ ด้วยสีหน้าซีดเซียว “ที่พูดมาก็ถูก ขอบคุณที่เตือนสตินะ ฉันเข้าไปก่อน”
พอเห็นมายมิ้นท์เปลี่ยนความคิดกลับมาเป็นเหมือนเดิม ลาเต้กับทามทอยก็ถอดหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ตกลง พวกเราจะรอเธออยู่ด้านนอก” ลาเต้ตบไหล่มายมิ้นท์เบา ๆ
มายมิ้นท์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับส่งเสียงตอบรับไปหนึ่งที จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด
หญิงสาวเดินเข้าไปได้ไม่นาน ก็มีคุณหมอคนหนึ่งพาพยาบาลอีกสองสามคนเดินตามเข้าไป
ทามทอยมองไปทางคุณหมอที่ห่อหุ้มร่างกายอย่างแน่นหนา ทั้งชุดผ่าตัดสีเขียว ถุงมือ หมวกและหน้ากาก ชายหนุ่มยกมือลูบคางตัวเองด้วยความสงสัย
“นายเป็นอะไร?” ลาเต้เห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็อดถามขึ้นไม่ได้
ทามทอยเหลือบตามองไปทางประตูห้องผ่าตัดที่กำลังปิดลง “คุณหมอเมื่อครู่นี้หน้าตาคุ้น ๆ นะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน”
ลาเต้ไม่ได้สนใจอะไร จึงตอบกลับไปว่า “ไม่แน่อาจจะเป็นคุณหมอสักคนที่บังเอิญเจอตอนเข้ามาก็ได้”
“ที่นายพูดก็ถูก” เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน ชายหนุ่มพยักรับเบา ๆ โดยไม่ได้คิดอะไรต่อ ก่อนจะกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม
ทันใดนั้น ก็มีเสียงล้อรถเข็นลอยมา
ลาเต้และทามทอยหันไปมองตามเสียง ปรากฏว่าเป็นผู้ช่วยเหมันตร์ที่กำลังเข็นเปปเปอร์เข้ามา สีหน้าของทั้งสองดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เปปเปอร์ มาแล้วเหรอ” ทามทอยเอ่ยปากทักทายด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
เปปเปอร์พยักหน้ารับเบา “เปปเปอร์ นายมาทำอะไร?”
เปปเปอร์เหลือบตามองลาเต้ด้วยสายตานิ่งเรียบ ก่อนจะหันไปตอบทามทอย โดยไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด “มายมิ้นท์เข้าไปแล้วเหรอ?”
“ใช่ เพิ่งเข้าไป” ทามทอยตอบพร้อมยักไหล่
มือของเปปเปอร์ที่เดิมทีวางอยู่บนล้อรถเข็นค่อย ๆ กุมเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
ลาเต้เห็นชายหนุ่มกับทามทอยคุยกันโดยที่ไม่สนใจตัวเอง จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “เปปเปอร์ นี่มันหมายความว่ายังไง ฉันพูดกับนายอยู่นะ”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สนใจอยู่ดี
เขารู้จักคนอย่างลาเต้ดี ยิ่งไม่สนใจ ก็ยิ่งสนุก
เพราะงั้น เลยไม่จำเป็นต้องไปแคร์อะไร
เป็นไปตามคาด พอเห็นเปปเปอร์เอาแต่มองข้าม ลาเต้เองก็ได้แต่อ่อนใจ
ชายหนุ่มหันไปทามทอยอย่างเหนื่อยใจว่า “นายรู้ใช่ไหมว่าเขามาทำอะไร?”
“ก็เห็นกันชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ? เขารู้ว่ามายมิ้นท์ผ่าตัด ก็เลยมาดูไง” ทามทอยตอบพร้อมกับชี้ไปทางห้องผ่าตัด
ลาเต้เหลือบมองไปทางเปปเปอร์เล็กน้อย “ที่รักของฉันผ่าตัดแล้วเกี่ยวอะไรกับเขา ทำไมต้องมาดูด้วย ลูกเขาก็ไม่ใช่”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วแน่น
ทามทอยสำลักออกมาเบา ๆ
ถ้าจะให้พูด นั่นมันก็ลูกเขาจริง ๆ
แต่เรื่องนี้ทามทอยไม่มีทางพูดออกไปแน่ ชายหนุ่มจึงหัวเราะแห้ง ๆ ออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จะว่าไปมายมิ้นท์ก็ยังเป็นอดีตภรรยาของเขานะ ถ้าเขาจะมาดูมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
“ธรรมดาอะไรล่ะ หลังจากหย่ากันเสร็จก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว อยู่ ๆ ก็โผล่หน้ามาดูที่รักแบบนี้ มันจะต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ” ลาเต้ตอบกลับอย่างระแวดระวัง
ทว่าเปปเปอร์ก็ยังไม่สนใจเขาอยู่ดี ชายหนุ่มค่อย ๆ หลับตาลง เพื่อปิดบังนัยน์ตาที่มืดหม่นเอาไว้
ใช่ หลังจากหย่ากันเสร็จก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก รอจนกว่ามายมิ้นท์จะเอาเด็กในท้องออกให้เรียบร้อย ถึงตอนนั้นเขาก็จะตัดขาดจากเธอโดยสมบูรณ์
เป็นแบบนี้ก็ดี ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้กลับไปอยู่ในจุดเดิม แต่ส่วนลึกในใจทำไมมันถึงรู้สึกอึดอัดขึ้นมาล่ะ?
เปปเปอร์ลูบไปที่หัวใจเบา ๆ นัยน์ตาสับสน
ขณะเดียวกัน ภายในห้องผ่าตัด
มายมิ้นท์นอนอยู่บนเตียง ขณะที่นางพยาบาลคนหนึ่งถือเข็มยาสลบเดินเข้ามา แล้วฉีดไปที่แขนของเธอ
เพียงครู่เดียว หญิงสาวก็รู้สึกสะลึมสะลือ เปลือกตาค่อย ๆ หนักขึ้นทีละน้อย
ไม่นาน เปลือกตาของเธอก็ปิดลง ก่อนจะหลับสนิทในที่สุด
การันต์สวมถุงมือเรียบร้อยพร้อมกับก้าวเข้ามา เขาเหลือบตามองมายมิ้นท์ที่นอนอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองเธอใกล้ ๆ แบบนี้
หญิงสาวหน้าตาก็ดูดีใช้ได้ ทั้งยังน่ามองกว่าส้มเปรี้ยวอยู่ไม่น้อย เครื่องหน้าก็แลดูสวยกว่าส้มเปรี้ยวอยู่พอควร
มิน่าล่ะส้มเปรี้ยวถึงได้อิจฉาเธอขนาดนี้
“ยาสลบเป็นยังไงบ้าง?” การันต์ถามเสียงเย็นพร้อมกับดึงสายตากลับ ก่อนจะหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาเช็ดอย่างระมัดระวัง
นางพยาบาลรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ตามที่คุณหมอแจ้ง ยาสลบฉีดไปแค่สามส่วนค่ะ อีกประมาณยี่สิบนาทีเธอก็จะรู้สึกตัว ก่อนที่ร่างกายจะค่อย ๆ ฟื้นฟูตามลำดับค่ะ”
การันต์ส่งเสียงตอบรับเบา ๆ เป็นสัญญาณว่ารับทราบ
ส้มเปรี้ยวบอกแล้ว ว่าเธอต้องการให้มายมิ้นท์เสียชีวิตด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ยาสลบแค่สามส่วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
รอให้เธอรู้สึกตัวหลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป ร่างกายค่อย ๆ ฟื้นฟู เธอจะได้รับรู้ถึงความเย็นยะเยือกของอุปกรณ์ผ่าตัด ที่กำลังกรีดลงบนร่างกายเธออย่างชัดเจน
พูดง่าย ๆ ก็คือ เธอจะได้ตายทั้งเป็นนั่นล่ะ
ด้านพยาบาลเองไม่รู้ว่าการันต์วางแผนอะไรอยู่ เธอจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณหมอคะ ทำไมถึงใช้ยาสลบแค่สามส่วนล่ะคะ ถ้าอยู่ ๆ คนไข้ฟื้นขึ้นมาระหว่างผ่าตัด…..”
“ร่างกายคนไข้มีอาการแพ้ยาสลบ เธอรับได้มากสุดแค่สามส่วนเท่านั้น ผมจะพยายามผ่าตัดให้เรียบร้อยก่อนที่เธอจะฟื้น” การันต์ไม่รอให้เธอพูดจบ ชายหนุ่มรีบตัดบทเธอทันที
นางพยาบาลเองก็ไม่สงสัยในคำพูดของเขาเลยสักนิด เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ ทั้งยังอายุน้อยที่สุดอีก หญิงสาวจึงพยักหน้ารับเบา ๆ “แบบนี้นี่เอง”
“เอาล่ะ เริ่มการผ่าตัดกันเถอะ” การันต์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับมองมายมิ้นท์ที่นอนอยู่บนเตียง
เขาไม่ได้เย็นชาแค่น้ำเสียง กระทั่งสายตาของเขาก็เย็นชาไม่แพ้กัน ชายหนุ่มมองดูมายมิ้นท์ราวกับไม่ใช่คนไข้ แต่เหมือนกับกำลังมองดูสัตว์ที่กำลังจะถูกเชือดมากกว่า นัยน์ตาของเขาไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
แม้แต่พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านข้างก็อดตัวสั่นน้อย ๆ ไม่ได้
การผ่าตัดเริ่มต้นขึ้น
นางพยาบาลค่อย ๆ ใช้ผ้าสีเขียวคลุมบริเวณท้องของมายมิ้นท์
การันต์เหลือบไปเห็นมือของมายมิ้นท์วางอยู่ที่หน้าท้องพอดี ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “ระหว่างฉีดยาสลบพวกคุณทำอะไรกันอยู่ ทำไมปล่อยให้คนไข้วางมือไปทั่วแบบนี้?”