มายมิ้นท์คิดไม่ถึงว่าจะคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ราบรื่นขนาดนี้ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เซ็นสัญญาแล้ว
เพื่อเป็นการขอบคุณที่มายมิ้นท์ ให้สิทธิ์ในการใช้ที่ดินฟรีหลายปี พวกเขาสัญญาว่าจะช่วยเธอสร้างโรงงาน และจัดการเรื่องเครื่องจักรด้วย
เมื่อออกมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ค่ำแล้ว
ท้องของมายมิ้นท์ร้องโครกคราก
ลาเต้ได้ยินก็โอบไหล่เธอ “ที่รัก เราไปกินสเต๊กกันเป็นไง”
“โอเค” มายมิ้นท์พยักหน้า
“ไปกันเลย!” ลาเต้โอบไหล่เธอ แล้วเดินไปที่รถอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองมาถึงร้านอาหารยุโรปขึ้นชื่อในเมืองเดอะซี
เมื่อเดินเข้ามา มายมิ้นท์ก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ดังขึ้นทางด้านหลัง “คุณมายมิ้นท์ คุณลาเต้ เราเจอกันอีกแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมายมิ้นท์แทบจะหายไป
ส่วนลาเต้เหลือกตามองบน “พวกนายอีกแล้วเหรอ”
คนที่มาคือเปปเปอร์กับส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณลาเต้ไม่อยากเจอเราเหรอคะ”
“รู้ก็ดี จะถามทำไมไม่ทราบ” ลาเต้ยักไหล่
ส้มเปรี้ยวยังคงยิ้ม และไม่โกรธ
เปปเปอร์ไม่พูดอะไร สายตาของเขาหยุดลงบนผ้าพันแผล บนศีรษะมายมิ้นท์ แววตาของเขานิ่ง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
มายมิ้นท์รู้สึกได้ว่ามีคนมอง เธอจึงมองเขาอย่างประหลาดใจ เธอยกยิ้มแล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์มองฉันอย่างนี้ ไม่กลัวคู่หมั้นคุณหึงเหรอ”
เมื่อส้มเปรี้ยวได้ยิน เธอเริ่มยิ้มไม่ออก
เธอรู้ว่าจุดประสงค์ของมายมิ้นท์คือ จงใจยั่วยุเธอกับเปอร์ แต่เธอกลับไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะมายมิ้นท์พูดจริง เมื่อกี้เปอร์มองมายมิ้นท์จริงๆ
ความเกลียดชังฉายออกมาทางแววตาของส้มเปรี้ยว เธออัดอั้นใจมาก แต่กลับต้องยิ้มออกมา
“คุณมายมิ้นท์พูดอะไรอย่างนั้น ฉันจะหึงได้ยังไง คุณยืนอยู่ตรงหน้าเรา เปอร์มองคุณก็ไม่แปลก อีกอย่างตอนเปอร์อยู่บริษัท ก็เจอพนักงานหญิงเยอะแยะ ฉันจะหึงทุกคนได้ยังไง ใช่ไหมเปอร์”
เธอคล้องแขนเปปเปอร์
เปปเปอร์รู้สึกถึงแรงที่แขน เขาขมวดคิ้วเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ดึงแขนกลับ
“คุณส้มเปรี้ยวใจกว้างจริงๆ” มายมิ้นท์ทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มฝืนๆ ของส้มเปรี้ยว
ลาเต้หาวออกมา “พอเถอะที่รัก จะไปพูดมากกับพวกเขาทำไม หิวแล้วไม่ใช่เหรอ เราเข้าไปในห้องอาหารกันดีกว่า”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้า
ลาเต้โอบเอวเธอ และเดินตามบริกรเข้าไป
เปปเปอร์มองความสนิทสนมของทั้งสอง แววตาของเขานิ่ง เขาเม้มปากจนเป็นเส้นตรง จู่ๆ ในใจก็มีความคิดที่อยากจะแยกพวกเขาออกจากกัน
แต่สุดท้ายเขาก็สะกดกลั้นมันเอาไว้ เขาหลับตาปกปิดอารมณ์เอาไว้ จากนั้นจึงพูดกับส้มเปรี้ยวว่า “เราก็เข้าไปกันเถอะ”
“โอเค” ส้มเปรี้ยวยิ้มและพูดตอบ
ระหว่างทางไปห้องอาหาร ลาเต้อดสบถออกมาไม่ได้ “ที่รัก เห็นชัดๆ ว่าส้มเปรี้ยวอิจฉาเธอ ไม่เห็นต้องแสร้งทำเป็นยิ้ม เธอว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
“ตอนนายกินกับนอนเหนื่อยไหมล่ะ” มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบ แต่ย้อนถาม
ลาเต้รีบส่ายหน้า
มายมิ้นท์หัวเราะ “นี่ก็เหมือนกันไง การแสร้งทำของบางคน ก็เหมือนกับการกิน การนอนของเรา เป็นสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นจะเหนื่อยได้ยังไงล่ะ”
“ก็ใช่” ลาเต้เบะปาก จากนั้นเหมือนเขาคิดอะไรได้ จึงยิ้มด้วยสีหน้ายียวน “ที่รัก เธอว่าถ้าเรากระชากหน้ากากของส้มเปรี้ยวออกมา เธอจะ……”
“พอแล้ว” มายมิ้นท์กระทุ้งศอกใส่เขา “ตอนนี้เธอไม่ได้มาหาเรื่องเรา เราก็ไม่ต้องมากความ”
แน่นอนว่าถ้าส้มเปรี้ยวมาหาเรื่องพวกเขา งั้นก็ไม่ต้องมาพูดกัน
ระหว่างที่คุยกัน ก็เดินมาถึงห้องอาหาร
ทั้งสองสั่งสเต๊กที่มีชื่อเสียงของร้าน เมื่อทานได้ครึ่งหนึ่ง มายมิ้นท์เช็ดปากและลุกขึ้น “ฉันไปห้องน้ำก่อน”
“ให้ฉันไปด้วยไหม” ลาเต้เลิกคิ้วยียวน
มายมิ้นท์ยิ้มให้บางๆ “นายคิดว่าไงล่ะ”
ในรอยยิ้มของเธอแฝงไปด้วยความน่ากลัว ลาเต้ตัวสั่น และหัวเราะคิกคัก “ไม่เอาดีกว่า เธอรีบไปรีบมา”
มายมิ้นท์ตอบรับ และหยิบกระเป๋าเดินออกไป
หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ เธอจัดแจงเสื้อผ้า และเดินมาที่อ่างล้างมือ เพื่อเติมหน้า
จู่ๆ ประตูห้องน้ำด้านหลังเธอ ก็เปิดออก ส้มเปรี้ยวเดินออกมา
เมื่อเห็นมายมิ้นท์ เธออึ้งไป จากนั้นก็เดินยิ้มเข้ามา ยืนตรงหน้าอ่างล้างมือข้างๆ มายมิ้นท์ และเอาแป้งตลับจากกระเป๋า มาตบลงบนใบหน้า
“บังเอิญจังนะคะ คุณมายมิ้นท์” ส้มเปรี้ยวเติมหน้าพลางเอ่ยขึ้น
มายมิ้นท์กำลังทาลิปสติก เธอพูดเนิบๆ ว่า “บังเอิญมาก ในห้องน้ำยังเจอ”
ส้มเปรี้ยวปิดตลับแป้ง และเงยหน้ามองผ้าพันแผลบนศีรษะของเธอ “แผลของคุณมายมิ้นท์ ดีขึ้นหรือยัง”
มายมิ้นท์ทาลิปสติกและเม้มปาก โดยไม่มองส้มเปรี้ยวแม้แต่น้อย “ขอบคุณนะ แต่ไม่เร็วขนาดนั้น”
“คุณมายมิ้นท์ยังโกรธฉันหรือเปล่า” จู่ๆ เบ้าตาของส้มเปรี้ยวก็แดงขึ้น
มายมิ้นท์รู้สึกตลก เธอยังไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้เลย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงจะร้องไห้ล่ะ ทำเหมือนตัวเองโดนกลั่นแกล้ง
สายตาของเปปเปอร์ช่างไม่เหมือนใคร คิดไม่ถึงว่าจะชอบผู้หญิงที่ภายนอกดูบริสุทธิ์ แต่จิตใจช่างร้ายกาจ
แน่นอนว่าคนที่ชอบเปปเปอร์แบบเธอ ก็ไม่ได้มีสายตาที่ดีอะไร แต่ยังดีที่ตอนนี้เธอกลับใจได้ทัน
มายมิ้นท์ปิดฝาลิปสติกด้วยใบหน้าเย็นชา เธอโยนมันลงไปในกระเป๋า “จะโกรธได้ยังไงล่ะ ฉันได้รับการชดใช้มากมายขนาดนั้น ถ้าขืนยังโกรธคุณส้มเปรี้ยว ก็คงจะเกินไปหน่อย แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงพูดว่าฉันโกรธคุณ หรือคุณคิดว่าฉันเป็นคนจิตใจคับแคบเหรอ”
“เปล่าค่ะๆ” ส้มเปรี้ยวรีบโบกมือพัลวัน “ฉันแค่คิดว่าท่าทีของคุณเย็นชามาก เลยคิดว่าคุณยังโกรธฉัน”
มายมิ้นท์หันหน้าไปมองเธอ และแสร้งยิ้ม “คนอย่างฉัน แยกแยะความรักและความแค้นออก ฉันเป็นกันเองกับคนที่ชอบ แต่กับคนที่ไม่ชอบ ฉันก็ต้องเย็นชาเป็นปกติ ดังนั้นฉันจึงไม่เข้าใจ คุณส้มเปรี้ยวไม่ชอบฉัน แต่ทำไมต้องเอาแต่หาเรื่องฉันด้วย”
เมื่อคำพูดนั้นออกมา ส้มเปรี้ยวได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่อยู่ในห้องน้ำ นี่ทำให้เธอรับไม่ได้ จนอับอายไปหมด
มายมิ้นท์ละสายตาออกมา “เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ถ้าคุณเจอฉัน ก็อยู่ให้ห่างฉัน จะได้ไม่ต้องกระอักกระอ่วน คุณไม่เห็นเหรอ คุณสู้ฉันไม่ได้ทุกครั้ง”
พูดจบเธอรูดซิปกระเป๋า แล้วก็เดินผ่านส้มเปรี้ยวออกจากห้องน้ำ
ส้มเปรี้ยวขบริมฝีปากแน่น เธอมองไปทางที่มายมิ้นท์เดินออกไป ด้วยแววตาเคียดแค้น จิตใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ใช่ ตอนนี้เธอแพ้มาตลอด
แต่ต่อไปก็ไม่แน่นิ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ส้มเปรี้ยวหยิบกระเป๋า และเดินออกจากห้องน้ำ
ทางเดินไปห้องอาหาร บริกรหน้าตาธรรมดาๆ กำลังเดินเข้ามา ขณะที่เดินสวนกับเธอ เขาก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอามาปิดตรงจมูกเธอ
ส้มเปรี้ยวส่งเสียงออกมา เธอเบิกตาโตด้วยความตกใจ ยังไม่ทันได้ทำอะไร เธอก็สลบไป
เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จ มายมิ้นท์กับลาเต้เตรียมเช็กบิลกลับบ้าน
ขณะทั้งสองลุกขึ้น ก็มีคนมาเคาะประตูห้องอาหาร
ลาเต้เดินมาเปิดประตู เห็นเปปเปอร์ยืนอยู่ข้างนอก
ตอนนี้สีหน้าของเปปเปอร์ดูร้อนใจ เขาขมวดคิ้ว แววตาของเขาดูร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก
มายมิ้นท์เห็นเช่นนั้น จึงเดาว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“นายมาทำไม” ลาเต้ขวางเปปเปอร์ไว้ และถามอย่างไม่เกรงใจ
เปปเปอร์ไม่สนใจเขา และมองมายังมายมิ้นท์ “ส้มเปรี้ยวอยู่ที่นี่หรือเปล่า”