“เพราะอะไรเหรอ” ลาเต้แค่เอ่ยปาก ก็รู้ถึงสติปัญญาของเขา เขาเดาไม่ออกจริงๆ
มายมิ้นท์กุมขมับ จากนั้นจึงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “การที่เปปเปอร์ถามแบบนี้ น่าจะเกี่ยวกับการที่ส้มเปรี้ยวเข้าห้องฉุกเฉิน บางทีการหายตัวไปของเธอ อาจจะโดนลักพาตัว และคนที่ลักพาตัวเธอ อาจจะรู้จักพวกเรา”
“หา?” ลาเต้อึ้งไป
มายมิ้นท์เม้มปาก “เรื่องที่ส้มเปรี้ยวทำร้ายฉัน ผ่านไปนานแล้ว แต่เปปเปอร์เพิ่งมาถามเรา ตอนที่ส้มเปรี้ยวหายตัวไปและเข้าห้องฉุกเฉิน เขาแสดงให้เห็นชัดเจน เขาสงสัยว่าเราอยากแก้แค้น และให้คนเอาตัวส้มเปรี้ยวไป”
นี่คือเหตุผลที่เธอเห็นสายตาสงสัยของเปปเปอร์ แล้วรู้สึกปวดใจ
เมื่อได้ฟังที่มายมิ้นท์วิเคราะห์ ลาเต้เข้าใจทุกอย่างทันที แววตาของเขาวูบไหว “ซวยแล้ว เมื่อกี้เธอบอกว่าบอกเรื่องนี้กับราเม็ง งั้นเปปเปอร์ต้องเข้าใจว่าราเม็ง เป็นคนลักพาตัวส้มเปรี้ยวแน่ๆ แถมส้มเปรี้ยวยังต้องเข้าห้องฉุกเฉินด้วย”
“จริงๆ ฉันกำลังคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับราเม็งหรือเปล่า เพราะนอกจากพวกเรา ก็มีแค่ราเม็งที่รู้ ไม่ได้การละ ฉันต้องโทรไปถามเขา”
เธอหยิบมือถือออกจากกระเป๋า จากนั้นเลื่อนหาเบอร์ราเม็ง และกดโทรออก
ลาเต้ปรายตามองเธอ สายตาของเขาดูร้อนตัวเล็กน้อย
ไม่นานก็โทรติด
เสียงอ่อนล้าของราเม็งดังออกมา “พี่ แค่กๆ โทรมาดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ราเม็ง นายไม่สบายเหรอ” มายมิ้นท์ได้ยินเสียงไอดังออกมา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
ราเม็งหัวเราะอย่างอ่อนแรง “ที่นี่หนาวไปหน่อย แถมยังต้องถ่ายข้างนอก ก็เลยเป็นหวัด แค่กๆ……”
“ไปหาหมอหรือยัง กินยาหรือยัง” มายมิ้นท์ถามอย่างเป็นห่วง
ราเม็งรู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ไปหาหมอแล้ว กินยาแล้วด้วย พี่ไม่ต้องเป็นห่วง อีกสักสองวันก็หายแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง แค่กๆ……”
“ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ยังไงกันล่ะ นายไอซะขนาดนี้ ถ้าเกิดการอักเสบขึ้นมาจะทำไง” มายมิ้นท์หงุดหงิดจนกุมขมับ
ในปีนั้น ตอนที่เธอกับพ่อไปมอบเงินช่วยเหลือที่อำเภอแสงดาวเป็นครั้งแรก ราเม็งก็ไม่สบาย คนตัวเล็กๆ อย่างเขานอนขดตัว บนที่นอนขาดๆ ไออย่างรุนแรง เธอกับพ่อรีบพาเขาไปโรงพยาบาล
หมอบอกว่าเขาไอจนเกิดอาการน้ำท่วมปอด ปอดอักเสบ ถ้ามาช้ากว่านี้อาจจะถึงแก่ชีวิต เพราะฉะนั้นตอนนี้ เมื่อเธอได้ยินเขาไอ เธอจะวางใจได้อย่างไร
“เดี๋ยวนายส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะส่งยาที่เหมาะกับร่างกายนายไปให้” มายมิ้นท์พูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะปฏิเสธ
ราเม็งหัวเราะและพยักหน้า “โอเค เข้าใจแล้วพี่”
“โอเค ฉันมีเรื่องถามนาย” เมื่อเห็นเขาเชื่อฟังเธอ สีหน้าของเธอเริ่มดีขึ้น
ราเม็งตอบรับ “พี่ถามมาสิ”
“เรื่องวันนั้นที่ฉันบอกนายว่าโดนส้มเปรี้ยวทำร้าย นายยังจำได้ไหม” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ลาเต้ขับรถพลาง เงี่ยหูฟัง
แววตาของราเม็งเปลี่ยนไป เขายิ้มและตอบว่า “จำได้ ทำไมเหรอ”
“วันนี้ส้มเปรี้ยวหายตัวไป แต่ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลแล้ว ราเม็ง ตอบฉันมาตรงๆ นายทำเรื่องนี้หรือเปล่า” มายมิ้นท์ถามตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม
รอยยิ้มยังอยู่บนใบหน้าราเม็ง “ไม่ใช่ผม ผมอยู่ไกลจากเมืองเดอะซีตั้งเยอะ จะทำเรื่องแบบนั้นได้ไง ทำไมพี่ถึงคิดว่าเป็นผมล่ะ”
“ก็เปปเปอร์ถามขึ้นมา ฉันเลยคิดว่าเกี่ยวกับนายหรือเปล่า” มายมิ้นท์เล่าบทสนทนาของเธอกับเปปเปอร์ ที่โรงพยาบาลให้ฟัง จากนั้นจึงขยับปากเบาๆ “ขอโทษนะราเม็ง ฉันไม่ควรสงสัยนาย”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเข้าใจ เพราะประธานเปปเปอร์ถามแบบนั้น ก็เลยทำให้โยงถึงผมได้ง่ายมาก แต่ผมไม่ได้ทำจริงๆ”
“ฉันเชื่อนาย” มายมิ้นท์หัวเราะออกมา
ลาเต้อยากยกนิ้วโป้งให้ราเม็ง
เป็นไปตามคาด ใบหน้าแสนอบอุ่นและใสซื่อของไอ้หมอนี่ หลอกคนอื่นได้ง่ายๆ แถมที่รักก็เชื่ออย่างง่ายดาย
แต่หลอกเขาไม่ได้หรอก เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของไอ้หมอนี่ มีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะเขารู้ธาตุแท้ของไอ้หมอนี่ แต่เขาอดชื่นชมไม่ได้ ไอ้หมอนี่ทำดีจริงๆ!
หลังจากนั้น มายมิ้นท์ก็คุยเล่นกับราเม็งอีกสองสามประโยค และวางสาย
มายมิ้นท์เก็บมือถือลงกระเป๋า “ราเม็งไม่ได้ทำ ฉันสบายใจแล้ว เปปเปอร์ทำอะไรราเม็งไม่ได้”
ลาเต้หัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไร
มายมิ้นท์มองร้านยาขนาดใหญ่ข้างทาง “จอดรถ”
“เธอจะซื้อยาให้เขาจริงๆ เหรอ” ลาเต้จอดรถและเอ่ยขึ้น
มายมิ้นท์พยักหน้า “ใช่สิ นายรอฉันบนรถ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“ไปเถอะๆ” ลาเต้กวักมือ
มายมิ้นท์เดินเข้าไปในร้านยา เธอหิ้วตะกร้าใบเล็ก เลือกพวกยาแก้หวัดและยาต้านไวรัส ราเม็งถ่ายทำนอกสถานที่บ่อยๆ เขาไปทั่วโลก แต่ละที่สภาพอากาศก็แตกต่างกัน จึงทำให้ป่วยได้ง่ายๆ
พวกยาต้านไวรัสต่างๆ จึงขาดไม่ได้
เมื่อเลือกยาได้พอสมควร มายมิ้นท์คิดว่าคงพอแล้ว เธอเตรียมไปจ่ายเงิน
จู่ๆ เธอหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นยาคุมฉุกเฉินบนชั้นวาง เธอเบิกตาโต
เธอนึกขึ้นมาได้ หลังจากคืนนั้น เธอไม่ได้ป้องกันอะไรเลย คงจะไม่……
เธอไม่กล้าคิดต่อ มายมิ้นท์เรียกพนักงาน “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”
“ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานถามด้วยรอยยิ้ม
มายมิ้นท์ชี้ไปที่ยาคุมฉุกเฉิน “เอ่อ……อันนั้น ถ้าเว้นระยะแล้วค่อยกิน จะยังได้ผลไหม”
“เว้นระยะไปประมาณกี่วันคะ” พนักงานถาม
มายมิ้นท์พอเดาได้ในใจแล้ว แต่เธอก็ยังถามอย่างมีความหวัง “ใกล้จะครึ่งเดือนแล้ว”
พนักงานส่ายหน้า “ขอโทษด้วยค่ะคุณผู้หญิง ระยะเวลานานเกินไป ใช้ไม่ได้ผลค่ะ”
มายมิ้นท์กำตะกร้าในมือแน่น “งั้นฉันอยากรู้ เวลาครึ่งเดือน สามารถตรวจว่าตั้งครรภ์ได้หรือเปล่า”
“ก็ไม่ได้เหมือนกันค่ะ อย่างน้อยต้องหนึ่งเดือนค่ะ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ” มายมิ้นท์ฝืนยิ้มออกมา
“ด้วยความยินดีค่ะ”
เมื่อพนักงานเดินออกไป มายมิ้นท์มองไปที่ยาคุมฉุกเฉินครู่หนึ่ง แล้วเดินถือตะกร้าไปคิดเงิน
ลาเต้เห็นเธอเดินออกมา จึงลงไปรับถุงในมือเธอ ขณะที่กำลังจะถามว่าทำไมนานจัง ก็เห็นเธอก้มหน้า เดินผ่านเขาไป เหมือนอารมณ์ไม่ดี
“ที่รัก เป็นอะไรไป” ลาเต้ไม่ทันสนใจว่าเธอซื้อยาอะไรมา เขารีบเดินตามหลัง และเอ่ยถาม
มายมิ้นท์ส่ายหน้า เธอไม่ตอบอะไร และขึ้นไปนั่งบนรถ
ลาเต้ยืนอยู่ฝั่งข้างคนขับครู่หนึ่ง และเดินกลับไปนั่งที่คนขับ เขาโยนถุงไปไว้เบาะหลัง และคาดเข็มขัดพลางมองมายมิ้นท์ “ที่รัก ใครแกล้งเธอหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดเรื่องกลุ้มใจขึ้นมาน่ะ” มายมิ้นท์พิงเบาะรถ เธอจับสันจมูกและตอบอย่างหงุดหงิด
กินยา เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมตอนนั้นเธอถึงลืมได้นะ มาคิดได้ตอนนี้ ก็สายไปแล้ว
เธอคิดว่า ถ้าเกิดท้องขึ้นมา จะทำยังไง
“เรื่องกลุ้มใจอะไร บอกฉันมาสิ เดี๋ยวฉันแนะนำให้” ลาเต้ถามและหัวเราะ
มายมิ้นท์โบกมือไปมาอย่างอ่อนใจ “พอเหอะ นายช่วยไม่ได้หรอก ให้ฉันตั้งสติเองดีกว่า รีบขับรถเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมพูด ลาเต้จึงยักไหล่ และไม่ถามอีก เขาบิดกุญแจสตาร์ทรถ
หลังจากครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงคอนโดพราวฟ้า
มายมิ้นท์หิ้วถุงลงจากรถ หลังจากบอกลาลาเต้ ก็หันหลังเดินเข้าไป
เมื่อมาถึงในห้อง เธออาบน้ำเป่าผม หัวถึงหมอนก็หลับทันที
วันต่อมา ขณะที่มายมิ้นท์กำลังหลับ ก็ตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตูดังสนั่น