เปปเปอร์ส่ายหน้า “ผมไม่ได้ช่วยเธอพูด นี่เป็นเรื่องจริง”
“แต่ว่า……” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังจะพูด
ส้มเปรี้ยวดึงแขนเสื้อของผู้เป็นแม่ และแสร้งทำเป็นยิ้ม “ช่างเถอะค่ะแม่ ในเมื่อเปปเปอร์คิดว่าไม่ใช่ฝีมือของคุณมายมิ้นท์ งั้นก็คงเป็นเรื่องจริง”
เมื่อเปปเปอร์ได้ยิน เขาขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ แต่เขาก็พูดไม่ถูก
แต่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เข้าใจ เธอถลึงตามองเขา ด้วยความโกรธ
ส้มเปรี้ยวพูดตอนฟื้นขึ้นมา เธอได้ยินกับหูว่า มายมิ้นท์สั่งให้ชายเจ้าเล่ห์ทำ เพราะต้องการแก้แค้นส้มเปรี้ยว
แต่ดูเขาสิ กลับช่วยมายมิ้นท์พูดสุดชีวิต ทำให้ส้มเปรี้ยวเสียใจ แต่ส้มเปรี้ยวก็ยังปกป้องเขา
จู่ๆ เสียงเคาะประตูห้องคนไข้ดังขึ้น ผู้ช่วยเหมันตร์ยืนอยู่หน้าประตู “ประธานเปปเปอร์”
“มีอะไร” เปปเปอร์เอ่ยถาม
ผู้ช่วยเหมันตร์มองส้มเปรี้ยว “ผมสืบเรื่องของราเม็งได้แล้วครับ”
เปปเปอร์หรี่ตาลง “ไปรอฉันข้างนอก”
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบ และเดินออกไป
เปปเปอร์ดึงแขนกลับมา “ส้มเปรี้ยว เดี๋ยวผมออกไปแป๊บนึง”
ส้มเปรี้ยวยิ้มและพยักหน้า “โอเค”
เปปเปอร์ประคองตัวเธอ ให้นอนลงบนเตียง หลังจากเขาห่มผ้าให้เธอ เขาจึงลุกขึ้นออกไป
ประตูปิดลง เปปเปอร์มองผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์ยื่นเอกสารให้เขา “ประธานครับ นี่คือข้อมูลอย่างละเอียดของราเม็ง เขาเป็นเด็กกำพร้า โตมาในอำเภอแสงดาว ตอนอายุสิบกว่าขวบ ได้รับทุนช่วยเหลือจากคุณมายมิ้นท์และพ่อ เขาจึงได้เรียนหนังสือ เมื่อเป็นหนุ่ม เพราะภาพลักษณ์ภายนอกดูดี จึงโดนแมวมองดึงตัวเข้าวงการเดินแบบ สรุปว่า เขาไม่ใช่ชายเจ้าเล่ห์ครับ”
“ไม่ใช่งั้นเหรอ” เปปเปอร์ขมวดคิ้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ครับ ผมถามประธานเยี่ยมบุญ เขาเคยเจอชายคนนี้สองครั้ง จากที่ประธานเยี่ยมบุญเล่า รู้ได้เลยว่าชายเจ้าเล่ห์เป็นแฮกเกอร์มือโปร ส่วนราเม็งไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย อีกอย่าง ตอนนี้ราเม็งถ่ายแบบอยู่ที่ภูเขาหิมะ จนตอนนี้เขาเป็นหวัด แต่ชายเจ้าเล่ห์ไม่ได้เป็นอะไร ดังนั้นราเม็งจึงไม่ใช่ชายเจ้าเล่ห์”
“ประธานเปปเปอร์ ตอนนี้เราจะทำยังไงดีครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์มองชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาเม้มปาก แล้วพูดว่า “สืบประวัติคนรู้จักของมายมิ้นท์ ชายเจ้าเล่ห์ต้องเป็นคนที่มายมิ้นท์รู้จัก สืบประวัติมาให้หมด”
“รับทราบครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า
“คุณชายเปปเปอร์” มีเสียงหวาดระแวงของหญิงสาว ดังขึ้นจากด้านหลัง
เปปเปอร์หันไปมอง ขนมผิงกับเกศวดีกำลังเดินเข้ามา พร้อมช่อดอกไม้ในมือ
“ประธานเปปเปอร์ ส้มเปรี้ยวอยู่ไหมคะ” ขนมผิงไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม เธอก้มหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เราได้ยินว่าส้มเปรี้ยวป่วย เลยมาเยี่ยมค่ะ”
“อยู่ในห้อง” เปปเปอร์ชี้ไปที่ประตู
“ขอบคุณค่ะ ประธานเปปเปอร์” ขนมผิงมีสีหน้าดีใจ เธอหันไปมองเกศวดี ที่ยืนอยู่ข้างๆ “เราเข้าไปกันเถอะพี่เกศ”
“อืม” เกศวดีเชิดหน้าอย่างยโส
ขนมผิงเดินไปเคาะประตู
เกศวดียืนมองเปปเปอร์อยู่ที่เดิม
ในห้องอาหารเมื่อครั้งก่อน เธอยังไม่ทันมองผู้ชายคนนี้ชัดๆ วันนี้เธอได้เห็นชัดๆ แล้ว เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมมาก
พูดเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก เลอแปงสามีของเธอ เทียบไม่ติดเลย
เมื่อคิดถึงผู้ชายที่จะหย่ากับเธอ แววตาของเกศวดีนิ่งงัน แต่เธอก็เก็บงำมันไว้
“พี่เกศ ส้มเปรี้ยวให้เราเข้าไป” ขนมผิงเปิดประตูห้องคนไข้ และกวักมือเรียกเกศวดี
“โอเค” เกศวดีตอบรับ เธอพยักหน้าให้เปปเปอร์เบาๆ จากนั้นจึงเดินย่ำรองเท้าส้นสูงไป
“ไปกันเถอะ” เปปเปอร์โยนเอกสารให้ผู้ช่วยเหมันตร์ และเดินไปทางลิฟต์
ผู้ช่วยเหมันตร์รีบเดินตามไป “ประธานเปปเปอร์ ไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณส้มเปรี้ยวเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ มีพวกคุณเกศวดีอยู่ด้วยก็พอแล้ว” เปปเปอร์ตอบกลับเนิบๆ จากนั้นจึงเอามือถือออกมา ส่งข้อความให้ส้มเปรี้ยว บอกว่าเขากลับแล้ว
ส้มเปรี้ยวเห็นข้อความ เธอกัดริมฝีปาก และพิมพ์ตอบอย่างไม่พอใจ “โอเค”
“ส้มเปรี้ยว เป็นอะไรไป” ขนมผิงเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดี จึงวางดอกไม้ และถามขึ้น
ส้มเปรี้ยวเก็บมือถือ แล้วยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอบใจนะที่มาเยี่ยมฉัน”
“ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนรักกันนิ” ขนมผิงโบกมือไปมา
เกศวดีนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง ขาคู่สวยไขว้ทับกัน “ฉันได้ยินว่าเธอโดนลักพาตัว เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ถึงไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไป แต่เรื่องที่ส้มเปรี้ยวเข้าโรงพยาบาล ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ได้ปิดเป็นความลับ คนในแวดวงทราบกันหมด แค่ลองสืบดูก็รู้ว่าทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล
ขนมผิงตกใจจนอ้าปากค้าง “ส้มเปรี้ยว เธอโดนลักพาตัวเหรอ ใครเป็นคนทำ”
ส้มเปรี้ยวน้ำตาคลอเบ้า และฝืนยิ้มออกมา “คนที่จีบคุณมายมิ้นท์ เพราะก่อนหน้านี้ ฉันไม่ทันระวัง เลยทำให้คุณมายมิ้นท์บาดเจ็บ คนที่จีบคุณมายมิ้นท์เลยลักพาตัวฉัน เพื่อแก้แค้นให้เธอ”
“อะไรนะ นี่มันเกินไปแล้วนะ เธอไม่ได้ตั้งใจ คนที่จีบอะไรนั่น ยังกล้าลักพาตัวเธออีกเหรอ!” ขนมผิงโกรธจนหน้าแดง และพูดอย่างเคียดแค้น
ส้มเปรี้ยวฝืนยิ้ม “เขาคงคิดว่าฉันตั้งใจทำร้ายคุณมายมิ้นท์ เลย……”
เธอไม่ได้พูดต่อ
ขนมผิงโกรธจนหายใจแรง “หึ ฉันว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์แน่นอน ไม่แน่เธออาจจะสั่งคนที่จีบเธอ ให้ทำเรื่องนี้ก็ได้”
“ไม่ใช่ เปปเปอร์บอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณมายมิ้นท์” ส้มเปรี้ยวโบกมือพัลวัน ทำเหมือนกลัวว่าพวกเธอจะเข้าใจผิด
เกศวดีลูบคางครุ่นคิด “เขารู้ได้ยังไง ว่าไม่เกี่ยวกับมายมิ้นท์”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาอาจจะไปถามคุณมายมิ้นท์” ส้มเปรี้ยวส่ายหน้า และตอบด้วยสีหน้าสับสน
ขนมผิงเอามือเท้าเอว “ประธานเปปเปอร์ต้องโดนมายมิ้นท์หลอกแน่นอน ส้มเปรี้ยว เราปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้นะ”
“แต่ว่า…..” ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปาก เหมือนกำลังลำบากใจ
ขนมผิงเห็นท่าทางของเธอ ก็รู้สึกปวดใจ “ไม่ต้องแต่แล้ว มายมิ้นท์แกล้งเธอขนาดนี้ ครั้งนี้ให้คนมาลักพาตัวเธอ ครั้งหน้าไม่รู้จะทำอะไรเธออีก เพราะฉะนั้นเราต้องสั่งสอน ให้รู้ว่าเราไม่ใช่คนที่มากลั่นแกล้งได้ง่ายๆ”
“งั้นให้เป็นหน้าที่ฉัน” เกศวดีพูดอย่างเย็นชา
ส้มเปรี้ยวมองเธอ “พี่เกศจะทำยังไง”
เกศวดีดีดเล็บมือ “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้ เทนเดอร์กรุ๊ปกู้ยืมธนาคาร ฉันลงมือจากจุดนี้ได้ ขัดขวางเงินทุนในธนาคาร เมื่อขาดแคลนเงินทุน เทนเดอร์กรุ๊ปก็ขนส่งลำบาก”
พูดพลาง เธอก็หยิบมือถือออกมา โทรหาประธานของธนาคารใหญ่แต่ละแห่ง
ขนมผิงมองเธออย่างเลื่อมใส
เมื่อส้มเปรี้ยวเห็นเช่นนั้น เธอก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้
เทนเดอร์กรุ๊ป ซินดี้เดินเข้ามาในห้องทำงานมายมิ้นท์ อย่างลุกลี้ลุกลน “แย่แล้วค่ะประธาน เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
“เรื่องอะไร” มายมิ้นท์เงยหน้าจากเอกสารกองใหญ่
ซินดี้รีบรายงานว่า “เมื่อกี้ฉันรับสายที่โทรมาจากธนาคารหลายสาย เขาบอกว่าไม่พอใจ กับเงื่อนไขการกู้ยืมของเรา และปฏิเสธไม่ให้กู้ ธนาคารอื่นๆ ที่ปล่อยให้กู้ ก็มาบอกว่าการยื่นกู้ในตอนนั้น มีข้อผิดพลาด ให้เรารีบคืนเงินกู้ทันที”
“อะไรนะ” มายมิ้นท์สีหน้าเปลี่ยนไป เธอกำปากกาในมือแน่น “ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ทุกธนาคารทำแบบนี้ในเวลาเดียวกัน ฉันเดาว่าต้องมีคนเล่นงานเราลับหลังค่ะ” ซินดี้มองเธอ และเอ่ยขึ้น
จู่ๆ ในหัวของมายมิ้นท์ ก็มีชื่อหนึ่งลอยเข้ามา “เยี่ยมบุญ!”
“คุณคิดว่าเป็นฝีมือของเอสซีกรุ๊ปเหรอคะ”
มายมิ้นท์หรี่ตาลง “นอกจากพวกเขา ฉันว่าก็ไม่มีใครอีกแล้ว”
ถ้าเป็นฝีมือของเยี่ยมบุญจริงๆ ต้องเป็นเพราะที่ดินผืนนั้นแน่ๆ
หรือเพราะส้มเปรี้ยว สรุปแล้วสองเรื่องนี้ ต้องเกี่ยวข้องกันแน่นอน
“ประธานคะ ตอนนี้เราจะทำยังไงดี” ซินดี้ถาม