มายมิ้นท์ยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ชาหวาน ขอบคุณมากนะ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้เธอช่วยฉันเอาไว้ ฉันก็ไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงดี”
เทนเดอร์กรุ๊ปต้องการเงินจำนวนพันล้านถึงจะหมุนเวียนได้ตามปกติ หากธนาคารหลายแห่งนั้นเอาเงินก้อนนี้กลับไป เธอยังไม่รู้เลยว่าจะไปหาเงินพันล้านมาจากที่ไหน
ตอนนี้ชาหวานยื่นมือเข้ามาช่วย แก้ปัญหายากๆนี้แทนเธอ เธอต้องขอบคุณอยู่แล้ว
ชาหวานโบกๆมือ “ประธานมายมิ้นท์ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ แก้ปัญหาแทนเจ้านาย ลูกน้องอย่างฉันควรทำอยู่แล้วค่ะ”
มายมิ้นท์ยิ้มบางๆ ค่อนข้างอบอุ่นใจ
ชาหวานขยับๆริมฝีปาก ยังอยากพูดอะไรอีก แต่จู่ๆมือถือก็ดังขึ้น
เธอหยิบขึ้นมาดู แล้วกดรับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฮัลโหล?”
“พี่หวาน พวกเราเจอที่อยู่ของคุณชายอีกแห่งแล้ว พี่จะมาดูหน่อยไหม?”
“ได้ ฉันจะไปซื้อตั๋วเดี๋ยวนี้”
วางสายแล้ว ชาหวานจึงมองไปที่มายมิ้นท์ “ประธานมายมิ้นท์คะ ฉันอยากขอลางานอีกครั้ง มีเรื่องที่สำคัญมากๆ……”
“ไปเถอะ” มายมิ้นท์ยิ้มพูดขึ้น: “รอเธอกลับมาแล้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอนะ”
“ขอบคุณค่ะประธานมายมิ้นท์ งั้นฉันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะจัดการส่งคนขับรถมารับคุณค่ะ”
พูดจบ เธอก็เก็บมือถือ แล้วรีบออกไปจากห้องส่วนตัว
มายมิ้นท์หยิบตะเกียบขึ้นมา กินอาหารไปนิดหน่อย คาดว่าคนขับรถที่ชาหวานจัดการเอาไว้คงใกล้จะถึงแล้ว จึงเตรียมตัวเช็คบิลกลับเทนเดอร์กรุ๊ป
ตอนที่เธอเพิ่งเดินออกมาจากห้องส่วนตัว ห้องส่วนตัวฝั่งตรงข้ามก็เปิดออกมาพอดี เปปเปอร์กับผู้ช่วยเหมันตร์เดินออกมาจากด้านใน
เมื่อเห็นมายมิ้นท์ ทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึง
มายมิ้นท์เองก็ค่อนข้างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะเจอพวกเขาที่นี่
“ประธานเปปเปอร์” มายมิ้นท์เอ่ยปากก่อน ทักทายเปปเปอร์ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เปปเปอร์ก็พยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการตอบรับ
ผู้ช่วยเหมันตร์ขยับๆแว่นตา ยิ้มให้มายมิ้นท์อย่างสุภาพ “คุณมายมิ้นท์”
“ผู้ช่วยเหมันตร์สวัสดีค่ะ” มายมิ้นท์ยิ้มกลับไป
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว ค่อนข้างไม่สบายใจ
เธอยิ้มกับผู้ช่วยเหมันตร์ได้ แต่เขากลับทำหน้าตายใส่เนี่ยนะ
บรรยากาศรอบๆกายของเปปเปอร์จึงเย็นยะเยือกขึ้นมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ตัวสั่นเล็กน้อย ถอยห่างจากเขาด้วยสัญชาตญาณ
มายมิ้นท์ไม่คิดจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบสองคนนี้ หลังจากทักทายแล้ว จึงเดินไปทางลิฟต์
เปปเปอร์ก็เดินไปเช่นกัน
ลิฟต์กำลังขึ้นมา ทั้งสามคนรออยู่หน้าลิฟต์อย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศน่าอึดอัดเหลือเกิน
ผู้ช่วยเหมันตร์มองเปปเปอร์ที่อยู่ด้านซ้าย แล้วก็มองมายมิ้นท์ที่อยู่ด้านขวา แค่รู้สึกได้ว่าค่อนข้างกดดัน
ทำไมสองคนนี้ ถึงได้เจอกันนะ?
ผู้ช่วยเหมันตร์นวดๆขมับด้วยความปวดหัว
ติ๊ง ลิฟต์มาแล้ว
มายมิ้นท์เดินเข้าไป เปปเปอร์กับผู้ช่วยเหมันตร์ก็ตามหลังเข้าไป
หลังจากเข้าไป ผู้ช่วยเหมันตร์จึงยืนอยู่ที่มุมอย่างรู้ตัวเอง รับบทเป็นมนุษย์ล่องหน
ประตูลิฟต์ค่อยๆปิด แล้วเริ่มเคลื่อนลง
จู่ๆ ไฟในลิฟต์ก็กะพริบสองครั้ง ทั้งยังมีเสียงกระแสไฟฟ้าดังออกมา
ผู้ช่วยเหมันตร์เงยหน้าขึ้น กลืนน้ำลาย พูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ: “ลิฟต์คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
เพิ่งพูดจบ ลิฟต์ก็แกว่งไปมาอย่างรุนแรงทันที
มายมิ้นท์กรี๊ดออกมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเล็กๆซีดเผือดด้วยความตกใจ
บวกกับเธอสวมรองเท้าส้นสูง เดิมทีก็ยืนได้ไม่มั่นคงในลิฟต์ที่แกว่งไปมาอยู่แล้ว โซซัดโซเซ จนข้อเท้าพลิกอีก
เธอถึงกับได้ยินเสียงกระดูกเคลื่อนผิดตำแหน่งอย่างชัดเจน
มายมิ้นท์เจ็บจนเหงื่อเย็นๆผุดออกมา หน้าตาเหยเกขึ้นมาทันที
ตอนที่เธอแทบจะฝืนตัวเองไม่ให้ล้มลงไปไม่ไหว จู่ๆแขนข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากด้านหลังของเธอ แล้วโอบเอวของเธอเอาไว้
ร่างของมายมิ้นท์แข็งทื่อ “คุณทำอะไรน่ะ?”
เธอเจ็บจนเสียงแหบพร่าไปหมดแล้ว
เปปเปอร์ดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก ให้หลังของเธอพิงหน้าอกของเขาอย่างแนบชิด พูดเคร่งขรึม: “อย่าขยับ ยืนพิงผมไว้”
มายมิ้นท์ไม่ยินยอม เตรียมจะดึงมือของเขาออกไปจากช่วงเอว
เสียงของเปปเปอร์จึงดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับน้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้ขัดขืนเล็กน้อย “ถ้าไม่อยากให้เท้าอีกข้างเคล็ดไปด้วย ก็ทำตามที่บอกอย่างว่าง่ายดีกว่า”
มือของมายมิ้นท์หยุดนิ่งในทันที
ไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าเธอข้อเท้าเคล็ด!
บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกยังไง แต่มายมิ้นท์ก็ไม่ได้พยายามจะหลุดพ้นจากการคุ้มครองของ เปปเปอร์อีก พิงอยู่ในอ้อมอกของเขานิ่งๆอย่างเชื่อฟัง
ถึงยังไง เธอก็ไม่ยินยอมให้เท้าเคล็ดทั้งสองข้างจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไปคงต้องนั่งรถเข็นไปทำงานที่บริษัทแน่ๆ
ลิฟต์แกว่งไปมาประมาณสองนาที ในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติ ลงมาถึงชั้นหนึ่งอย่างราบรื่น
เมื่อลิฟต์เปิดออก มายมิ้นท์เห็นแสงสว่างของด้านนอก หัวใจที่ห้อยอยู่บนความกระวนกระวาย ในที่สุดก็วางลงได้แล้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์จัดการเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงบนร่างกาย เดินออกจากลิฟต์ไปก่อน แล้วยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ ขวางประตูลิฟต์แทนทั้งสองคนเอาไว้ เพื่อกันไม่ได้ประตูลิฟต์ปิด
มายมิ้นท์ก้มหน้ามองมือของฝ่ายชายที่ยังวางอยู่บนเอวของตนเอง หลังจากแววตาปรากฏความสับสนออกมาชั่วครู่ จึงเอ่ยปากขึ้นเรียบๆ “ประธานเปปเปอร์ ปล่อยมือได้หรือยังคะ?”
“โทษที” เปปเปอร์ปล่อยมือออก
มือทั้งคู่ของมายมิ้นท์ยันอยู่ที่ผนังลิฟต์เพื่อให้ยืนได้อย่างมั่นคง แล้วส่ายหน้า “ประธานเปปเปอร์ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ เป็นฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก ขอบคุณนะคะประธาน เปปเปอร์ที่ช่วยฉันไว้เมื่อกี้”
“ไม่เป็นไร” เปปเปอร์มองใบหน้าเล็กๆซีดเผือดที่กำลังอดทน ด้วยแววตาที่หม่นหมอง แล้วเคลื่อนสายตาลงไป จับจ้องข้อเท้าที่บวมนูนขึ้นมาของเธอ หัวใจจึงบีบรัดแน่นอย่างบอกไม่ถูก “เท้าของคุณ……”
มายมิ้นท์ก็ก้มหน้าดู ขยับๆข้อเท้าเล็กน้อย
ผลลัพธ์ของการขยับครั้งนี้ ความเจ็บปวดที่เหลือทนก็แพร่ไปทั่วร่างกาย เจ็บจนเธอร้องอู้อี้ออกมา เหงื่อเย็นๆซึมออกมาอีกครั้ง หายใจเร็วขึ้น แต่กลับแสร้งยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เท้าของฉันไม่เป็นไรค่ะ”
ไม่เป็นไร?
เห็นเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอ เปปเปอร์จึงเม้มริมฝีปากบางๆ แล้วก้มตัวลง อุ้มเธอขึ้นมา เดินออกไปนอกลิฟต์
มายมิ้นท์ตะลึงงัน หลังจากได้สติกลับมา ก็ดิ้นขลุกขลัก “เปปเปอร์ คุณทำอะไรน่ะ รีบปล่อยฉันลงไปนะ!”
“อย่าขยับ จะหล่นแล้วนะ!” เปปเปอร์ขมวดคิ้วเตือน
ใบหน้าเล็กๆของมายมิ้นท์แดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าโมโหเขา หรือเขินอายกันแน่ ร่างกายแข็งทื่อไปเลย “งั้นคุณก็ปล่อยฉันลงสิ”
“ปล่อยคุณลง แล้วคุณเดินได้ไหม?” เปปเปอร์กวาดสายตาไปที่เท้าของเธอ
มายมิ้นท์สะอึกเล็กน้อย แต่อย่างรวดเร็วก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม พูดอย่างเย็นชา “มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ที่นี่เป็นโรงแรมภายใต้การดูแลของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ คุณเจ็บตัวที่นี่ ในฐานะที่เป็นเจ้านาย ผมต้องรับผิดชอบ” เปปเปอร์ตอบกลับ
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่ตามหลังอยู่กำลังมองด้านหลังของทั้งสองคน ในใจไม่สงบนิ่งเลย
ตอนที่อยู่ในลิฟต์เขาเห็นอยู่ชัดๆ ประธานเปปเปอร์เองก็ยืนได้ไม่มั่นคง แต่กลับคุ้มครองคุณมายมิ้นท์อย่างเต็มความสามารถ คุณมายมิ้นท์ข้อเท้าเคล็ด ประธานเปปเปอร์ยังแสดงท่าทีปวดใจและประหม่าออกมา
ดูแล้วก็ไม่ใช่ว่า ประธานเปปเปอร์จะไม่มีความรู้สึกต่อคุณมายมิ้นท์นะ
กำลังคิดๆอยู่ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ได้ยินเสียงเปปเปอร์เรียกตนเอง
เขารีบควบคุมความรู้สึก แล้วเดินไปที่เขตพักผ่อนของอาคารอย่างรวดเร็ว “ประธานเปปเปอร์ครับ”
“นายไปหาถุงประคบเย็นมาหน่อย” เปปเปอร์กำชับ
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า แล้วรีบไปทำตามคำสั่ง
อย่างรวดเร็ว ถุงประคบเย็นก็มาแล้ว
หลังจากเปปเปอร์รับมา ก็นั่งลงข้างๆมายมิ้นท์ แล้วก้มตัวลงไปจับข้อเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บของเธอขึ้นมา วางไว้บนขาของตนเอง
ก็ตอนที่เขากำลังจะลงมือถอดรองเท้าของเธอ มายมิ้นท์จึงรีบกดมือของเขาเอาไว้ “ประธานเปปเปอร์ ฉันทำเองได้ค่ะ” เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร จู่ๆถึงดีกับเธอขนาดนี้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาทำอย่างนี้ เธอต้องซาบซึ้งจนร้องไห้แน่ๆ แต่ตอนนี้เธอคงไม่แล้ว หัวใจที่ผิดหวัง คงไม่หวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง เพียงเพราะจู่ๆเขาก็มาทำดีกับเธอหรอก
มายมิ้นท์ยกเท้าลงมาจากบนขาของเปปเปอร์ ตนเองถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วเอาถุงน้ำแข็งประคบไว้บนเท้า เพื่อลดความเจ็บปวด
เปปเปอร์เห็นการกระทำของเธอ จึงเม้มปากเล็กน้อย อาการต่อต้านและปฏิเสธของเธอทำให้ในใจค่อนข้างกระสับกระส่าย
เขาไม่ชอบพฤติกรรมของเธอที่จงใจออกห่างจากเขาอย่างบอกไม่ถูก
แต่ทำไมถึงไม่ชอบ เขาเองกลับพูดไม่ออก
“ประธานมายมิ้นท์ ผมมารับคุณแล้วครับ” จู่ๆ เสียงที่คุ้นหูก็ลอยเข้ามาจากที่ไม่ไกล