“ไปดูทำไม เขาอยากอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ? ก็ให้เขาอยู่คนเดียวไป” ถึงแม้ปากพิศมัยจะพูดอย่างโกรธเคืองไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้เปปเปอร์ขึ้นไป
อย่างไรแล้วปีโป้ก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอ
เธอคนนี้ในฐานะแม่ จะใจร้ายจริงๆ ได้อย่างไร!
เปปเปอร์ก็รู้ในจุดนี้ ดังนั้นพูดจบก็ขึ้นไปข้างบนทันที
“ปีโป้ เปิดประตู” เปปเปอร์ยืนนอกประตูห้องปีโป้ แล้วเคาะประตู
ประตูเปิดแล้ว
ปีโป้มองเขาด้วยขอบตาค่อนข้างแดง “พี่”
“ร้องไห้เหรอ?” เปปเปอร์เลิกคิ้ว
ปีโป้ยกแขนขึ้น ขยี้ตาอย่างหยาบๆ ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “เปล่าสักหน่อย”
เปปเปอร์กระตุกมุมปาก ก็ไม่ได้เปิดโปงเขา “เข้าไปคุยกันหน่อยไหม?”
“เข้ามาสิ” ปีโป้ตกลง เปิดประตูให้ทาง
เปปเปอร์เดินเข้าไป
ปีโป้ปิดประตูห้องแล้วเดินตามหลังเขา “พี่ คราวก่อนพี่บอกว่าพี่จะช่วยผมโน้มน้าวแม่ ให้ผมเล่นบาสได้เต็มที่ไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้แม่จะให้ผมถอนตัวออกจากทีมบาสทุกวันเลย แถมไม่ให้ผมไปร่วมซ้อมด้วย วันมะรืนก็การแข่งขันพื้นที่ห่างไกลของ U17 แล้ว ผมไม่ได้ไปซ้อมเลย โค้ชก็โกรธแล้ว”
เมื่อครู่นี้โค้ชโทรมา บอกว่าถ้าเขาไม่ไปร่วมซ้อมอีก จะตัดชื่อเขาออก
กว่าเขาจะได้ร่วมทีมบาส จะโดนเตะออกเร็วแบบนี้ได้อย่างไร
เปปเปอร์ก็หมดหนทางเช่นกัน “ก่อนหน้านี้แม่สัญญากับฉันแล้วจริงๆ ว่าจะให้นายเล่นบาสให้เต็มที่ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนความคิดเร็วแบบนี้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปคุยกับเธอ”
“พูดแล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าตอนนี้เธอเห็นด้วย แล้วต่อไปเปลี่ยนอีกล่ะ?” ปีโป้นั่งข้างเตียงอย่างขุ่นเคือง
เปปเปอร์เดินไปพิงโต๊ะหนังสือเขา “ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นฉันจะเชิญคุณยายมา”
ดวงตาปีโป้เป็นประกายทันที “จริงด้วย ให้คุณยายมา แม่กลัวคุณยายที่สุด”
เปปเปอร์ตอบอืม กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ หางตาก็ไปเห็นจดหมายหนึ่งบนโต๊ะหนังสือ
จดหมายนั้นค่อนข้างเหลือง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าผ่านมาหลายปี
แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ จดหมายนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมาก
ครั้งหนึ่ง ตอนที่เขากับส้มเปรี้ยวยังเป็นเพื่อนกันทางจดหมาย ซองจดหมายที่ใช้โดยทั่วไปก็ประเภทนี้
“ที่ห้องนาย ทำไมมีจดหมายที่ฉันเขียนให้ส้มเปรี้ยวล่ะ?” เปปเปอร์หยิบจดหมายนั้นขึ้นมา ถามขึ้นขณะมองปีโป้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ปีโป้กระโดดขึ้นมาทันที แย่งจดหมายมา “นี่ไม่ใช่ที่พี่เขียนให้ส้มเปรี้ยวนะ”
นี่มันจดหมายที่เขาเอามาจากบ้านมายมิ้นท์
จะเป็นของพี่ส้มเปรี้ยวได้อย่างไร
“ไม่ใช่ที่ฉันเขียนให้ส้มเปรี้ยวเหรอ?” เปปเปอร์ขมวดคิ้ว ในดวงตาไม่ค่อยเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
ปีโป้เก็บจดหมายเรียบร้อย “ใช่แล้ว”
“งั้นนายบอกฉันหน่อยว่านี่มันจดหมายของใคร?” เปปเปอร์หรี่ตามองเขา
ปีโป้มีความรู้สึกร้อนตัวผ่านดวงตาไป “ยังไงก็ไม่ใช่ของพวกพี่ ส่วนมันเป็นของใครนั้น ผมไม่บอกหรอก นี่มันคือความลับ”
ตอนแรกที่เขาเอาจดหมายนี้มา ความตั้งใจเดิมคืออยากบอกพี่ใหญ่ว่าตอนมายมิ้นท์อยู่มัธยมปลาย ก็มีรักแรกด้วยวิธีการเขียนจดหมายกับคนอื่นแล้ว
แต่ต่อมามายมิ้นท์ช่วยเขาได้ทำสัญญากับทีมบาส เขาเลยเปลี่ยนความคิด ตัดสินใจว่าจะไม่บอก ช่วยเธอปกปิด ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่บอกพี่ใหญ่ว่านี่คือจดหมายของมายมิ้นท์
เปปเปอร์เห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของปีโป้ ก็อยากพูดอะไรบางอย่าง
ปีโป้ยัดจดหมายไว้ในกางเกง เดินไปข้างหน้าผลักเปปเปอร์ไปที่ประตูทางเข้า “เอาล่ะพี่ พี่ออกไปดีกว่า ช่วยผมขอร้องแม่ให้หน่อย”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบาง แล้วลงไปข้างล่าง
“ฟู่……” ปีโป้ปิดประตู หยิบจดหมายออกมา “อันตรายมาก เกือบโป๊ะแตกแล้ว เอาจดหมายไปคืนเธอดีกว่า”
ขณะที่พูด เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหามายมิ้นท์
มายมิ้นท์เพิ่งรวมเอกสารเสร็จ ตอนนี้ฟุบบนโต๊ะทำงานอย่างเหนื่อยล้า
ลาเต้ยืนข้างๆ หัวเราะเธอ “แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้ว ถ้าต่อไปเทนเดอร์กรุ๊ปพัฒนาขึ้นมา ฟื้นตัวเหมือนสถานการณ์แต่ก่อน เธอจะไม่เหนื่อยจนนอนเตียงเลยใช่ไหม?”
“ก็ไม่แน่นะ” มายมิ้นท์ยิ้ม ตอบอย่างค่อนข้างเศร้าซึม
ทันใดนั้น โทรศัพท์ข้างๆ ศีรษะก็ดังขึ้น
มายมิ้นท์ไม่ได้มอง ลาเต้ยืดคือไปเหลือบมอง “น้องชายอดีตสามีเธอ”
“ปีโป้เหรอ?” มายมิ้นท์รีบเงยหน้าขึ้นมา
ลาเต้ทำเสียงฮึดฮัด “เขาโทรหาเธอทำไม?”
“ฉันจะรู้ได้ไง” มายมิ้นท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดวางสาย
ลาเต้มองเธอ “ไม่รับเหรอ?”
“ไม่มีอะไรต้องรับ” มายมิ้นท์ตอบเรียบๆ จะวางโทรศัพท์ลง
ในเวลานี้ จู่ๆ หน้าจอก็เด้งข้อความหนึ่งขึ้นมา: ที่ฉันมีจดหมายของเธอ
จดหมาย?
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว โทรศัพท์กลับไป “จดหมายอะไร?”
ปีโป้ทำหน้าอย่างมีชัย “เธอไม่รับโทรศัพท์ฉันไม่ใช่เหรอ?”
ฟังออกถึงความมีชัยในน้ำเสียงเขา มายมิ้นท์ก็หัวเราะเยาะ “ถ้าไม่พูดอีก ฉันจะวางแล้ว”
“เดี๋ยวๆๆๆ” ปีโป้รีบเรียกเธอ “ฉันพูดแล้ว ฉันพูดแล้วโอเคไหม? ก็คือคราวก่อนที่ฉันอยู่บ้านเธอ เห็นจดหมายมากมายที่ข้าวก้องเขียนให้เธอจากห้องของเธอ ฉันหยิบมาหนึ่งซอง”
“นายค้นห้องฉันเหรอ?” มายมิ้นท์สีหน้าบึ้งตึง ค่อนข้างโกรธแล้ว “ปีโป้ นี่คือการสั่งสอนจากตระกูลนวบดินทร์ของนายเหรอ ค้นห้องคนอื่นตามใจชอบ?”
ปีโป้ก็รู้ว่าพฤติกรรมของตัวเองไม่ถูก ก้มศีรษะลงแล้วตอบอย่างอ่อนแรง “ฉันรู้ฉันผิดไปแล้ว ฉันก็เลยโทรมา ยอมรับผิดกับเธอไง?”
“เฮอะ” มายมิ้นท์หัวเราะเยาะอีกครั้ง
ปีโป้ลูบปลายจมูก “จดหมายนั้น คราวหน้าฉันจะคืนให้เธอ”
“ไม่ต้อง ทิ้งไปเลย ยังไงฉันก็ไม่ต้องการแล้ว” มายมิ้นท์พูดจบ ก็วางสายไป
ลาเต้เห็นเธอวางโทรศัพท์ลงแล้ว ก็ถามด้วยใบหน้าขี้เม้า “เขาโทรหาเธอทำไม?”
“เจ้านั่นขโมยจดหมายที่ข้าวก้องเขียนให้ฉันสมัยก่อนมาจากบ้านฉัน” มายมิ้นท์บีบสันจมูกแล้วพูดขึ้น
ลาเต้เกิดความสนใจ “ฉันจำได้ว่าเธอกับข้าวก้องนั่น ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วใช่ไหม?”
มายมิ้นท์พยักหน้า แววตามีการรำลึกถึงเล็กน้อย “หกเจ็ดปีแล้วล่ะ”
ถ้าเมื่อครู่นี้ปีโป้ไม่ได้พูดขึ้นมากะทันหัน เธอเกือบลืมเพื่อนทางจดหมายในอดีตคนนี้แล้ว
“ทำไมไม่ติดต่อแล้วล่ะ เมื่อก่อนสนิทกับข้าวก้องนั่นมากเลยไม่ใช่เหรอ? คุยกันสองสามจดหมายต่อสัปดาห์” ลาเต้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเศร้า
เขาเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กกับเธอตั้งแต่เล็กจนโต สนิทกันมากที่สุด
แต่ตั้งแต่เธอเป็นเพื่อนทางจดหมายกับข้างก้องนั่น เขาก็โดนเธอเมินบ่อยๆ
“ใครจะไปรู้ล่ะ” มายมิ้นท์ยักไหล่
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมข้าวก้องถึงหยุดส่งจดหมายให้เธอ
หกปีก่อน ในจดหมายสุดท้ายที่ข้าวก้องส่งมาบอกว่า ต่อไปไม่ต้องเขียนจดหมายแล้ว เธอก็ไม่ได้ข่าวของเขาอีกเลย ครั้งหนึ่งเธอสงสัยด้วยซ้ำว่าเธอเขียนอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า เขาเลยไม่สนใจเธอแล้ว
ลาเต้นึกว่ามายมิ้นท์ไม่อยากพูด เป็นอัมพาตไปแล้ว ก็ไม่ถามแล้ว
หลังจากนั้น เขาก็มองเวลา “เลิกงานแล้ว ฉันจะไปส่งเธอ”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้า
ลาเต้ไปส่งมายมิ้นท์กลับคอนโดพราวฟ้า และขับรถจากไปแล้ว
มายมิ้นท์ถือไม้เท้าเดินเข้าห้องนอนไป หาจดหมายเหล่านั้นที่สมัยก่อนข้างก้องเขียนให้เธอออกมา
นิ้วเธอสัมผัสจดหมายเหล่านี้เบาๆ ในดวงตามีความระลึกถึงเล็กน้อย
แต่ไม่นาน เธอก็ควบคุมความระลึกถึงนี้ไว้ หยิบจดหมายเหล่านี้ขึ้นมาโยนทิ้งถังขยะไป
จดหมายเหล่านี้เธอเก็บไว้ตั้งหลายปี ถึงเวลาที่ต้องทิ้งแล้ว
แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่มือมายมิ้นท์วางไว้บนอากาศเหนือถังขยะ แต่ในใจกลับไม่ยินยอม ทำให้เธอไม่สามารถปล่อยมือได้
ผ่านไปสักพัก มายมิ้นท์ก็ถอนหายใจ สุดท้ายก็วางจดหมายเหล่านี้ไว้ที่เดิม
ช่างเถอะ ในเมื่อไม่อยาก งั้นก็วางไว้ดีกว่า
อย่างมากที่สุดต่อไปก็ไม่ต้องเห็นก็พอ
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว หันตัวเดินออกไปจากห้องนอน เดินไปที่ห้องน้ำ