รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 194 พวกเขาจะแต่งงานกันไม่ได้นะ！！！

มู่ซีซีมองไปที่สายตาของจี้หลิงชวน เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้หลิงชวนพูดเมื่อกี้ก็รู้สึกได้ถึงความซับซ้อนที่อธิบายไม่ถูกในดวงตาของเขา มู่ซีซีกัดริมฝีปากไว้และไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
ในเวลาต่อมา บาทหลวงหันไปมองมู่ซีซีที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง：“คุณมู่ซีซี ขอถามว่าคุณจะยอมแต่งงานและรับคุณจี้หลิงชวนเป็นสามีหรือไม่่？ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย คุณก็จะรักเขา ทะนุถนอมขา และซื่อสัตย์ต่อเขาตลอดไป？”
มู่ซีซีมองตรงไปที่ดวงตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของจี้หลิงชวน ในช่วงเวลาต่อมา มู่ซีซีก็ได้ยินเสียงตัวเองสะอื้นเล็กน้อยและพูดว่า：“ฉันยินดี”
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเสียงของมู่ซีซี รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็กว้างขึ้น
ผู้คนต่างก็ปรบมือเพื่อเป็นการอวยพร บาทหลวงยิ้มให้มู่ซีซีและจี้หลิงชวน จากนั้นก็กล่าวว่า：“ในตอนนี้เจ้าบ่าวสามารถสวมแหวนแต่งงานให้กับเจ้าสาวได้แล้ว”
ลู่เฉิงฮ่าวและลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่ด้านข้างของทั้งสองคนก็รีบหยิบแหวนออกมาส่งให้จี้หลิงชวนและมู่ซีซีตามลำดับ
สายตาของจี้หลิงชวนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและมองไปที่มู่ซีซีที่อยู่ใกล้ ๆ เขาจับมือของมู่ซีซีแล้วสวมแหวนให้มู่ซีซีอย่างตั้งใจ
และมู่ซีซีที่อยู่ข้าง ๆ ก็หยิบแหวนผู้ชายขึ้นมาสวมให้จี้หลิงชวนด้วยมือของตัวเอง
“ตอนนี้เจ้าบ่าวสามารถจูบเจ้าสาวของคุณได้แล้ว” ในทันทีที่คำพูดของบาทหลวงลดลง จี้หลิงชวนก็จับหน้าของมู่ซีซีมาและกำลังจะจูบลงไป
มู่ซีซีมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของจี้หลิงชวน ซึ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และหลับตาลงอย่างเขินอาย
นายหญิงจี้เห็นฉากบนเวทีแล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจ และน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจ
ผู้คนต่างมองคู่คู่รักบนเวทีด้วยความชื่นชม
แต่ในขณะที่จี้หลิงชวนกำลังจะจูบริมฝีปากสีแดงของมู่ซีซี ประตูของคริสตจักรที่ปิดอยู่ก็ถูกผลักเข้ามาจากด้านนอกอย่างแรง
ทันใดนั้นเสียงที่แหลมคมก็ดังขึ้นภายในคริสตจักรที่เงียบสงบ：“ไม่ได้นะ！จี้หลิงชวนจะแต่งงานกับมู่ซีซีไม่ได้！！！！”
เสียงนั้นแหลมคมจนแสบแก้วหู และทุกคนที่ยั่งอยู่ที่นี่ก็ได้ยินอย่างชัดเจน รวมถึงจี้หลิงชวนที่กำลังจะจูบมู่ซีซีอยู่บนเวทีด้วย
ผู้คนต่างตกอยู่ในความเงียบสงบ
ทุกคนมองไปที่ต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน และเห็นมู่อวี๋เฟยปรากฏอยู่ที่ประตูของคริสตจักรอย่างเหนื่อยล้า
ด้านหลังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยตามาด้วยสองคน เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองไม่สามารถขัดขวางด้วยความบ้าคลั่งของมู่อวี๋เฟยไว้ได้
เมื่อมู่ซีซีเห็นมู่อวี๋เฟยปรากฏตัว หัวใจของเธอก็เต้นแรง และความรู้สึกไม่สบายใจที่หลงเหลืออยู่ในหัวใจของเธอก็เพิ่มขึ้นในทันที
มู่อวี๋เฟยไม่เคยต่อสู้กับการต่อสู้ที่ไม่แน่นอน ดังนั้นครั้งนี้ที่มู่อวี๋เฟยมาปรากฏตัวที่นี่ เธอต้องการจะทำอะไร？！！！
จี้หลิงชวนมองไปที่มู่อวี๋เฟยและขมวดคิ้วแน่นในทันที
เมื่อกี้มู่อวี๋เฟยต้องมีเหตุผลเพียงพอที่สามารถพูดได้ว่าจี้หลิงชวนไม่สามารถแต่งงานกับมู่ซีซีได้ ทำให้ดวงตาของจี้หลิงชวนมืดมนลง
ในเวลาต่อมา จี้หลิงชวนได้ขยิบตาให้กับเพื่อนสนิทสองสามคนของตัวเอง
ลู่เฉิงฮ่าว เวินจิ่ง และซูอวี่โม่รีบลงไปจากเวทีอย่างเงียบ ๆ และรีบเรียกบอดี้การ์ดสองสามคนมาพาตัวมู่อวี๋เฟยออกไป
ในตอนนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการฝึกมา ไม่สามารถขัดขวางมู่อวี๋เฟยไว้ได้ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นบอดี้การ์ดที่สูงและได้รับการฝึกมาเป็นพิเศษสองคน และพาตัวมู่อวี๋เฟยออกไปเหมือนกับลูกไก่ตัวเล็ก ๆ
แม้ว่ามู่อวี่เฟยจะดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่เธอก็ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของบอดี้การ์ดทั้งสองคนได้
เมื่อเห็นว่ามู่อวี้เฟยกำลังจะถูกลากออกไปแล้ว ดวงตาของมู่อวี๋เฟยก็แดงระเรื่อ เธอหันไปมองนายหญิงจี้ที่อยู่ด้านข้างและตะโกนเสียงดังว่า：“คุณย่าจี้！จี้หลิงชวนจะแต่งงานกับมู่ซีซีไม่ได้นะ！！！พวกเขาทั้งสองคนจะแต่งงานกันไม่ได้！！！ฉันมีหลักฐาน！”
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินที่มู่อวี๋เฟยพูดเมื่อกี้ ดวงตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของเขาก็มืดมนลง และพูดขัดจังหวะมู่อวี๋เฟย：“มั่วงงอะไรกันอยู่！รีบพาตัวเธอออกไปซิ！！！”
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองคนเห็นท่าทางที่โกรธมากของจี้หลิงชวน สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึม และรีบพาตัวมู่อวี๋เฟยถอยหลังออกไป
ฝ่ามือขนาดใหญ่ปิดปากของมู่อวี๋เฟยไว้
ในช่วงเวลาต่อมา มู่อวี๋เฟยก็บิดตัวเหมือนหมาบ้า และกัดมือของบอดี้การ์ดอย่างแรงบอดี้การ์ดจึงปล่อยมือออกด้วยความเจ็บปวด มู่อวี๋เฟยถือโอกาสนี้ตะโกนอีกครั้งว่า：“จริง ๆ แล้วมู่ซีซีผู้หญิงเลวคนนี้ไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ ของฉัน เธอเป็นเด็กที่พ่อแม่ขอฉันรับมาเลี้ยง！！！เธอคือลูกพี่ลูกน้องที่หายสาบสูญไปของจี้หลิงชวน！พวกเขาทั้งสองคนจะแต่งงานกันไม่ได้！！！”
ทันทีที่คำพูดของมู่อวี๋เฟยจบลง ภายในคริสตจักรก็เงียบลงอย่างน่าประหลาดใจ
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ทุกคนในคริสตจักรอันเงียบสงบก็กระซิบกระซาบกัน
คนที่มาร่วมงานแต่งงานของจี้หลิงชวนและมู่ซีซีในครั้งนี้ล้วนมาจากตระกูลจี้และความสัมพันธ์ก็ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าเป็นที่รู้กันดีว่าป้าของจี้หลิงชวนที่หนีออกจากบ้านได้ให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่ง
หลังจากที่เธอเสียชีวิต เด็กผู้หญิงที่เพิ่งคลอดคนนั้นเพิ่งจะอายุได้เพียงหนึ่งเดือนและหายสาบสูญไป
แต่ในตอนนี้ที่มู่อวี๋เฟยบอกว่ามู่ซีซีคนนี้เป็นลูกสาวของป้าจี้หลิงชวนที่หายสาบสูญไป？？？！
จี้หลิงชวนได้เตรียมใจไว้นานแล้ว เมื่อได้ยินมู่อวี๋เฟยพูดเรื่องนี้ออกมาในตอนนี้ สีหน้าของจี้หลิงชวนก็ซีดลงในทันที และอุณหภูมิในร่างกายของเขาก็ต่ำลงจนน่าตกใจ
หลังจากที่มู่ซีซีได้ยินเรื่องเมื่อกี้ก็ตกตะลึง และค่อย ๆ ได้สติกลับมา เธอส่ายหัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอจับมือของจี้ลิงชวนไว้แน่น ราวกับว่าต้องการคำยืนยันจากจี้หลิงชวน：“จี้หลิงชวน……นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่？ที่มู่อวี๋เฟยพูดหมายความว่ายังไง？”
ปฏิกิริยาตอบโต้ที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นนายหญิงจี้ หลังจากที่มู่อวี๋เฟยพูดจบลง นายหญิงจี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยุงรถเข็นแล้วลุกขึ้นยืนอย่างโคลงเคลง และตะโกนไปที่บอดี้การ์ดเหล่านั้นว่า：“พาคนมาให้ฉัน！！！”
นายหญิงจี้พูดด้วยสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม บอดี้การ์ดเหล่านั้นมีความกล้าขัดคำสั่งของนายหญิงจี้ และทั้งสองคนก็รีบพาตัวมู่อวี๋เฟยมาข้างหน้านายหญิงจี้
คนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นคนของตัวเอง นายหญิงจี้จึงไม่มีอะไรต้องกังวล เธอจ้องมองไปที่มู่อวี๋เฟยที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นไม่โกรธทีละคำว่า：“มู่อวี๋เฟย เธอรู้ไหมว่าเมื่อกี้เธอกำลังพูดอะไร？”
มู่อวี๋เฟยเงยหน้าขึ้นแล้วตอบว่า：“คุณย่าจี้ ฉันรู้ดีว่าเมื่อกี้ฉันกำลังพูดอะไร！ฉันมีหลักฐาน！”
ในขณะที่พูดมู่อวี๋เฟยก็ผลักบอดี้การ์ดออกไป และหยิบเอกสารจากกระเป๋าของตัวเองออกมาให้นายหญิงจี้：“คุณย่าจี้ คุณดูสิ่งนี้แล้ว คุณก็จะรู้ว่าที่ฉันพูดไปนั้นจริงหรือเท็จ！”