รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 308 การยืนยันตัวตนของศพ

แต่จี้หลิงชวนยังคงมีความทรงจำลึก ๆ เกี่ยวกับเสื้อผ้าของศพผู้หญิงคนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสื้อผ้าแบบเดียวกันกับที่มู่ซีซีสวมใส่ในวันที่เกิดอุบัติเหตุ
แม้แต่ผมของศพผู้หญิงคนนี้ก็ยังยาวเท่ากันกับผมของมู่ซีซี และเป็นสีดำเหมือนกัน
จากสองประเด็นนี้ สามารถระบุได้ว่าศพผู้หญิงศพนี้ก็คือมู่ซีซี
แต่จี้หลิงชวนก็พยายามส่ายหน้าและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองเห็นจากนั้นเขาก็พูดกับ ฟางเซิ่งขึ้นว่า”ฉันไม่เชื่อ! ฉันไม่เชื่อว่านี่คือมู่ซีซี! ฉันไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด!”
จี้หลิงชวนพูดพลางมองฟางเซิ่งด้วยดวงตาที่แดงก่ำ”รีบไปหาแพทย์นิติเวชมาเพื่อทำการชันสูตรศพเดี๋ยวนี้! หาแพทย์นิติเวชที่ดีที่สุดมาโดยด่วน !!!!”
ทันทีที่จี้หลิงชวนพูดจบ ฟางเซิ่งก็รีบออกไปจัดการในทันที
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ศพผู้หญิงลอยน้ำร่างนี้ได้ถูกแพทย์นิติเวชนำเข้าห้องเพื่อทำการชันสูตรศพ
จี้หลิงชวนไม่มีวิธีการเปรียบเทียบDNAของมู่ซีซีกับศพของผู้หญิงศพนี้ และเขาก็ไม่สามารถหาญาติที่มีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกับมู่ซีซีได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอาศัยแพทย์นิติเวชทำการผ่าพิสูจน์ศพเพื่อดูว่าศพผู้หญิงที่เสียชีวิตนั้น มีการตั้งครรภ์หรือไม่และระยะเวลาการตั้งครรภ์เป็นเวลาเท่าไหร่ เพื่อใช้ตรวจสอบว่าศพผู้หญิงศพนี้มีความเกี่ยวข้องกับมู่ซีซีหรือไม่
แพทย์นิติเวชทำงานไม่หยุดจนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มสิบ เมื่อประตูห้องที่ปิดแน่นอยู่ถูกเปิด แพทย์นิติเวชเดินออกมาพร้อมกับถอดหน้ากากออกและเดินเข้าไปหาจี้หลิงชวน แพทย์ยื่นเอกสารรายงานที่อยู่ในมือให้กับจี้หลิงชวนและกล่าวว่า “ คุณชายจี้ รายงานการชันสูตรพลิกศพออกมาแล้ว เวลาเสียชีวิตประมาณ 11 วันที่ผ่านมา คือ ประมาณวันที่ 2 กันยายน สาเหตุการตายคือน้ำท่วมปอด หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าจมน้ำ นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตเคยตั้งครรภ์และอายุครรภ์น่าจะประมาณ 5 สัปดาห์ แต่เด็กหน้าจะได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าจากภาวะการแท้งบุตรแล้ว ”
ข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องกับมู่ซีซีทุกอย่าง
ตอนนั้นรถถูกกู้ขึ้นมาจากแม่น้ำมีคราบเลือดอยู่ในรถจำนวนมาก และก็คงจะรักษาชีวิตของเด็กไว้ไม่ได้แล้ว
ดวงตาคู่นั้นของจี้หลิงชวนดูเหมือนกำลังเศร้าหมอง และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ดูสงบลง
จี้หลิงชวนกำมือทั้งสองข้างแน่น ในขณะนี้แม้ว่าจี้หลิงชวนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ฟังและเขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ ข้อมูลศพผู้หญิงศพนี้ตรงกับข้อมูลทั้งหมดของมู่ซีซี ตอนนี้จี้หลิงชวน ไม่กล้าแม้แต่จะหาข้ออ้างมาหักล้างได้
จี้หลิงชวนใช้มือทุบเข้ากับกำแพงอย่างแรง โดยที่ไม่มีท่าทีเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นเขาก็มองไปที่ฟางเซิ่งซึ่งยืนอยู่ทางด้านข้างและกล่าวขึ้นว่า “เรื่องในขั้นตอนต่อไป นายจัดการต่อได้เลย”
หลังจากพูดจบ จี้หลิงชวนก็เดินออกจากหอฌาปนกิจด้วยท่าทางเหมือนคนอ่อนแรง
จี้หลิงชวนขับรถอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทันทีที่จี้หลิงชวนกลับถึงตัวเมืองหรง เขาก็ขับรถตรงไปที่ประตูโรงยิมมวยส่วนตัวในทันที
จี้หลิงชวนไม่ได้ไปโรงยิมมวยเป็นเวลานาน
หลังจากใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนอยู่ในโรงยิมมวย จี้หลิงชวนชกมวยกับคู่สู้อย่างบ้าคลั่ง ในตอนแรก เขาสามารถชกชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย แต่จี้หลิงชวนก็ไม่ใช่คนเหล็ก ในช่วงต่อมาจี้หลิงชวนใช้แรงมากขึ้นเรื่อยๆ พอมาถึงคู่ต่อสู้คนที่สิบห้า จี้หลิงชวนเดินหน้าเข้าชกอย่างไม่ยั้ง
ระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน จี้หลิงชวนชกกับคู่ต่อสู้ถึง 30 คน ในรอบสุดท้าย เขาชกจนไม่มีแรงที่จะชกต่อไปแล้ว จี้หลิงชวนล้มลงกับพื้นและแทบจะลุกไม่ขึ้น
ตอนนั้นเองเจ้าของโรงยิมมวยได้รีบส่งตัวจี้หลิงชวนไปที่บ้าน จากนั้นก็เรียกแพทย์ประจำตัวให้เข้ามาตรวจร่างกายของจี้หลิงชวน
โชคดีที่เป็นการบาดเจ็บเพียงแค่ผิวหนังฟกช้ำเท่านั้น และเป็นเพราะความอ่อนล้าทางร่างกาย ทำให้เขาหมดสติไป พักผ่อนไม่กี่วันก็ดีขึ้น
จี้หลิงชวนนอนอยู่บนเตียงเป็นระยะเวลาหนึ่งวันเต็มๆ เป็นเพราะความเจ็บปวดทางร่างกาย
จี้หลิงชวนกำหมัดและกัดฟันแน่น ตอนนี้ ด้วยหลักฐานมากมายที่อยู่ตรงหน้า ทำให้จี้หลิงชวนต้องทำใจยอมรับ แม้ว่าเขาไม่อยากจะเชื่อก็ตาม มู่ซีซีอาจจะตายไปจริงๆแล้วก็ได้
คนที่ลักพาตัวมู่ซีซีไปและคนที่ทำร้ายเธอ จี้หลิงชวนขอสาบานว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!
เขาต้องการจับเอาพวกคนที่มันทำร้ายมู่ซีซีมาทรมานอย่างสาสม ทรมานให้ตายทั้งเป็น เพื่อให้พวกมันได้ชดใช้และตายพร้อมกับซีซี! ! !
จี้หลิงชวนไม่รอให้บาดแผลบนร่างกายหาดีก่อน เขาค่อยๆตะเกียกตะกายลุกขึ้นและรีบจัดการสั่งงาน
จี้หลิงชวนส่งคนจำนวนมากออกไปตามหาเบาะแสของกลุ่มคนที่ทำการลักพาตัวมู่ซีซี และก็ได้ลงไปทำการตรวจสอบด้วยตัวเองด้วย หลังจากตรวจสอบเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ จี้หลิงชวนก็ได้เบาะแสที่แน่ชัดแล้วว่าคนที่ลักพาตัวมู่ซีซีเป็นคนกลุ่มไหน
ในตอนที่จี้หลิงชวนพาคนจำนวนหนึ่งไปปิดล้อมบาร์เพื่อตามหาตัวคนร้าย ดูราวกับว่าจี้หลิงชวนกำลังทำการสืบอย่างลับๆ ทันทีที่จี้หลิงชวนมาถึงบาร์ จู่ๆ ในบาร์ก็มีคนก่อเรื่องขึ้น
เป็นผลให้คนร้ายที่ลักพาตัวมู่ซีซีไป ใช้ประโยชน์จากความโกลาหลในครั้งนี้และวิ่งหนีออกไป และเมื่อจี้หลิงชวนพาคนไล่ตามไป ปรากฏว่าคนกลุ่มนั้นได้วิ่งหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
อีกสองวันต่อมาจี้หลิงชวนที่ไม่ยอมแพ้ เขาทำการเพิ่มกำลังคนเพื่อไล่ล่าคนร้ายมากขึ้นอีก แต่กลับพบว่าหลังจากที่คนกลุ่มนั้นได้หลบหนีออกจากบาร์ไปแล้ว ก็ได้ใช้หนังสือเดินทางปลอมเพื่อขึ้นเครื่องบินและหนีไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
จี้หลิงชวนได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า พวกกลุ่มคนที่ทำการลักพาตัวมู่ซีซีไปนั้นเป็นเพียงแค่พวกอันธพาลในท้องถิ่นเท่านั้น
จะมีความสามารถขนาดปลอมแปลงหนังสือเดินทางเพื่อไปต่างประเทศได้ที่ไหนกัน!
มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มพวกอันธพาลพวกนี้อยู่แน่! เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด!
ประเทศสหรัฐอเมริกามีพื้นที่ขนาดใหญ่ และปราศจากอำนาจของจี้หลิงชวน ถ้าคนกลุ่มนั้นหนีไปอเมริกาแล้ว การจะหาตัวคนกลุ่มนั้นก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
มันไม่ได้หาตัวเจอกันได้ง่ายขนาดนั้น แต่ถึงอย่างนั้นจี้หลิงชวนก็ยังไม่ยอมแพ้ และส่งคนที่มีความชำนาญบินไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อไล่ล่ากลุ่มคนเหล่านั้น
แต่การที่จะหาตัวคนให้พบนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ชูเหยาได้ตั้งใจมาหาจี้หลิงชวนโดยเฉพาะ แต่ทุกครั้งที่เธอมาก็มักจะถูกจี้หลิงชวนปฏิเสธอยู่เสมอ และชูเหยาก็ไม่ได้พบจี้หลิงชวนเลยสักครั้ง
เมื่อชูเหยาถูกปฏิเสธเป็นครั้งที่สาม ในที่สุดชูเหยาก็ทนไม่ไหว ดังนั้นเธอจึงตั้งใจไปยืนรออยู่ที่ประตูบริษัทจี้ซือด้วยความดื้อรั้น
ชูเหยายืนรอจนกระทั่งจี้หลิงชวนทำงานเสร็จในเวลาสี่ทุ่ม และทันทีที่เขาขับรถออกจากโรงจอดรถ
ทันทีที่ชูเหยาเห็นรถที่จี้หลิงชวนขับออกมา ราวกับว่าเธอไม่เสียดายชีวิต เธอวิ่งเข้าไปขวางรถของเขาไว้
เป็นเพราะชูเหยาวิ่งออกมาอย่างกะทันหัน แต่โชคดีที่จี้หลิงชวน ตอบสนองได้ไว้ เขารีบเหยียบเบรกในทันที
เสียงเหยียบเบรกของรถดังสนั่น รถหยุดอยู่ต่อหน้าของชูเหยาในระยะที่ประชิดตัวมาก
หลังจากที่จี้หลิงชวนเห็นว่าเป็นชูเหยาแล้ว จี้หลิงชวนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่สบอารมณ์ เขาผลักประตูรถและลงมาจากรถในทันที
“ชูเหยา！ เธออยากตายหรือยังไง？” จี้หลิงชวนขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับมองไปที่ชูเหยาด้วยความเย็นชา