รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 406 กำลังช่วยเหลือ

เวลาค่อยๆผ่านไป จี้หลิงชวนอยู่ในห้องผ่าตัดไปสามชั่วโมงแล้ว
ฟางเซิ่งที่อยู่ข้างๆเห็นสีหน้ามู่ซีซีย่ำแย่กว่าเดิม จึงอดเอ่ยกับเธอไม่ได้ว่า “คุณหนูซีซีครับ คุณนั่งพักก่อนไหมครับ สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลย คุณชายจี้ต้องปลอดภัยแน่นอนครับ แต่คุณก็ต้องดูแลร่างกายตัวเองด้วยนะครับ อย่าทำให้คุณชายจี้เป็นห่วง”
เหงื่อมู่ซีซีไหลเต็มหน้าผาก สีหน้าก็ซีดขาวเหมือนกระดาษ พอได้ยินฟางเซิ่งพูดแบบนี้ มู่ซีซีค่อยหยุดฝีเท้า แล้วเธอก็ค่อยรู้ตัวว่าขาตัวเองอ่อนแรงจนยืนไม่ไหวแล้ว
มู่ซีซีจึงลูบท้องตัวเองที่นูนขึ้นมา จากนั้นก็กัดริมฝีปากที่ซีดขาวแรงๆ แล้วพยายามฝืนยิ้มออกมา
ใช่! ฟางเซิ่งพูดถูก ตอนนี้เธอต้องดูแลตัวเองกับลูกดีๆ อย่าทำให้จี้หลิงชวนเป็นห่วง จี้หลิงชวนต้องปลอดภัยแน่นอน!
จี้หลิงชวนเป็นคนที่รักษาคำพูดอยู่แล้ว จี้หลิงชวนสัญญากับเธอว่าต้องไม่เป็นอะไร เพราะฉะนั้นตอนนี้จี้หลิงชวนต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!
ขณะคิดมู่ซีซีจึงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเอง ยื่นมือไปพยุงผนังแล้วนั่งลงบนที่นั่งทางเดิน สายตาก็เอาแต่จ้องประตูห้องผ่าตัด แล้วดวงตาก็ไม่กะพริบเลย เอาแต่ภาวนาในใจว่าจี้หลิงชวนต้องปลอดภัย จี้หลิงชวนต้องปลอดภัยแน่นอน
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป การผ่าตัดดำเนินไปนานถึงเจ็ดชั่วโมง
สุดท้ายมู่ซีซีก็เห็นป้ายไฟหน้าห้องผ่าตัดที่สว่างอยู่ตลอดดับลง
วินาทีที่ป้ายไฟดับลง มู่ซีซีจึงรีบลุกขึ้นจากบนที่นั่งทันที เวลาผ่านไปนานขนาดนี้มู่ซีซีไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้กินน้ำแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้ไม่รู้ว่ามู่ซีซีเอาแรงมาจากไหน ฝีเท้าเธอก็รีบก้าวเดินไปที่หน้าประตูห้องผ่าตัด
มู่ซีซีเพิ่งก้าวเดินไปที่ประตูห้องผ่าตัด ทันใดนั้นประตูจึงถูกเปิดจากข้างใน
ศาสตราจารย์ที่ใส่แมสที่เดินออกมาก่อนโดนมู่ซีซีขวางไว้ทันที สายตามู่ซีซีเอาแต่จ้องศาสตราจารย์ มือทั้งข้างเพราะเกร็งเกินไปจึงกำไว้แน่น มู่ซีซีกัดริมฝีปากแน่นแล้วรวบรวมความกล้าค่อยได้ยินเสียงที่สั่นเครือของตัวเองดังขึ้น “คุณหมอคะ จี้หลิงชวนเป็นยังไงบ้างคะ? คุณหมอ ตอนนี้จี้หลิงชวนเป็นยังไงบ้างคะ?”
คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดเห็นท่าทางมู่ซีซียืนไม่ไหวแล้วจึงยื่นมือไปพยุงเธอไว้ จากนั้นจึงถอดแมสแล้วพูดกับเธอว่า “คุณหนูซีซีไม่ต้องเป็นห่วงครับ ตอนนี้ช่วยชีวิตคุณชายจี้ได้แล้วครับ พ้นขีดอันตรายแล้ว……”
พอมู่ซีซีได้ยินประโยคเมื่อกี้ จึงรู้สึกโล่งอกทันที ใจที่สั่นเกร็งเต้นแรงก็กลับมาเป็นปกติ
จี้หลิงชวนปลอดภัยแล้ว……ดีจังเลย จี้หลิงชวนไม่เป็นอะไรแล้ว……จี้หลิงชวนปลอดภัยแล้วจริงๆ……
ใบหน้าของมู่ซีซีจึงมีรอยยิ้มที่ดีใจ มู่ซีซีดีใจมาก ดีใจจนไม่ได้ยินว่าหลังจากนั้นคุณหมอพูดว่าอะไรบ้าง ข้างหูก็มีเสียงแว่วมา จากนั้นก็รู้สึกหน้ามืดเวียนหัว
มู่ซีซีจึงเดินเซถอยหลังไปสองก้าว ทันใดนั้น สติของมู่ซีซีจึงเลือนหายไปในความมืด
คุณหมอกำลังอธิบายสถานการณ์ของจี้หลิงชวนกับมู่ซีซีอยู่ ใครจะรู้ว่าพูดอยู่ดีๆอยู่ๆมู่ซีซีก็จะสลบเป็นลมไปทันที
ยังโชคดีที่รอบข้างมีคนอยู่เยอะ ทุกคนจึงรีบพยุงตัวมู่ซีซีไว้ทันเธอเลยไม่ได้ล้มลงไปที่พื้น
พยาบาลข้างๆเห็นจึงรีบเข็นเตียงคนไข้แล้วรับตัวมู่ซีซี จากนั้นจึงรีบพาไปช่วยเหลือ
ตอนนี้คุณชายจี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าถ้าคุณชายจี้ฟื้นมาแล้วรู้ว่าเกิดเรื่องกับมู่ซีซี งั้นจัดการหมอทั้งโรงพยาบาลก็คงทำให้คุณชายจี้หายโมโหไม่ได้!
คุณหมอกับพยาบาลไม่กล้ารอช้า จึงรีบพามู่ซีซีไปตรวจเช็กทั้งร่างกายทันที แม้แต่เด็กในท้องก็ยังตรวจเช็กด้วย
พอแน่ใจว่ามู่ซีซีไม่เป็นอะไรแล้ว แค่อารมณ์แปรปรวนเกินไป ดีใจเกินไป บวกกับเกร็งมากเกินไปจนไม่ได้พักผ่อนดีๆ สารอาหารในร่างกายไม่ครบถ้วนด้วย ก็เลยเป็นลมไป
ร่างกายมู่ซีซีเหนื่อยเกินไป พอทำการตรวจเช็กร่างกายแล้วแต่เธอก็ยังไม่ฟื้น คุณหมอจึงส่งตัวเธอไปในห้องพักฟื้นวีไอพี แล้วให้กลูโคสกับมู่ซีซี
มู่ซีซีเหนื่อยเกินไป เธอจึงนอนยาวแล้วค่อยตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมา
มู่ซีซีเพิ่งลืมตาขึ้นมาก็เห็นห้องพักฟื้นสีขาว ความทรงจำค่อยๆไหลเข้ามาจึงรีบดึงผ้าห่มออกแล้วเดินออกจากห้องพักฟื้น ป้าหลิงที่มาดูแลมู่ซีซีเปิดประตูเข้ามาพอดี เห็นท่าทางของมู่ซีซี ป้าหลิงจึงสะดุ้งตกใจ แล้วรีบเดินไปพยุงเธอไว้ “คุณหนูซีซีคะ คุณหมอบอกว่าตอนนี้คุณต้องพักผ่อนเยอะๆ ตอนนี้ท้องโตมาแล้วจะหกล้มไม่ได้นะคะ”
มู่ซีซีจึงรีบจับมือป้าหลิงไว้แล้วรีบเอ่ยถามว่า “ป้าหลิง จี้หลิงชวนล่ะ? ตอนนี้จี้หลิงชวนเป็นยังไงบ้างคะ? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนหนูจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้!”
ฟางเซิ่งที่อยู่นอกห้องได้ยินเสียงจึงเดินเข้ามา จึงได้ยินมู่ซีซีเอ่ยถามพอดี ฟางเซิ่งเห็นอารมณ์มู่ซีซีไม่คงที่จึงรีบเอ่ยปลอบใจว่า “คุณหนูซีซี คุณอย่าเป็นห่วงเลยครับ ตอนนี้คุณชายจี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้เฝ้าดูอาการอยู่ที่ห้องไอซียู คุณหมอบอกว่าให้สังเกตอาการในนั้นอีกหนึ่งวันครับ”
เพราะตอนนั้นที่ส่งตัวจี้หลิงชวนมาถึงโรงพยาบาลชีวิตเขาก็ตกอยู่ในอันตรายมากแล้ว
ยังโชคดีที่ตอนนั้นส่งมาทันเวลา ไม่งั้นถ้าจี้หลิงชวนเสียเลือดอีกสักสิบกว่านาทีคงช่วยชีวิตกลับมาไม่ได้แล้ว
มู่ซีซีได้ยินสิ่งที่ฟางเซิ่งพูด ใจที่สั่นเกร็งค่อยสงบลง แต่ว่าถ้ามู่ซีซีไม่เห็นจี้หลิงชวนด้วยตาตัวเอง ไม่แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไร ในใจเธอก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ขณะคิดมู่ซีซีจึงรีบหันไปพูดกับฟางเซิ่งว่า “ฟางเซิ่ง พาฉันไปหาจี้หลิงชวนหน่อย ไม่งั้นฉันไม่วางใจ”
ฟางเซิ่งเห็นมู่ซีซียืนยันแบบนี้ จึงต้องพยักหน้าให้เธอ “ได้ครับ คุณหนูซีซีรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปจัดการให้”
ฟางเซิ่งไปแจ้งคุณหมอ จากนั้นจึงพามู่ซีซีไปเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อ มู่ซีซีค่อยได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมจี้หลิงชวนในห้องไอซียู
ตอนที่มู่ซีซีเดินไปข้างเตียงจี้หลิงชวน จึงเบิกตาโตมองคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
มีชั่ววินาทีหนึ่ง มู่ซีซีจำคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคือจี้หลิงชวน

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset