รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 86 สารภาพความลับ

ตำรวจที่อยู่ด้านหลังของจี้หลิงชวนจ้องมองใบหน้าอย่างจี้หลิงชวนอย่างระแวดระวัง จากนั้นเขาลองถามหยั่งเชิงด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณชายจี้….งั้นตอนนี้ควรจัดการอย่างไรกับคนคนนี้ดีครับ?”
จี้หลิงชวนพูดอย่างเย็นชาและไม่หันศีรษะกลับไปมอง “ควรจะจัดการอย่างไรก็จัดการอย่างนั้น พวกคุณต้องตรวจสอบให้ละเอียด! มีความกล้ามากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ต้องเคยมีประวัติหรือมีคดีมาแน่!”
ผู้คนภายในสถานีตำรวจสอบสวนชายวัยกลางคนผู้น่าสงสารคนนี้อย่างละเอียด จากนั้นพวกเขาก็พบว่าชายวัยกลางคนผู้นี้เมื่อห้าปีก่อนเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองถัดไปจากเมืองซี เป็นผู้บงการในคดีฆ่าข่มขืน
เขาก่ออาชญากรรมหลายครั้งและท้ายที่สุดชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ต้องโทษจนโดนตัดสินให้ประหารชีวิต
หลังจากที่จัดการเรื่องราวต่างๆกับทางตำรวจเสร็จสิ้น จี้หลิงชวนก็พาฟางเซิ่งกลับมายังบริษัทจี้ซือ
ภายในห้องทำงาน จี้หลิงชวนนั่งลงบนเก้าอี้หนังที่หรูหราและสะดวกสบาย เขาขมวดคิ้วแน่นจ้องมองไปยังฟางเซิ่งจากนั้นเขาพูดว่า “รอฟังคำสั่งจากฉันก่อนค่อยไป สั่งให้คนไปเก็บข้าวของทั้งหมดของมู่อวี๋เฟยที่อยู่ในคฤหาสน์แล้วโยนทิ้งออกไปให้หมด เธอไม่มีสิทธ์ที่จะอยู่ที่นั่นอีกแล้ว!”
เมื่อฟางเซิ่งได้ยินคำพูดของจี้หลิงชวน เขาเงยหน้ามองจี้หลิงชวนด้วยความประหลาดใจ “คุณชายจี้ หากทำแบบนั้นนายหญิงจี้จะไม่….”
ยังไม่ทันที่ฟางเซิ่งจะพูดจบ จี้หลิงชวนพูดขัดจังหวะเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ฉันไปคุยกับคุณย่าเอง!”
ขณะที่เขากล่าว นิ้วมือของจี้หลิงชวนเคาะโต๊ะเบาๆ “แล้วก็…บริษัทมู่ซือ คุณไปจัดการซะ! ครั้งก่อนฉันมอบเงินทุนไปให้เท่าไหร่ ครั้งนี้ให้พวกเขาส่งเงินคืนกลับมาเท่านั้น! บอกทางผู้ใหญ่ของตระกูลมู่ว่านี่เป็นเพราะว่าพวกเขากล้าล้ำเส้นฉัน นี่คือบทเรียนของพวกเขา!”
“แล้วก็ยังมีพวกเด็กสาวของมู่อวี๋เฟยที่อยู่ด้วยกัน ตัดขาดช่องทางติดต่อของตระกูลเหล่านั้นให้หมด ตระกูลเหล่านั้นจะไม่ได้ร่วมมือทางธุรกิจใดๆกับบริษัทจี้ซือ!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของจี้หลิงชวน ฟางเซิ่งรับรู้ได้เลยว่าครั้งนี้ประธานของเขาโกรธมากจริงๆ เขารีบตอบรับในทันที “รับทราบคุณชาย ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
การทำงานของฟางเซิ่งนั้นรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลังจากออกไปจากบริษัทเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทางด้านบริษัทมู่ซือก็เกิดเรื่องขึ้น
โครงการใหญ่ที่เคยเจรจาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้อีกฝ่ายกลับถอนหุ้นออกไปอย่างกะทันหันและจะไม่ร่วมมือกับบริษัทมู่ซืออีก แต่ทางด้านโครงการนั้นทางบริษัทมู่ซือได้กำหนดแผนการและโครงสร้างไว้แล้ว เมื่อหุ้นถูกถอนออกไป เงินทุนของบริษัทมู่ซือก็ไม่สามารถขอคืนได้ สิ่งที่บริษัทกำลังจะเผชิญไม่ใช่แค่การสูญเสียแต่อาจถึงขั้นล้มละลายได้เลย!
ทันใดนั้นแม่มู่ที่คอยเป็นกังวลอยู่ก่อนแล้วก็ได้รับข่าวจากทางบริษัท เธอโกรธจนแทบจะเป็นลมล้มลงไป
ทางด้านพ่อมู่ยังคงเก็บอารมณ์นิ่ง เขารีบต่อสายโทรศัพท์หาเพื่อนของเขาเพื่อสอบถามปัญหา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ จู่ๆจะถอนหุ้นออกและจะไม่ร่วมมือกันได้อย่างไร
หลังจากที่ได้รับฟังปัญหาแล้ว สีหน้าของพ่อมู่ก็มัวหมองลงในทันใด เขารีบต่อสายโทรศัพท์หาจี้หลิงชวนอย่างรวดเร็ว
จี้หลิงชวนไม่ได้รับสายของเขา พ่อมู่ไม่กล้าแม้แต่จะโกรธเคือง จากนั้นเขากดสายโทรศัพท์โทรหาฟางเซิ่ง
หลังจากที่โทรศัพท์คุยกับฟางเซิ่ง สีหน้าของพ่อของมู่ไม่ได้ดีขึ้นแต่กลับมัวหมองและดูย่ำแย่กว่าเก่า เขาก้าวเท้าเดินตรงไปตรงหน้าแม่มู่
แม่มู่เองก็ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับปัญหาของบริษัท หากเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท แม่มู่ก็คงไม่อาจเป็นคุณหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยได้เหมือนเก่า เมื่อเธอเห็นพ่อมู่เดินมาหาเธอ เธอก็รีบลุกขึ้นและถามอย่างเป็นกังวลใจ “ตาเฒ่ามู่ เป็นอย่างไรบ้าง? สรุปมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
แม่มู่ยังไม่ทันที่จะพูดจบ พ่อมู่ก็ยกมือขึ้นและฟาดลงบนใบหน้าของแม่มู่อย่างรุนแรง!
เสียงเพียะดังขึ้นอย่างชัดเจน แม่มู่ที่ถูกตบตกตะลึงไปชั่วขณะ
เธอเบิกตากว้างจ้องมองพ่อมู่อย่างนิ่งงันและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขากระทำกับเธอแบบนี้หลังจากที่แต่งงานร่วมกันมาสิบปี
ดวงตาของแม่มู่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากของเธอสั่นเทาและมองพ่อมู่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองจากนั้นเธอพูดว่า “คุณตบฉัน…คุณมู่…..จู่ๆคุณมาตบฉัน คุณเป็นบ้าหรือไง!!!!”
พ่อมู่เองก็โกรธจนแทบทนไม่ไหว เขามองดูแม่มู่ที่ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องราวและไม่สำนึกผิด ความโกรธภายในใจของเขาปะทุมากขึ้นยิ่งกว่าเก่า เขาชี้นิ้วไปที่แม่มู่อย่างโมโหและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “คุณสองคนแม่ลูกขยันสร้างปัญหามากจริงๆ ตระกูลมู่กำลังจะจมเพราะน้ำมือของพวกคุณสองคนแม่ลูก! อารมณ์และนิสัยในตอนนี้ของมู่อวี๋เฟยก็เป็นคุณนั่นแหละที่คอยสั่งสอน! เรื่องนี้น่ะไม่เท่าไหร่หรอก เมื่อวานในงานวันเกิดพวกคุณก็สร้างปัญหา ไปล้ำเส้นคุณชายจี้ทำให้คุณชายจี้โกรธเคือง สิ่งที่เรากำลังเผชิญก็เป็นเพราะการลงโทษจากคุณชายจี้! ผมจะบอกคุณให้นะ ปัญหาครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งที่แล้วเสียอีก หากแก้ปัญหาไม่ได้! ตระกูลมู่ของเราจบเห่แน่!!!!”
เมื่อแม่มู่ได้ยินในสิ่งที่พ่อมู่พูด เธอลืมความโกรธไปจนสิ้น เธอตื่นตระหนกและรีบคว้าแขนเสื้อของพ่อมู่ไว้ “งั้นตอนนี้ควรทำอย่างไรดี? พวกเราควรทำอย่างไรดี….”
พ่อมู่มองแม่มู่ด้วยสายตาเยือกเย็น “ทางที่ดีคุณควรพูดให้ชัดเจนว่าเรื่องเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เรื่องเมื่อวานนี้พ่อมู่เองก็ไม่เข้าใจ เขารู้เพียงแค่ในตอนนั้นภายในห้องรับรองมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ภายในอ้อมแขนของจี้หลิงชวน
นอกเหนือจากนั้นเขาเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว
เมื่อแม่มู่ถูกพ่อมู่จ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้และเมื่อวานเธอเองก็ก่อเรื่องไป ตอนนี้เมื่อสบสายตากับพ่อมู่ จู่ๆแม่มู่ก็เกิดรู้สึกผิดขึ้น
หลังจากที่ลังเลอยู่นาน เธอก็ไม่อาจต้านทานได้ เธอร้องไห้พลางเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้เขาฟัง
ตั้งแต่เรื่องแรกที่มู่อวี๋เฟยให้คนผลักมู่ซีซีตกลงไปในสระน้ำ เรื่องที่คิดจะฆ่ามู่ซีซี รวมถึงเรื่องที่วางแผนจงใจจะให้มู่ซีซีอับอายต่อหน้าสาธารณชนและเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมู่ซีซีและจี้หลิงชวน
หลังจากที่ได้รับฟังแล้ว พ่อมู่ก็อดไม่ได้ที่จะฟาดแม่มู่อีกครั้ง เขาขมวดคิ้วแน่นและด่าทอเธอ “คุณสองคนแม่ลูกนี่ช่างใจดำอำมหิต! มู่อวี๋เฟยคือลูกของคุณ แล้วซีซีไม่ใช่ลูกของคุณหรือไง?”
แม่มู่ที่ถูกตบถึงสองครั้ง ใบหน้าของเธอมีแดงของฝ่ามือ ความโกรธภายในใจของเธอปะทุออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ เมื่อได้ยินพ่อมู่พูดเช่นนี้ เธอเองก็อดไม่ไหว เธอลุกขึ้นและจ้องมองพ่อมู่กลับด้วยสายตาดุดันจากนั้นเธอก็พูดราวกับคนไร้ซึ่งเหตุผล “นังมู่ซีซีมันก็ไม่ใช่ลูกของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!!!”
หลังจากที่แม่มู่พูดจบ พ่อมู่ขมวดคิ้วแน่นและแน่นยิ่งกว่าเก่า เขารีบมองไปรอบๆโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร คิ้วที่ขมวดแน่นของพ่อมู่ก็คลายลง ครู่ต่อมา เขาจ้องมองแม่มู่ด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับยกมือขึ้นและตบหน้าเธออีกครั้ง “เมื่อกี้คุณพูดบ้าอะไรออกมา! คุณพูดมั่วอะไร! หากว่าครั้งหน้าคุณยังกล้าพูดแบบนี้ออกมาอีก คุณอย่ามาโทษผมที่ผมเพิกเฉยและไม่ใส่ใจคุณ!”
แม่มู่ถูกตบอีกครั้งอย่างไร้สาเหตุ เธอมองดูใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของพ่อมู่ จากนั้นเธอจึงรู้ตัวว่าเมื่อครู่เธอพูดอะไรออกไป เธอกัดฟันแน่นและไม่กล้าพูดอะไรอีก
บรรยากาศมาคุเมื่อครู่ก็คลายลง พ่อมู่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องเพื่อคิดหาทางออกของปัญหานี้
ท้ายที่สุด พ่อมู่ก็หยุดนิ่ง เขามองไปที่แม่มู่อย่างเย็นชาและพูดว่า “ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วยบริษัทของเราได้!”
ทันทีที่แม่มู่ได้ยินว่ามีหนทางแก้ปัญหา สีหน้าที่มัวหมองของเธอก็บรรเทาลง เรื่องที่ถูกตบเมื่อครู่เธอก็เลิกใส่ใจมัน เธอรีบเดินเข้าไปคว้ามือพ่อมู่ไว้และถาม “วิธีไหน? คุณคิดไว้ว่าอย่างไร?”
พ่อมู่ปัดมือแม่มู่ออกอย่างเย็นชา เขามองหน้าแม่มู่ด้วยสายตาเยือกเย็นพร้อมกับกล่าวด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนว่า “ไม่ใช่ว่าตอนนี้คุณชายจี้มีความสัมพันธ์กันมู่ซีซีหรอกหรือไง งั้นพวกเราก็ต้องไปบอกคุณชายจี้ว่าที่จริงแล้วมู่ซีซีก็คือคนที่ต้องแต่งงานกับคุณชายจี้! คุณกับผมต้องพามู่อวี๋เฟยไปสารภาพเรื่องนี้กับคุณชายจี้และนายหญิงจี้! ขอร้องและขอคุณชายและนายหญิงจี้ให้อภัยเรา บางทีคุณชายจี้และนายหญิงจี้อาจเห็นแก่มู่ซีซีและยอมมอบทางออกให้กับปัญหาของเรา”

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ

ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset