ทว่า เสี่ยวเฉิงเพียงแค่ปัดฝุ่นที่แขนออกและเผยเสียงหัวเราะ “ขอถามอะไรหน่อยนะ ความแข็งแกร่งของพวกแกในแก๊งเต่าดำอยู่ในระดับไหนกัน?”
“ระดับไหนก็ช่างหัวมันสิ อย่างน้อยก็ส่งไอ้ลูกหมาอย่างแกขึ้นสวรรค์ได้ก็แล้วกัน นี่แกอยากมีเรื่องกับแก๊งสี่จตุรเทพแห่งเมืองซ่างเฉิงแน่งั้นรึ?!” ทั้งสามเผยพลันหัวเราะเยาะ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น แก๊งเต่าดำก็ตายไปก่อนใครเพื่อนเลยก็แล้วกัน!” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคำพูดพร้อมก้าวเท้ามาข้างหน้าสองก้าว “แน่จริงก็เข้ามาอีกสิ! อย่าเอาแต่พูดอวดดีไปหน่อยเลย”
ในตอนนี้ ชายทั้งสามพลันคิดไปแล้วว่าเสี่ยวเฉิงกำลังรนหาที่ตาย ไม่นานนัก ทั้งสามก็พุ่งตรงไปยังเสี่ยวเฉิงพร้อมกับลูกเตะสุดแรง แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พลันยกแขนขึ้นสูงและศอกใส่หน้าแข้งของชายแต่ละคนทันที
อ๊าก! ทั้งสามพลันเสียวแปลบไปจนถึงกระดูก ทว่า ใครจะไปรู้ล่ะ? ทันทีที่ขาของทั้งสามแตะลงพื้น พวกเขาก็เผยสีหน้าสุดเจ็บปวดออกมาพร้อมกับกัดฟัน ทั้งนี้ ทั้งสามเองก็ไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าเสี่ยวเฉิงจะมีพละกำลังมากขนาดนี้
แต่แล้ว ในช่วงเวลาที่ทั้งสามกำลังโยกขาออกมา เสี่ยวเฉิงก็เหวี่ยงลูกเตะของตนกลับคืนไปทันที ชายคนแรกพลันยกมือขึ้นมาตั้งการ์ด แต่ทันทีที่มือของชายคนแรกปะทะกับลูกเตะของเสี่ยวเฉิง เขาก็พลันรู้สึกราวกับกระดูกแขนของตนเพิ่งจะหักไป
ด้วยเสียงกระดูกที่ดังลั่น ชายคนแรกก็พลันตะโกนกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชในทันที นั่นเป็นเพราะกระดูกแขนขวาของเขานั้นหักจนแตกละเอียด!
เสี่ยวเฉิงพลันโยกขาออกและเหวี่ยงลูกเตะไปอีกรอบ ทว่า ชายอีกสองคนไม่กล้าเอามือตั้งการ์ดอีกต่อไปแล้ว พวกเขาทำเพียงแค่ก้มหลบลูกเตะของเสี่ยวเฉิง และระหว่างที่ทั้งสองก้มลง พวกเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงลมเย็นยะเยือกที่พัดผ่านเหนือหัวไป หลังจากมองหน้ากัน ทั้งสองพลันเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะออกมาในทันใด
ในตอนนั้นเอง ชายแขนหักก็รู้สึกโกรธไม่น้อย เขาก้มลงไปหยิบท่อเหล็กข้างตัวพร้อมกับเหวี่ยงตรงไปยังเสี่ยวเฉิง แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ได้คำนวณทิศทางของท่อเหล็กในทันทีและคว้าเอาไว้ได้ เสี่ยวเฉิงในตอนนี้พลันเผยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาออกมา หลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที เขาก็พุ่งเข้าไปถีบกลางอกของชายแขนหักจนลอยกระเด็นออกไปราวห้าเมตร ชายแขนหักพลันกระแทกกับพื้นและสำอักออกมาเป็นเลือดแบบไม่หยุดหย่อน
ทว่า ชายอีกคนก็วิ่งไปหยิบเก้าอี้จากแผงขายของริมถนนมาพร้อมกับฟาดเข้าไปที่หลังของเสี่ยวเฉิง แต่แล้ว ดวงตาของชายคนนั้นก็พลันเบิกกว้างทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงนั้นก้มหลบได้อย่างง่ายดาย มันเป็นความรู้สึกแบบว่า… คุณมั่นใจมากว่าเก้าอี้ที่ฟาดไปต้องโดนเป้าหมายแน่นอน แต่อีกฝ่ายกลับก้มหลบไปได้ในช่วงวินาทีสุดท้ายราวกับมีตาหลัง
หลังจากที่หลบเก้าอี้ได้แล้ว เสี่ยวเฉิงก็หันกลับและพุ่งเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับซัดหมัดเข้าไปกลางหน้าอกของชายทั้งสอง พวกเขาพลันลอยกระเด็นไปชนหน้าต่างของร้านค้าข้างทางจนแตกกระจาย
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินออกมาจากร้านพร้อมกับทิ้งให้ชายทั้งสองนอนแน่นิ่งอยู่บนแผ่นกระจกที่แตกละเอียด และในตอนนี้ พวกเขาเองก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
เสี่ยวเฉิงพลันหันกลับไปมองชายทั้งสองพร้อมกับเผยสีหน้าสุดเย็นชาออกมา
ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็จ้องมองไปยังสมาชิกและกองกำลังของแก๊งเต่าดำที่นอนโอดครวญอยู่รอบกายพร้อมกับตะโกนขึ้นมา “ฉันเองก็ไม่ได้อยากดูถูกใครมากหรอกนะ แต่พวกแกแม่ง… โคตรขยะเลยว่ะ! ทำไมพวกแกทุกคนที่นี่ถึงต้องพยายามทำตัวเป็นพวกอันธพาลหรือไม่ก็มาเฟียทั้งที่สู้คนไม่เป็นด้วยล่ะ? หลังจากคืนนี้ไป ฉันคิดว่าแก๊งเต่าดำควรจะถูกยุบไปเสีย! พวกแกทุกคนไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะอยู่ในสังคมบัดซบแบบนี้อีกต่อไป…”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็เดินตรงไปหาชายกล้ามโตที่กระทืบเจ้าหน้าที่หวังพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาพลันโยนกุญแจมือใส่หน้าชายกล้ามโตและกล่าวคำพูด “อยากใส่เองหรือจะให้ฉันช่วย?”
ชายกล้ามโตพลันหยิบกุญแจมือขึ้นมาใส่เองทันที เขาพลันนั่งร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้นและกล่าวคำพูดออกมา “พะ-พอได้แล้ว…”
ไม่นานนัก ชายกล้ามโตก็พลันวิ่งตรงไปยังรถตำรวจ เขาเข้าไปนั่งข้างในด้วยความเต็มใจ ในตอนนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันหันมามองชายแขนหักที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของกองกำลังแห่งแก๊งเต่าดำ “โชคดีนะที่แกยังไม่สลบไป ช่วยเคลียร์ลูกน้องในพื้นที่แล้วก็จัดระเบียบส่วนที่เหลือด้วยล่ะ แล้วถ้าฉันไปได้ยินว่าแก๊งเต่าดำสร้างปัญหาให้ใครอีก ไม่ว่าใครจะเป็นต้นเหตุ ฉันจะกลับมาหาพวกแกสามคนที่นี่ด้วยตัวเองอีกครั้งแน่…”