พี่ใหญ่หลินพลันตอบกลับ “อันที่จริง มันก็คือการต่อสู้โดยใช้ความตายเป็นตัวสะสางปัญหาในสังคมใต้ดินนั้นแหละ ถึงมันจะไม่ถูกกฎหมาย แต่พวกเบื้องบนที่มีอำนาจหลายคนเองก็สนับสนุนในเรื่องนี้ มันเป็นเหมือนการสะสางปัญหาส่วนตัวของพวกสังคมใต้ดินน่ะ เพราะแบบนั้น พวกรัฐบาลเลยเข้ามายุ่งอะไรไม่ได้ แล้วก็อีกอย่าง เมื่อไม่นานมานี้ หัวหน้าใหญ่ของแก๊งเต่าดำเองก็เพิ่งจะประกาศออกมาว่าเขาต้องการท้านายสู้… ถ้านายเข้าร่วมและเอาชนะหัวหน้าใหญ่ได้ แก๊งเต่าดำก็จะถูกยุบไปในทันที แต่ถ้านายแพ้ ความตายของนายก็จะเป็นเหมือนบทเรียนให้กับคนอื่นว่าอย่ามายุ่งหรือหาเรื่องกับแก๊งเต่าดำอีก พวกเขาจะใช้ความตายของนายเพื่อประกาศให้กับสาธารณชนรับรู้ว่าตนยังคงมีอำนาจอยู่”
“แล้วถ้าฉันไม่รับคำท้า มันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?” เสี่ยวเฉิงถามขึ้น
พี่ใหญ่หลินพลันตอบกลับ “งั้นนายก็จะโดนดูถูกจากคนพวกนั้น แถมอาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่นายต้องออกลาดตระเวนด้วยก็ได้”
เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า “อ่า เข้าใจแล้ว ขอบใจมากที่มาบอก”
ทันใดนั้น หลินดงซึ่งเป็นน้องชายของพี่ใหญ่หลินก็พลันถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วนายจะตอบรับคำเชิญไหมล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันเข้าไปนั่งในรถและครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบกลับ “งั้นนี่ก็คือสาเหตุที่ไม่มีใครกล้าที่จะถอนรากถอนโค่นพวกแก๊งเต่าดำใช่ไหม? เพราะพวกมันมีหัวหน้าใหญ่คอยหนุนหลัง แถมบางคนก็คงกลัวตายด้วย”
หลินดงพลันหรี่ตา “แล้วสรุปนายจะสู้กับเขาไหมล่ะ?”
“ถ้าฉันไม่ยอมสู้ มันก็จะหมายความว่าฉันไม่สามารถโค่นหนึ่งในแก๊งที่อ่อนแอที่สุดของสี่จตุรเทพได้… ถ้าแค่แก๊งเต่าดำฉันยังล้มไม่ได้ แล้วจะไปจัดการกับอีกสามแก๊งที่เหลือได้ยังไงกันล่ะ?” ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็พลันขับรถออกไป
หลินดงพลันมองไปยังท้ายรถกะบะและเผยเสียงหัวเราะออกมา “นี่พี่หลิน ผมว่าถ้าหมอนั่นคิดที่จะต่อกรกับพวกแก๊งสี่จตุรเทพจริง ๆ เขาก็คงไม่ใช่พวกขี้ขลาดตาขาวหรอกนะ”
“พี่เองก็ไม่รู้หรอกนะว่าหมอนั่นมันโผล่มาจากไหน แต่อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็ดังมากในหมู่แก๊งสี่จตุรเทพแล้ว” พี่ใหญ่หลินเผยยิ้ม
ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังจะออกลาดตระเวน โทรศัพท์ในกระเป๋าก็พลันดังขึ้น มันเป็นสายของหรานจิง
“ก็รู้หรอกนะว่านายไม่ใช่คนที่เหมือนกับชาวบ้านเขาเท่าไหร่ แต่ทำไมนายต้องไปถล่มรังลับของพวกแก๊งเต่าดำด้วยล่ะ?” หรานจิงเผยน้ำเสียงเป็นกังวลออกมาผ่านทางโทรศัพท์
“พวกมันมากระทืบหนึ่งในเพื่อนร่วมงานของฉัน เพื่อนฉันถูกพวกแก๊งเต่าดำกระทืบก็เพราะเอารถมอเตอร์ไซค์ของฉันไปขับลาดตระเวน ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเองแหละ ถ้าไม่ไปถล่มที่นั่นแล้วลากตัวคนผิดมาขอโทษ ฉันก็คงไม่มีหน้ากลับไปทำงานเหมือนเดิมหรอก”
“แล้วนายรู้เรื่องที่หัวหน้าใหญ่ของแก๊งเต่าดำส่งคำเชิญพิฆาตไปให้หรือยัง? คิดว่าตัวเองเอาชนะเขาได้งั้นเหรอ? ฉันว่าเขาน่าจะเป็นชายที่โหดมากคนหนึ่งในเมืองซ่างเฉิงเลยนะ” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงพลันเงียบไปชั่วครู่
อันที่จริง หรานจิงก็พลันคิดว่าเสี่ยวเฉิงน่าจะกลัว เธอพลันถอนหายใจออกมาและรีบกล่าวคำพูดขึ้น “แต่นายอย่าตอบรับคำเชิญเด็ดขาดเลยนะ! ยังไงเสียหน้าก็ยังดีกว่าเสียชีวิต… ยังไงเสีย ฉันจะลองถามเส้นสายของตัวเองดูว่าสามารถส่งคำขอโทษไปให้กับแก๊งเต่าดำหรือทำอะไรอย่างอื่นแทนได้ไหม… อย่าทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนล่ะเสี่ยวเฉิง! และใช่ ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยนายยังไงเหมือนกัน แต่ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด”
แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พลันพูดแทรกขึ้นมา “ไม่ต้องหรอก บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ฉันจะได้กำจัดพวกแก๊งเต่าดำเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้”
หรานจิงพลันตกใจ “นายบ้าไปแล้วหรือยังไงกัน?”
“อย่างน้อยฉันก็ควรจะลองดูหน่อยไม่ใช่หรือยังไงกัน? แล้วถ้าฉันเกิดชนะพวกนั้นขึ้นมาล่ะ?”
ทั้งนี้ เสี่ยวเฉิงเองก็รู้ดีว่าอย่างน้อยนักสู้ระดับเซียนก็น่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับ B นั่นเป็นเพราะเสี่ยวเฉิงเคยอยู่ในระดับสูงสุดมาก่อน เขาเคยอยู่ในระดับ A มาแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ความสามารถที่ครอบคลุมของเสี่ยวเฉิงจะลดลงเหลือระดับ C แต่ด้วยพละกำลังและความสามารถที่เพิ่งจะค้นพบได้เมื่อไม่นานมานี้ เขาก็พลันคิดว่าตัวเองในตอนนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับ B แล้ว เพราะฉะนั้น การประลองระหว่างทั้งสองก็น่าจะมีความสูสีไม่แพ้กัน ทั้งความสามารถในการสั่นสะท้อนของคลื่นอัลตร้าโซนิคและพละกำลังที่โคตรมหาศาลของเสี่ยวเฉิงก็น่าจะช่วยได้เยอะแล้ว นอกจากนี้ เสี่ยวเฉิงเองก็รู้ดีแต่แรกอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะถล่มรังลับของแก๊งเต่าดำจนไม่เหลือชิ้นดี แต่อีกฝ่ายก็คงไม่จบแค่นี้แน่ และในตอนนี้ หัวหน้าใหญ่ของแก๊งก็ได้ออกโรงด้วยตัวเอง ท้ายที่สุด โอกาสในการกำจัดแก๊งเต่าดำให้สิ้นซากมาถึงมือของเสี่ยวเฉิงแล้ว
“แล้วทำไมนายถึงไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้จนต้องตายบ้างล่ะ?” หรานจิงพลันรู้สึกใจไม่ดีสักเท่าไหร่ “อย่ารับคำเชิญเด็ดขาดเลยนะ ฉันจะให้ตำรวจทุกคนปกป้องนายเอง พวกแก๊งเต่าดำต้องเล่นสกปรกแน่ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเลือกวิธีนี้เพื่อที่จะกำจัดนายทิ้งยังไงล่ะ ขอร้องล่ะ อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่าเสี่ยวเฉิง…”