ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้บังคับบัญชาก็พลันเบิกตากว้างขึ้นมาทันที “ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่านายจะไปถล่มพวกแก๊งเต่าดำจนเละเสียขนาดนั้น?! ตั้งแต่เข้ามา นายก็ไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นเด็กใหม่เลยด้วยซ้ำ นายเล่นเอาแต่ลุยเดี่ยวกับรุ่นใหญ่นับไม่ถ้วนเลย!”
หลังจากนั้น ผู้บังคับบัญชาก็พลันโบกมืออย่างร้อนรนพร้อมกล่าวคำพูด “ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวอีกไม่นาน รถจากศูนย์ใหญ่กองบัญชาการก็น่าจะมารับตัวนายแล้ว ทำตามขั้นตอนแล้วก็รับบทลงโทษตามที่พวกเขาบอกก็แล้วกัน”
เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า เขารู้ดีว่าการที่เข้าไปในถิ่นของพวกแก๊งเต่าดำคนเดียวถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎ แถมเสี่ยวเฉิงยังเล่นกระทืบอีกฝ่ายจนเละอีกด้วย แต่อย่างน้อย เขาก็เต็มใจที่จะได้รับโทษ ไม่นานนัก เสี่ยวเฉิงก็พลันหันหลังกลับและเดินออกจากสถานีไป
ผู้กองเผยยิ้มและกล่าวคำพูดระหว่างที่กำลังเดินออกไปข้างนอกกับเสี่ยวเฉิง “นายไปฝึกฝนความสามารถพวกนั้นที่มาจากที่ไหนกัน? โหดใช่ย่อยเลยนะ ตอนที่ดูคลิปครั้งแรก ฉันคิดว่ามันเป็นฉากหนึ่งในหนังด้วยซ้ำ แต่พอมองเข้าไปใกล้แล้วเห็นหน้านาย ฉันก็โคตรตกใจเลยล่ะ อ่า แล้วก็อีกอย่าง ฉันว่านายน่าจะซัดพวกเวรนั่นให้หนักกว่านี้นะ ฮ่าฮ่า!“
ทั้งนี้ เสี่ยวเฉิงเองไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร “ผู้กองครับ แล้วทางสถานีจะต้องเจอกับปัญหาอะไรที่ตามมาบ้างไหมครับ?”
“ไม่หรอก ไม่ต้องห่วง แผนกอื่นก็พูดถึงเรื่องของนายกันค่อนข้างเยอะเหมือนกันแหละ แต่ตราบใดที่หัวหน้าไม่ได้พูดอะไรมาก ก็แสดงว่ามันไม่น่ามีเรื่องอะไรต้องเป็นห่วงเท่าไหร่ เขาก็แค่อยากเตือนนายหน่อยก็เท่านั้นแหละ อีกอย่าง หัวหน้าเองก็กลัวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นในสถานีจะเลียนแบบนายน่ะ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มีทักษะหรือความสามารถที่เก่งเท่านายหรอก” ผู้กองพลันเผยเสียงหัวเราะออกมา
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็เริ่มคิดว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยดี และตัวเขาเองก็คงจะไม่ต้องเจอกับปัญหาใหญ่อะไรมากนัก
ระหว่างที่เห็นรถตำรวจคันหนึ่งจอดอยู่หน้าสถานี เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินเข้าไปและมุ่งหน้าตรงไปยังศูนย์ใหญ่ของกองบัญชาการตำรวจเมืองทันที อันที่จริง หรานจิงเคยพาเสี่ยวเฉิงมาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว
ในตอนนั้นเอง หรานจิงก็พลันสังเกตเห็นเสี่ยวเฉิงเดินอยู่ตรงโถงทางเดิน
เจ้าหน้าที่หลายคนต่างก็มองไปยังเสี่ยวเฉิงพร้อมกับตะโกนขึ้นมาเช่นกัน “พวกเราติดตามคดีนี้มาตั้งนาน และตอนนี้ทุกอย่างก็กำลังซับซ้อนมากกว่าเดิมอีก! ไอ้ตัวปัญหาเอ๊ย!”
“เงียบน่า” หรานจิงจ้องมองไปยังเหล่าลูกน้องของตน
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ต้องขอโทษด้วย”
ทว่า หรานจิงพลันส่ายหัว
จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เดินต่อไปและพบเห็นหลี่ต้าจวง เขายืนอยู่กลางทางเดินและมองตรงไปยังเสี่ยวเฉิง “ฉันอยากจะสู้กับนายอีกครั้ง!”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังคุ้มกันเสี่ยวเฉิงก็มองไปยังหลี่ต้าจวงพร้อมกล่าวคำพูด “ลองเปิดโทรศัพท์ดูคลิปของชายคนนี้ในโลกออนไลน์ดูสิ เขาคนเดียวซัดกับอีกฝ่ายตั้งห้าสิบคนจนไม่เหลือซากเลยล่ะ ยังไงถ้านายดูเสร็จเมื่อไหร่… ก็ค่อยมาท้าเขาสู้ใหม่ก็แล้วกันนะ”
ทันทีที่พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็พาเสี่ยวเฉิงตรงไปยังห้องทำงานของผู้บังคับบัญชาแห่งศูนย์ใหญ่ของกองบัญชาการ ในตอนแรก เสี่ยวเฉิงไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลยว่าตนจะต้องมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของที่นี่ในทันทีแบบนี้ ทว่า ระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่ในห้อง ผู้บังคับบัญชาก็พลันเผยยิ้มอย่างอบอุ่นออกมา “ครั้งแรกที่ครูฝึกจากกองทัพส่งตัวนายมาที่นี่ เขาก็เตือนฉันแล้วแหละเรื่องอารมณ์ที่ดุเดือดเลือดพล่านของนาย แต่ฉันก็แค่คิดว่า… ไม่ว่าอารมณ์ของทหารจะตรงไปตรงมาหรือรุนแรงมากขนาดไหน สังคมก็จะช่วยขัดเกลาให้มันดีขึ้นเอง แต่ดูเหมือนแนวคิดนี้จะใช้ไม่ได้กับนายในสภาพแวดล้อมแบบนี้เลยสินะ”
ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ไม่นานนัก ผู้บังคับบัญชาก็เผยยิ้มและพูดต่อ “ตอนที่ครูฝึกจากกองทัพแนะนำนายให้ฉันรู้จัก มันเหมือนกับเขาได้ยกสมบัติสุดล้ำค่ามาให้ฉันเลยล่ะ แถมเขายังฝากฝังให้ฉันคอยดูแลนายให้ดีด้วย เขาเคยบอกว่าถ้าฉันสามารถใช้ประโยชน์จากนายได้ มันก็เหมือนกับฉันมีอาวุธอันทรงพลังของพระเจ้ามาอยู่ในกำมือเลยล่ะ แต่ถ้าไม่ นายก็คงจะนำพาปัญหาทุกอย่างเข้ามานับไม่ถ้วยแน่ แล้วตอนนี้นายคิดว่ายังไงล่ะ? คิดว่าตัวเองเป็นอาวุธของพระเจ้า? หรือคิดว่าตัวเองกำลังสร้างปัญหาให้ฉันอยู่?”
ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็พลันรู้สึกสับสนเล็กน้อย “เอ่อ… ขอโทษด้วยครับหัวหน้า หัวหน้าจะสื่อถึงอะไรกันแน่?”
“แต่ไม่ว่ายังไง คำเชิญพิฆาตก็ถูกประกาศออกมาแล้ว พวกแก๊งเต่าดำเองก็เอาแต่สร้างปัญหาไม่หยุดไม่หย่อน รัฐบาลเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้น แล้วก็อย่างที่รู้กัน ทั้งย่านเมืองเก่าก็ถูกใช้เป็นที่กบดานของแก๊งเต่าดำไปแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายแถวนั้นกันหรอก แต่ในตอนนี้ ด้วยความหุนหันพลันแล่นของนายที่เปรียบเสมือนโอกาส หัวหน้าใหญ่ที่พวกสมาชิกของแก๊งเต่าดำเคารพนักเคารพหนาก็ได้ออกโรงเองแล้ว เขาเป็นชายที่รักษาสัจจะมากเลยล่ะ ถึงการกระทำของนายจะทำให้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ยังไง ถ้าสุดท้ายแล้วเขาแพ้นายขึ้นมาจนแก๊งเต่าดำถูกยุบไปได้ หลายต่อหลายคนในเมืองนี้คงจะมีความสุขมากแน่”
เสี่ยวเฉิงพลันเข้าใจสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาต้องการจะสื่อในทันที “แล้วหัวหน้าต้องการให้ผมรับคำเชิญไหมล่ะครับ?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้ทั้งพยักหน้าหรือส่ายหัว “แล้วนายมั่นใจในตัวเองไหมล่ะ?”