ตอนที่ 55: การลงนามในสัญญาแห่งความตาย
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
ถ้าจะต้องเปรียบเทียบ ความแข็งแกร่งของหัวหน้าใหญ่แก๊งเต่าดำน่าจะอยู่ที่ระดับ B แต่ทว่า ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงไหม? เพราะเขาเป็นถึงผู้นำแล้วก็ผู้ก่อตั้งของแก๊งเต่าดำ อันที่จริง เสี่ยวเฉิงเองก็ยังลังเลอยู่เลยว่าตนจะชนะชายคนนี้ได้หรือไม่…
ระหว่างที่ทั้งห้องเงียบไปชั่วครู่ ผู้บังคับบัญชาก็พลันกล่าวคำพูดขึ้นมา “ตอนนี้ทางเราจะให้นายสองตัวเลือก… นายจะปฏิเสธคำเชิญไปก็ได้ พวกเราจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อปกป้องนายจากสี่แก๊งจตุรเทพเอง”
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ “แต่ถ้าผมปฏิเสธ พวกแก๊งเต่าดำก็คงจะไม่ถูกยุบใช่ไหมครับ?”
ผู้บังคับบัญชาพลันพยักหน้าทันใด “ก็ใช่ แต่มันก็แอบน่าเสียดายอยู่นะ เพราะนี่น่าจะเป็นแค่โอกาสเดียวที่จะทำให้แก๊งเต่าดำหายไปจากเมืองนี้ได้ แต่ถึงยังไง เราเองก็จะไม่บังคับนายให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่มั่นใจหรอก ไม่ต้องคิดมาก ที่เรียกมาหาก็เพราะอยากจะถามนายแค่ว่ามั่นใจในตัวเองขนาดไหนถ้าต้องไปสู้กับผู้นำของแก๊งเต่าดำ ก็แค่นั้นเอง แต่ถ้านายไม่รู้แล้วก็ไม่มั่นใจ งั้นก็คงจะต้องปฏิเสธคำเชิญไปนั้นแหละ ยังไงเสีย ตำรวจทุกคนจะคอยปกป้องนายเอง”
“ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ผมเป็นคนเริ่ม ผมก็ต้องเป็นคนจบ!” เสี่ยวเฉิงพลันส่ายหัวและกล่าวคำพูด
“งั้นสรุปนายมั่นใจในตัวเองไหมล่ะ?” ผู้บังคับบัญชาพลันจ้องไปยังนัยน์ตาของเสี่ยวเฉิงโดยตรง
เสี่ยวเฉิงพลันจ้องไปยังนัยน์ตาของผู้บังคับบัญชาพร้อมตอบกลับอย่างหนักแน่น “ผมต้องการเป็นอาวุธของพระเจ้าครับ ไม่ใช่ปัญหา”
ผู้บังคับบัญชาพลันเผยยิ้มและหยิบซองจดหมายออกมา
“นี่คือคำเชิญพิฆาตที่หัวหน้าใหญ่ของแก๊งเต่าดำส่งมาให้กองบัญชาการของเรา ปกติแล้วก็ไม่มีใครเลือกที่จะตอบรับคำเชิญนี้กันหรอก แต่ยังไงก็เถอะ ผู้นำแก๊งเต่าดำเองก็ประกาศกร้าวแล้วว่าจะยอมยุบแก๊งทิ้งทันทีถ้าตนแพ้ เขาถึงกับยอมสละทุกอย่าง ถ้านายคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลอง ฉันก็จะขอคำตอบสุดท้าย ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?”
เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้าทันที “แต่หัวหน้าครับ แล้วผู้นำของแก๊งเต่าดำมีอิทธิพลขนาดที่จะยุบแก๊งเต่าดำให้หมดไปจากเมืองได้เลยเหรอครับ?”
ผู้บังคับบัญชาพลันหยักหน้า “ชายชราคนนี้เคยฝึกสอนนักสู้ฝีมือฉกาจมาหลายต่อหลายคนแล้ว เขาเป็นเหมือนเสาหลักของแก๊งเต่าดำเลยล่ะ ไม่มีใครกล้าต่อต้านเขาหรอก อีกอย่าง เขายังเป็นชายผู้อยู่เหนือทุกคนในแก๊งเต่าดำด้วย เพราะแบบนั้น เขาก็เป็นคนที่มีอิทธิพลใช่ย่อยเลยแหละ”
“งั้นตกลงครับ” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับทันที “ผมจะยอมรับคำเชิญ!”
ผู้บังคับบัญชาพลันยื่นจดหมายให้เสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคำพูดด้วยใบหน้าสุดจริงจัง “ถ้านายคิดดีแล้ว ก็เซ็นชื่อของตัวเองลงไปในคำเชิญได้เลย แต่มันเป็นถึงคำเชิญพิฆาตเชียวนะ ต้องให้ฉันเตือนไหมว่ามันจะเป็นยังไงถ้านายแพ้การประลอง?”
เสี่ยวเฉิงพลันครุ่นคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พลันหยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกับเซ็นชื่อของตัวเองลงไปในจดหมายทันที
“แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะจัดการประลองกันที่ไหนหรือเมื่อใด อีกอย่าง นายต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหนล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบกลับ “ผมขอสามวัน”
“แน่ใจงั้นรึ?”
เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า ทั้งนี้ เขาต้องใช้เวลาสามวันในการประเมินศักยภาพสูงสุดของร่างกายตนเองให้ดี และนั่นควรจะเป็นระยะเวลาที่เสี่ยวเฉิงน่าจะคุ้นเคยกับความสามารถใหม่ของตนเองได้แล้ว
“โอเค งั้นเดี๋ยวเราจะส่งคำเชิญพิฆาตกลับไปให้หนึ่งในสมาชิกของแก๊งเต่าดำรับทราบในนามของกองกำลังตำรวจแห่งเมืองซ่างเฉิง ส่วนนายก็เหลือเวลาอีกสามวัน ตั้งใจฝึกฝนตัวเองให้ดีล่ะ แล้วยังไงฉันจะแจ้งกลับไปอีกที อีกอย่าง ถ้านายต้องการพื้นที่หรืออุปกรณ์ที่จะใช้ในการฝึกฝน ก็บอกเจ้าหน้าที่ข้างนอกได้เลย พวกเขาจะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้เอง”
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้บังคับบัญชาก็ยืนขึ้นและเดินไปตบไหล่เสี่ยวเฉิง “เต็มเหนี่ยวไปเลย! เต็มที่ล่ะ! ถ้ากรมตำรวจยังมีพื้นที่น้อยไป นายไปใช้สนามมวยด้านหลังเป็นสถานที่ฝึกได้เลย”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มและพยักหน้า “ได้ครับท่าน!”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เดินออกจากห้องทำงานไป
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงจากไป ผู้บังคับบัญชาก็พลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับโทรหาเพื่อนสนิทของตนที่เป็นครูฝึกในกองทัพทหารภาคที่ห้า
“ว่าไงเพื่อนรัก เสี่ยวเฉิงยอมรับคำเชิญแล้วนะ แต่ฉันขอคำตอบจากนายก่อน เขาจะล้มผู้นำของแก๊งเต่าดำได้แน่ใช่ไหม? นายรู้จักเขาดีกว่าฉันอีก” ผู้บังคับบัญชาพลันถามขึ้นทันทีที่เพื่อนของตนรับสาย