หลินจื้อซือพลันมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าสุดว่างเปล่าพร้อมกัดริมฝีปาก ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เธอจะกลายเป็นดาราผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงไปแล้ว แต่จะมีสักกี่คนกันที่รู้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่?
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงลบประวัติการโทรกับหลินจื้อซือออกแล้ว เขาก็ยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋าและเดินออกจากห้องไป ในระหว่างที่หรานจิงและเซินเหยากำลังคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เสี่ยวเฉิงพลันเดินไปหยิบน้ำมาดื่ม
ในตอนนั้นเอง เซินเหยาก็พลันเดินไปหาเสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคำพูด “นายกำลังคิดบ้าอะไรอยู่กัน? ฉันอุตส่าห์เริ่มปิ๊งนายขึ้นมาแล้วนะ! แต่นายกลับกำลังจะพาตัวเองไปตายเนี่ยนะ?! ไม่อยากออกเดทกับฉันหรือยังไงกัน?”
พทุย!
เสี่ยวเฉิงแทบจะพ่นน้ำออกมาจากปากทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขารีบหันกลับมามองเซินเหยาพร้อมกล่าวคำพูด “เธอช่วยหยุดทำให้ฉันหัวใจวายสักครั้งจะได้ไหมเนี่ย?”
อันที่จริง เซินเหยาได้วางเดิมพันกับหรานจิงเอาไว้ว่าเธอจะทำทุกอย่างให้เสี่ยวเฉิงตกหลุมรักภายในหนึ่งเดือน ด้วยเหตุนั้น เซินเหยาจึงไม่อยากให้เสี่ยวเฉิงเข้าร่วมการประลอง และไม่ว่าเธอจะรู้สึกหรือไม่รู้สึกอะไรกับเสี่ยวเฉิงก็ตาม เซินเหยาก็จะต้องหลอกล่อเสี่ยวเฉิงให้จงได้ นอกจากนี้ มันก็อาจจะเป็นเรื่องดีด้วยถ้าเสี่ยวเฉิงไม่ได้ไปสู้กับผู้นำของแก๊งเต่าดำก็เพราะแผนการโน้มน้าวของเธอ
ทันใดนั้น เซินเหยาก็พลันกระพริบตาและเริ่มหว่านเสน่ห์ใส่เสี่ยวเฉิงด้วยขนตางอนยาวสุดสง่างาม
เสี่ยวเฉิงพลันพูดอะไรไม่ออก “เธอช่วยอย่าทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าฉันได้ไหม? เห็นแล้วขนลุก!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เซินเหยาก็พลันคิดว่าว่าการแสดงของตนน่าจะเกินจริงไปหน่อย ในไม่ช้า เธอก็พลันกระแอมและกล่าวคำพูดอย่างจริงจังออกมา “ครั้งนี้ฉันจะให้โอกาสนาย… เพราะฉันรู้สึกอยากจะลองจีบนายดู ถ้านายอยากลองเปิดใจเดทกับฉันสักหน่อย ก็อย่าไปที่เวทีการประลองบ้านั่นเลยนะ! นายไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ”
“งั้นเหรอ?” เสี่ยวเฉิงพลันเงียบไปชั่วครู่ “ยังไงฉันขอลองไปนอนคิดดูก่อนก็แล้วกันนะ”
เซินเหยาพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงทันใด “อย่าลีลาไปหน่อยเลยน่า ทำไมต้องไปนอนคิดดูก่อนด้วยล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยหน้ามุ่ย “งั้นฉันไม่คิดแล้วก็ได้… ฉันขอเลือกเวทีการประลอง”
เอ่อ…
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เซินเหยาก็พลันหน้าชาราวกับโดนการโจมตีติดคริติคอลอัดหน้าเข้าอย่างจัง
“งั้นนายก็เชิญเป็นโสดต่อไปเถอะ! ฮึ!” เซินเหยาคนเดิมพลันเผยท่าทีอารมณ์เสียออกมา
ทว่า หรานจิงเองก็ไม่ต้องการให้เสี่ยวเฉิงเข้าร่วมการประลองเช่นกัน ทันทีที่เห็นท่าทีของเซินเหยา เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปกล่าวคำพูดกับเสี่ยวเฉิง “ดูเหมือนว่าเซินเหยาจะจริงจังนะ นายลองคิดดูสิ ลูกคุณหนูอย่างเธอจะมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับนายทำไม? ฉันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่มีเงินแล้วก็ยุ่งกับงานของตัวเอง แต่สำหรับเซินเหยาแล้ว เธอต้องการอยู่ที่นี่ต่อก็เพราะชอบนายยังไงล่ะ! เธอคงจะแค่ไม่กล้าสารภาพความรู้สึกออกไป ก็แค่นั้นเอง”
เดี๋ยวก่อนนะ…
เซินเหยาพลันมองไปยังหรานจิงอย่างไม่เชื่อสายตา
อะไรกัน? นั่นใช่คำพูดที่เราสองคนเตรียมกันไว้แน่หรือ?
ในตอนนั้นเอง หรานจิงก็พลันส่งสายตาให้เซินเหยาเพื่อเป็นสัญญาณ ไม่นานนัก เซินเหยาก็พลันเผยท่าทีราวกับเป็นสาวน้อยสุดขี้อายออกมา “เธอไปบอกหมอนั่นแบบนั้นทำไมกัน~”
เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังเซินเหยาด้วยหางตา “ถามจริง?”
เซินเหยารู้สึกราวกับหัวใจของเธอกำลังถูกทอดอยู่บนกระทะ เธอต้องพูดอะไรสักอย่างที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเองออกมาแล้ว ในระหว่างที่กำลังกัดฟัน เธอก็ยังต้องทำตัวขี้อายออกมาอยู่ดี “ก็ฉันกลัวว่าถ้านายรู้… นายจะไล่ฉันออกไปอยู่ที่อื่นน่ะสิ เพราะแบบนั้นแหละ ฉันเลยต้องพยายามใช้วิธีอื่นเพื่อเข้าหานาย…”
เสี่ยวเฉิงพลันลูบคางพลันและเดาะลิ้น “ก็เข้าใจว่าคนมันหล่อ แต่ขอพูดตรงนี้เลยนะ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าเธอแอบชอบฉันแบบนี้… งั้นช่วยบอกมาหน่อยสิ อะไรในตัวฉันที่ทำให้เธอชอบนักชอบหนาเป็นพิเศษล่ะ?”
เซินเหยาพลันกัดฟันแน่น คำสบถมากมายพลันพวยพุ่งขึ้นมาในจิตใจทันใด
แต่ทว่า เธอก็ยังคงต้องเผยใบหน้าของสาวน้อยสุดขี้อายออกมาเช่นเดิม “ฉันชอบที่นายผลักฉันแบบรุนแรงแล้วก็เร้าร้อนแบบเมื่อวันก่อน มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก…”
“หือ? แต่ฉันจำได้ว่าวันนั้นเธอถึงกับนั่งร้องไห้เลยนะ” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ
เซินเหยาหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่และเผยยิ้มออกมา “มันก็คงจะเป็นความรู้สึกของการได้พบกับรักแท้นั้นแหละน่า…”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หรานจิงก็พลันขนลุกซู่ขึ้นมาในทันใด