ตอนที่ 61: ปิดตายิงเป้า
ชิเหวินปินเป็นคนอาสาที่จะไปหาผ้าปิดตามาให้ เขาต้องการหาผ้าประเภทที่หนาจนแม้แต่ลมหรือแสงก็ไม่สามารถทะลุผ่านได้ สำหรับครั้งนี้ ชิเหวินปินจะไม่ยอมให้เสี่ยวเฉิงมาพูดโอ้อวดจนตนต้องเสียหน้าอีก
ชิเหวินปินในตอนนี้ทั้งรู้สึกไม่พอใจและไม่สบอารมณ์
ทักษะการยิงปืนก็อวดไปแล้ว แถมตอนนี้ยังอยากที่จะมาปิดตายิงเป้าอีก? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
ทำไมต้องเป็นคนที่ขี้อวดขนาดนี้ด้วย?
ในตอนนี้ ชิเหวินปินมองเสี่ยวเฉิงราวกับเป็นลูกเทพเจ้าไปแล้ว ด้วยเหตุนั้น เขาจำเป็นต้องดึงเสี่ยวเฉิงลงมาให้อยู่ในจุดเดียวกัน เขาพลันเดินไปหาผ้าปิดตาที่หนาที่สุดเท่าที่จะหนาได้โดยไม่มีความรู้สึกผิดอยู่ในใจเลยสักนิด
ชิเหวินปินพลันบ่นพึมพำในใจ
‘ให้ตายเถอะ ทักษะของหมอนั่นทำให้เราดูเป็นคนธรรมดาที่โคตรกระจอกไปเลย ชักจะทนไม่ไหวแล้วสิ!’
ในระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังสวมผ้าปิดตา หวังหยิงก็ยังคงยืนเงียบและไม่พูดอะไรอยู่ทางด้านข้าง ความประหลาดใจที่เสี่ยวเฉิงมอบให้นั้นดูจะเหนือความคาดหมายไม่น้อย
ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงมองไม่เห็นอะไรแล้ว ทว่า ดูเหมือนการถูกปิดตาจะเป็นอะไรที่ดีกว่าเดิมมาก เพราะมันทำให้เสี่ยวเฉิงสามารถเพ่งความสนใจไปที่คลื่นอัลตร้าโซนิคที่สะท้อนมาจากวัตถุได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยปราศจากสิ่งรอบกายที่มักจะรบกวนหากใช้สายตามอง
“เราเริ่มกันเลยดีไหม? วังหยิงพลันกล่าวคำพูดออกมา
เสี่ยวเฉิงพยักหน้า
ไม่ช้า หวังหยิงมองไปยังชิเหวินปินพร้อมส่งสัญญาณให้เขาเดินไปเปิดเครื่องยิงจานร่อน
หลังจากนั้นประมาณยี่สิบวินาที ทั้งสามก็พลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างประหม่า นอกจากหวังหยิงแล้ว อีกสองคนก็พลันหวังว่าเสี่ยวเฉิงจะยิงพลาดและน่าจะไม่ทันสังเกตเห็นจานร่อนที่กำลังจะพุ่งออกมา
ภายในจิตใจของทั้งสอง พวกเขาดูจะเกลียดขี้หน้าเสี่ยวเฉิงไม่น้อย และในตอนนี้ ไม่ว่าเสี่ยวเฉิงจะมีทักษะในการยิงปืนมากขนาดไหน แต่ถ้าถูกปิดกั้นการมองเห็นไปขนาดนั้น เขาจะรับรู้ได้อย่างไรว่าจานร่อนจะพุ่งออกมาจากทิศทางใด? แม้แต่เครื่องยิงเองก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือเสียงเตือนอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ
ชิเหวินปินอยากที่จะเห็นเสี่ยวเฉิงพลาดท่าไม่น้อย
ทว่า หลังจากผ่านไปประมาณสามสิบวินาที เสี่ยวเฉิงก็ยังไม่ขยับตัว
หวังหยิงพลันขมวดคิ้ว เธอกำลังสงสัยว่าทำไมจานร่อนแผ่นแรกถึงยังไม่พุ่งออกมา…
หลังจากนั้นประมาณสองถึงสามวินาที ชิเหวินปินก็พลันแสร้งตะโกนออกมา “พุ่งออกมาแล้ว!”
แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่กล่าวคำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “นายยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยด้วยซ้ำ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ชิเหวินปินและคู่หูข้างกายก็พลันตกใจจนตัวแข็ง แต่สำหรับหวังหยิง เธอก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่เช่นเดิมและหันไปมองทั้งคู่ “พวกนายกำลังทำบ้าอะไรอยู่กัน?”
อันที่จริง ชิเหวินปินไม่คิดว่าเสี่ยวเฉิงจะรู้ด้วยซ้ำว่าสวิตช์ของเครื่องยิงจานร่อนนั้นเปิดหรือปิดอยู่ทั้งที่กำลังถูกปิดตาอยู่แบบนั้น… เขาพลันเดินตรงไปหาเสี่ยวเฉิงและโบกมือไปมา ชิเหวินปินในตอนนี้กำลังสับสนไม่น้อย ผู้ชายคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขายังไม่ได้เปิดเครื่อง?
ไม่ช้า ชิเหวินปินก็พลันเดินไปยังเครื่องยิงและเปิดเครื่องพร้อมกับกล่าวคำพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงสุดแผ่วเบา “ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายจะเผลอยิงขึ้นฟ้าหรือเปล่าถ้าเครื่องยังไม่เปิด แต่คือ… เครื่องยิงมันไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนหรือเสียงอะไรออกมาเลยนะ ทั้งที่ถูกปิดตาแน่นขนาดนั้น นายรู้ได้ยังไงกันว่าจานร่อนจะโผล่ออกมาตอนไหน? แล้วถ้านายรู้…”
ในระหว่างที่ชิเหวินปินกำลังพูด จานร่อนแผ่นหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาจากมุมหนึ่งของลานกว้างในทันใด
ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฉิงนั้นขี้เกียจเกินกว่าจะตอบกลับ ในระหว่างที่ทั้งสามยังไม่ทันได้ขยับตัว เสี่ยวเฉิงก็พลันยกปืนขึ้นฟ้าและลั่นไกทันที
ตัวเลขบนจอแสดงผลของเครื่องยิงจานร่อนขึ้นหนึ่งในทันที!