ตอนที่ 64: ทัศนียภาพจากหมัดเดียว
ทันทีที่อู๋ห่าวพูดออกมาอย่างมั่นใจเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้
เสี่ยวเฉิงพลันลูบหมัดพร้อมกับเลียริมฝีปาก “งั้น… เอารึยังล่ะ?”
“เลิกพล่ามเสียเวลาได้แล้วน่า ซัดหมัดมาเลย!” อู๋ห่าวพลันตะคอก
ทันทีที่เห็นว่าอู๋ห่าวกำลังพยายามที่จะล็อคพลังลมปราณราวกับเป็นพระเอกหนังจีนในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ เสี่ยวเฉิงจึงตัดสินใจชกออกไปเบา ๆ เพื่อดูว่าพละกำลังของตนนั้นจะรุนแรงแค่ไหน
ทว่า มันดูจะเป็นเหมือนการชกหมัดธรรมดามากกว่า เพราะเสี่ยวเฉิงไม่ได้ออกแรงอะไรมากเลย
หลังจากปล่อยหมัดออกไปแล้ว เสี่ยวเฉิงก็พลันมองไปยังอู๋ห่าวและสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
“หือ? แค่นี้เนี่ยนะ?” ใบหน้าของอู๋ห่าวเต็มไปด้วยการหยามเหยียด “นายกำลังเอาจริงอยู่ใช่ไหม? แน่ใจนะว่านี่เรียกว่าต่อยคน?”
หยานเหว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันเผยเสียงหัวเราะออกมา “หยิง… เธอเองก็ดูจะเป็นผู้หญิงที่ฉลาดแล้วก็มีเหตุผลนะ แต่บางที ฉันว่าเธอก็น่าจะประเมินคน ๆ หนึ่งให้รอบคอบมากกว่านี้หน่อย อย่ามัวแต่มาอวดความสามารถของหมอนี่หน่อยเลย”
ทันใดนั้น หวังหยิงก็พลันโต้กลับ “เสี่ยวเฉิงยังไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ! เขากลัวจะไปทำร้ายร้อยเอกอู๋ห่าวต่างหากล่ะ”
“งั้นรึ? ยังไม่ได้ออกแรง? งั้นรออะไรอยู่ล่ะ? เราสองต่างก็เป็นทหาร ไม่ต้องมาออมมือหรอกน่า” อู๋ห่าวกล่าวเสียงดัง “ถ้าฉันขมวดคิ้ว นั่นก็หมายความว่านายก็แข็งแกร่งดี แต่เมื่อกี้เห็นฉันขมวดคิ้วไหมล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ “งั้นผมจะพยายามควบคุมพละกำลังแล้วก็กระจายแรงปล่อยหมัดออกเป็นสิบครั้งก็แล้วกัน แล้วผมก็จะออกแรงเพิ่มขึ้นครั้งละสิบเปอร์เซ็นต์ คุณโอเคไหมล่ะ?”
“ไม่ต้องมาสิบมงสิบเปอร์เซ็นต์เลย สี่ยิบฉันก็ไหว! หยุดพล่ามได้แล้วน่า ถ้าขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ อวัยวะภายในของฉันจะได้รับบาดเจ็บจากการล็อคพลังลมปราณนะ”
เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้าและไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาพลันยกกำปั้นขึ้น สำหรับคราวนี้ เสี่ยวเฉิงเลือกที่จะยับยั้งพละกำลังหมัดของตัวเองไว้ที่สิบเปอร์เซ็นต์แรกก่อน แล้วเขาก็จะออกแรงชกเพิ่มขึ้นครั้งละสิบจนถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
“งั้นผมจะออกแรงสักหน่อยก็แล้วกัน” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคำพูดพร้อมปล่อยหมัดออกไป
ตุบ!
เสียงเนื้อกระทบกันพลันดังขึ้น ในช่วงแรกก่อนที่หมัดของเสี่ยวเฉิงจะซัดเข้ามากลางหน้าท้อง อู๋ห่าวก็พลันคิดไปแล้วว่าหมัดของเสี่ยวเฉิงไม่น่าเจ็บหรอก แต่ทว่า ถึงแม้มันจะเป็นการชกที่ไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่อู๋ห่าวก็รู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในที่สั่นไหวเล็กน้อยได้เลย
แม้ว่าอู๋ห่าวจะยังคงเกร็งหน้าท้องแข็งและไม่ได้ขมวดคิ้ว แต่กำปั้นของเสี่ยวเฉิงนั้นก็ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนบนใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย
มันเป็นหมัดที่แทบจะทลายพลังลมปราณภายในที่ถูกกักขังอยู่ในร่างกายของอู๋ห่าวได้เลย…
ทันใดนั้น หยานเหว่ยก็พลันเผยยิ้มขึ้นมา “เป็นยังไงล่ะ? นี่แหละพลังลมปราณของร้อยเอกอู๋ห่าว บอกแล้วว่าฉันไม่ได้โม้”
หวังหยิงพลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยความชื่นชมว่า “มันก็พอเข้าใจได้ เพราะร้อยเอกอู๋ห่าวเองก็เป็นตัวแทนของกองทัพเราด้วยนี่แหละ”
อู๋ห่าวพลันกลอกตาพร้อมแสดงท่าทีสุดเย่อหยิ่งออกมา
เสี่ยวเฉิงพลันดึงกำปั้นกลับและกล่าวคำพูด “ถ้าอย่างนั้น หมัดสองกำลังตามมานะ…”
“รออะไรล่ะ?” ทันใดนั้น ดวงตาของอู๋ห่าวก็พลันเบิกกว้าง “หือ? หมัดที่สอง? นายหมายความว่านี่คือหมัดแรกจากสิบงั้นรึ?”
เสี่ยวเฉิงพลันหยักหน้า “ใช่ ครั้งนี้ฉันจะลองออกแรงขึ้นอีกสักสิบเปอร์เซ็นต์ดู”
อู๋ห่าวพลันสูดหายใจเฮือกใหญ่พร้อมตะโกน “จัดมาเลย!”
สำหรับคราวนี้ อู๋ห่าวจะไม่ประมาทเสี่ยวเฉิงอีกต่อไปแล้ว
ในคราวนี้ เสี่ยวเฉิงง้างหมัดของตนออกไปไกลกว่าเดิม ถึงมันจะดูเหมือนเป็นหมัดธรรมดา แต่ก็แฝงไปด้วยอันตราย
ตุบ!
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงซัดหมัดเข้าไปที่กลางท้อง อวัยวะภายในของอู๋ห่าวก็แทบเคลื่อน และระหว่างที่เสี่ยวเฉิงดึงหมัดออกไป หน้าท้องของอู๋ห่าวก็เผยให้เห็นรอยช้ำสีแดงเข้ม ถ้าพูดตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว การต่อยด้วยพละกำลังที่รุนแรงเข้าไปที่หน้าท้องนั้นจะทำให้เลือดจำนวนมากไหลเวียนไปที่ชั้นผิวหนังจนรอยช้ำปรากฎขึ้น อันที่จริง รอยช้ำก็ไม่สามารถขึ้นมาได้ง่ายขนาดนั้น ขนาดหยานเหว่ยยังรู้สึกได้ทันทีที่เห็น…
หยานเหว่ยพลันสังเกตเห็นว่าตาซ้ายของอู๋ห่าวกระตุก เห็นได้ชัดว่าอู๋ห่าวกำลังพยายามเก็บอาการและกลั้นความเจ็บปวดที่เกิดจากหมัดของเสี่ยวเฉิงอยู่ ใช่แล้ว… อู๋ห่าวคงจะไม่คิดไม่ฝันว่าหมัดของเสี่ยวเฉิงจะรุนแรงถึงขนาดที่ตนจะต้องเก็บอาการเช่นนี้เลย ในตอนนี้ อู๋ห่าวพลันรู้สึกราวกับถูกวัวกระทิงพุ่งเข้าใส่ ถ้าไม่ยอมเกร็งและทรงตัวให้มั่น เขาก็คงจะถูกซัดลอยไปไกลแล้ว อู๋ห่าวพลันรู้สึกราวกับอวัยวะของตนกำลังเต้นอยู่ในร่างกาย
“ร้อยเอกอู๋ดูจะแข็งแกร่งไม่เบาเหมือนกันนะครับ คุณสามารถรับหมัดที่สองของผมได้ด้วย… และต่อไปก็หมัดที่สาม” เสี่ยวเฉิงกล่าวคำพูดออกมาพร้อมกับถอยหลังออกไปโดยเว้นระยะห่างให้เพียงพอสำหรับการชก