ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้บังคับบัญชา ตัวแทนทั้งสามของแก๊งจตุรเทพก็พลันเผยยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ในปัจจุบัน แม้ว่าพวกเขาจะสามารถชนะสงครามได้ด้วยคำพูด แต่พวกตำรวจเองก็มีความเข้มงวดในกฎหมายมากขึ้น เพราะเหตุนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรจะไปต่อล้อต่อเถียงด้วยเลย ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามจึงไม่ต้องการที่จะประกาศสงครามกับทางตำรวจอย่างเปิดเผยเท่าไหร่นัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็คงจะมีแค่คนใบ้เท่านั้นที่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับตำรวจและผู้คนทั้งประเทศ
“พวกเราก็แค่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างถูกกฎหมายน่ะคุณตำรวจ มันก็แค่นั้นเอง ให้โอกาสกันหน่อยเถอะ” หนึ่งในสามพลันกล่าวติดตลกออกมา
“ได้แน่นอน แต่ประเทศนี้จะให้โอกาสและมอบตัวตนใหม่กับพวกนายทุกคนก็ต่อเมื่อยอมคืนทุกสิ่งอย่างที่ได้ไปอย่างผิดกฎหมาย… แต่ยังไงก็เถอะ แค่ตัวตนใหม่คงจะไม่พอหรอกมั้ง เพราะทั้งหัวใจและวิญญาณของพวกนายต่างก็เน่าเฟะไปหมดแล้ว งั้นเอาแบบนี้ดีไหมล่ะ? ให้ความร่วมมือกับพวกเราสิ ยอมดัดสันดานตัวเองสักสิบหรือไม่ก็ยี่สิบปีหน่อยเป็นไง? แต่ถ้าทำไม่ได้ พวกตำรวจอย่างเราก็คงจะต้องไล่ล่าแล้วก็โยนพวกนายเข้าคุกอย่างที่ควรจะเป็นนั้นแหละ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของตัวแทนทั้งสามก็พลันมืดลง
ในตอนนั้นเอง ลูกน้องคนหนึ่งของแก๊งสี่จตุรเทพพลันต้องการที่จะแสดงความจงรักภักดี เขารีบตะโกนใส่ผู้บังคับบัญชาแทบจะทันที “ขนาดผู้พิพากษายังต้องขอหลักฐานก่อนที่จะตัดสินคนอื่นเลย!”
ทันทีที่ลูกน้องคนนั้นพูดจบ ตัวแทนของแก๊งเสือขาวก็พลันเดินเข้ามาตบหน้าและกล่าวคำพูด “ใครสั่งให้แกเอ่ยวาจาที่นี่กัน?! แกไม่มีสิทธิ์พูด!”
ผู้บังคับบัญชาพลันเผยยิ้ม “สั่งสอนวินัยให้ลูกน้องตัวเองหน่อยก็ดีนะ ระวังจะมีปัญหาตามมาทีหลังล่ะ ยังไงก็เถอะ ได้เวลาชมการประลองแล้ว ช่วยหลับไปนั่งที่อื่นหน่อยก็แล้วกันนะ”
ตัวแทนทั้งสามพลันถูกบอกเป็นนัยว่าให้ออกไปจากพื้นที่ตรงนี้ ไม่นานนัก พวกเขาจึงเดินไปหาที่นั่งอื่น
หลังจากนั้นไม่นาน ชายร่างสูงกำยำที่น่าจะอายุเกือบห้าสิบปีก็พลันยิ้มกว้างและมองตรงมา เขาสวมเครื่องแบบคาราเต้สีดำพร้อมและเดินตรงมาจับมือกับผู้บังคับบัญชา
ทั้งนี้ ถึงผู้บังคับบัญชาจะกล้าแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดต่อหน้าตัวแทนทั้งสามได้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเผยท่าทีที่หยิงหยองเกินไปกับชายตรงหน้า…
ชายคนนี้คือผู้นำของแก๊งเต่าดำ!
“สวัสดีครับ ผมเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามคุณมานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณตัวจริงเสียงจริงแบบนี้” ผู้บังคับบัญชาพลันแสร้งยิ้มและกล่าวทักทาย
ปรมาจารย์หยานพลันหัวเราะและตอบกลับ “อันที่จริง ฉันเองก็แก่มากแล้วแหละนะ เมื่อสมัยก่อน ฉันเคยปลิดชีพนักสู้ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเก่งที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บนเวทีประลองนั้นด้วยแหละ แต่อย่างว่าแหละนะ เพียงแค่กระพริบตาไม่กี่ที เวลาก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว แถมวันนี้ฉันเองก็ต้องมาสู้กับเด็กเมื่อวานซืนอีก เฮ้อ… แต่ยังไงเสีย ฉันเองก็ต้องปกป้องพวกพ้องแล้วก็สิ่งที่ตัวเองรักแหละนะ”
ผู้บังคับบัญชายังคงหัวเราะและตอบกลับ “ถ้าตายไปแล้ว เราก็เอาสิ่งมีค่าติดตัวไปด้วยไม่ได้หรอก… บางครั้งการปล่อยวางก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะครับ”
ปรมาจารย์หยานพลันพยักหน้าและมองไปรอบกาย ไม่นานนัก เขาก็แสร้งทำเป็นกล่าวคำพูดอวดดีออกมา “ไม่คิดเลยนะว่าจะมีผู้มาเยือนแล้วก็ตำรวจมากมายขนาดนี้ ตอนนี้ฉันเริ่มกังวลนิดหน่อยแล้วสิ”
“กังวลเรื่องอะไรกันล่ะครับ?” ผู้บังคับบัญชาพลันถามขึ้น
“ก็กังวลว่าถ้าฉันฆ่าเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคนนั้นจนนอนจมกองเลือดบนเวที… ทั้งตำรวจแล้วก็กองทัพจะมาล้อมที่นี่เอาไว้น่ะสิ” ปรมาจารย์หยานพลันตอบกลับ
“พวกเขาทุกคนรู้กฎและกติกาของการประลองแลกชีวิตดีครับ ไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอก” ผู้บังคับบัญชาเผยยิ้มและพูดต่อ “แต่แน่นอน ถ้าลูกน้องของคุณสร้างปัญหา หรือคุณไม่สามารถคุมคนของตัวเองได้ เราก็จำเป็นต้องล้อมที่นี่เอาไว้”
ในอีกมุมหนึ่งของสนามประลอง เซินเหยาพลันนั่งเงียบอยู่กับหรานจิงในชุดเดรสยาว ระหว่างนั้น หลินจื้อซือเองก็กำลังนั่งข้างทั้งสองพร้อมใส่หมวกและสวมแว่นกันแดด ไม่นานนัก โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินจื้อซือก็พลันดังขึ้น
เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและมองไปยังเบอร์โทรทันที
“พี่หลิน! พวกเราอยู่ที่นี่แล้วนะ พวกพี่สองคนอยู่ไหนกันน่ะ?”
หลินจื้อซือพลันรีบตอบกลับ “หลินเหล่ย… ช่วยพาพ่อกับแม่ไปนั่งรอที่โรงแรมโฟร์ซีซันก่อนได้ไหม? พี่รู้มาว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ทานอาหารจีนมานานแล้ว พี่ก็เลยจองโต๊ะที่นั่นเอาไว้ให้น่ะ แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้พาพ่อกับแม่กลับไปรอที่โรงแรมก่อนนะ เดี๋ยวพี่กับเสี่ยวเฉิงจะไปรับที่นั่นเอง แต่บางทีก็อาจจะช้าหน่อย…“
หลินเหล่ยพลันเผยยิ้มอย่างขมขื่น “มันจะดีเหรอพี่หลิน? ถ้าต้องรอนาน พ่อก็อาจจะโกรธเอาได้นะ พ่อกับแม่ตั้งใจบินมาที่นี่เพื่อมาเจอพวกพี่ทั้งสองคนเลยนะ ถ้าต้องไปบอกให้พ่อกับแม่รอก่อน… พ่อต้องตบหน้าผมแน่เลย อันที่จริง ผมเองก็คงจะขัดขืนอะไรพ่อมากไม่ได้ด้วย”
หลินจื้อซือพลันกัดฟันและรีบตอบกลับ “งั้นนายช่วยถ่วงเวลาให้พี่หน่อยจะได้ไหมล่ะ? เดี๋ยวอีกสักพัก พี่จะส่งที่อยู่ของโรงแรมไปให้ แต่ว่าตอนนี้พี่กำลังยุ่งอยู่!”