เสี่ยวเฉิงพลันกลั้นหัวเราะและกล่าวคำพูดออกมาอย่างใจเย็น “การเคารพผู้สูงอายุก็ถือเป็นสิ่งที่ผู้น้อยทุกคนควรทำ เพราะแบบนั้น คุณกล่าวคำสั่งเสียออกมาก่อนจะดีกว่า”
ปรมาจารย์หยานพลันหัวเราะ “ฉันเตรียมคำพูดเอาไว้แล้วแหละ… วันนี้! ชายชราคนนี้แหละจะยืนมองดูไอ้เด็กน้อยตายต่อหน้าต่อตา!”
ทว่า เสี่ยวเฉิงดูจะไม่ประหม่าหรือกังวลอะไรเลย “ผมเองก็เตรียมคำพูดเอาไว้แล้วหมือนกัน… ถ้าหากมัจจุราชต้องการให้คุณตายก่อนเที่ยงคืน คุณก็จะไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันในวันพรุ่งนี้อีก เวลาของคุณกำลังจะหมดลงแล้ว”
ทั้งนี้ ปรมาจารย์หยานเองก็ยังคงเผยยิ้มอยู่ “ดูเหมือนนายจะฉลาดพูดนะ มาดูกันเถอะว่าคำพูดจองหองเช่นนั้นจะเป็นจริงหรือเปล่า!”
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดเฉยเมย “คุณคงได้ดูวิดีโอที่ผมซัดกับลูกน้องของคุณทั้งห้าสิบคนแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน แต่ฉันก็ไม่ได้ทะนงตัวพอที่จะดูถูกหรือประเมินใครต่ำไปหรอกนะ ฉันท้านายมาประลองแลกชีวิตก็เพราะเห็นว่านายมีคุณสมบัติที่คู่ควร แต่ฉันจะขอบอกอะไรให้อยากหนึ่งนะ สิ่งหนึ่งที่ขาดไปในวิดีโอนั้นก็คือการไร้ความปราณียังไงล่ะ!” ปรมาจารย์หยานพลันตะโกน
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าลูกน้องของคุณจะทำผิดขนาดไหน แต่ถ้ากฎหมายไม่ได้สั่งให้จับตาย ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าพวกเขา นี่แหละคือสิ่งที่ต่างกันระหว่างคุณกับผม! แต่ยังไงก็เถอะ วันนี้ผมก็จะต้องฆ่าคุณให้ได้! การที่คุณยังมีชีวิตอยู่กำลังส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนทุกคนในเมืองนี้… ขอเดาว่าชีวิตคุณคงจะไม่มีการพัฒนามาตลอดหลายปีเลยสินะ”
ปรมาจารย์หยานพลันขมวดคิ้ว “แน่ใจขนาดนั้นเลยรึ?”
“ถ้าไม่ตาย คุณก็คงไม่หยุดแน่ อีกอย่าง คุณคงจะไม่เคยสัมผัสถึงความสงบที่สุดในส่วนลึกของจิตใจเลยสินะ” เสี่ยวเฉิงกล่าว
ปรมาจารย์หยานเผยยิ้ม “นายก็พูดถูก แต่ก็อยากที่เคยบอกไป ถ้าแพ้การประลอง ฉันจะยอมยุติทุกอย่าง ยังไงก็เถอะ หวังว่านายคงจะไม่เข่าอ่อนจนล้มง่ายเกินไปล่ะ ช่วยมาเป็นเป้านิ่งให้ฉันระบายความเดือดดาลของตัวเองหน่อยก็แล้วกัน!”
เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังปรมาจารย์หยานและกล่าวคำพูด “ก่อนที่จะเริ่มประลอง ก็ควรประกาศความมุ่งมั่นของคุณให้ทุกคนได้รับรู้หน่อยไหมล่ะ? ถ้าคุณแพ้… อะไรจะเกิดขึ้นล่ะ? อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่นี่ต่างก็น่าจะกำลังรอฟังอยู่นะ”
ปรมาจารย์หยานพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พลันตะโกนเสียงดังออกมาเพื่อให้พยานทุกคนรอบตัวได้ยินและรับรู้ “ถ้าวันนี้ฉันแพ้ แก๊งเต่าดำจะถูกยุบและสลายหายไปในทันที! ต่อไปนี้จะไม่มีแก๊งเต่าดำอีก!”
คำพูดของปรมาจารย์หยานพลันดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนจากแก๊งเต่าดำไม่น้อย ทันใดนั้น พวกเขาก็พลันตะโกนกลับมา “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเสี่ยวเฉิงแพ้ล่ะ? เจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะออกกฏให้แก๊งเต่าดำครอบครองเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดินหน่อยไหมล่ะ?”
ทั้งผู้บังคับบัญชาจากกรมตำรวจและเจ้าหน้าที่ของเมืองต่างก็นิ่งเงียบและไม่พูดอะไรออกมา
เอกสารนี้เกี่ยวข้องกับสิทธิ์ในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินมากมาย ทั้งนี้ แก๊งเต่าดำก็ได้ครอบครองที่ดินในเมืองซ่างเฉิงอยู่หลายแห่งและไม่ต้องการที่จะโยกย้ายไปไหน อีกทั้ง พวกเขาเองก็ไม่ได้เต็มใจให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากที่อื่นเข้ามาครอบครองที่ดินเหล่านั้นอีกด้วย
และแน่นอน ทางรัฐบาลเองก็จะไม่ยอมออกหรือเซ็นเอกสารสำคัญอะไรให้พวกเขาเลย…
นอกจากนี้ พื้นที่ทั้งหมดที่แก๊งเต่าดำครอบครองอยู่ก็ทั้งกว้างและใหญ่มาก อีกทั้ง บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งก็เข้ามาเสนอราคาให้ทุกปี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเลยสักอย่างเนื่องจากยังคงมีสมาชิกของแก๊งเต่าดำคอยจัดการเรื่องนี้อยู่
ในตอนนี้ ทั้งผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่เมืองเองก็พลันรู้สึกลังเลมากกว่าเดิม
อันที่จริง ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่ได้โทรคุยกับเพื่อนสนิทที่เป็นครูฝึกจากกองทัพภาคที่ห้า เขาก็คงมั่นใจว่าเสี่ยวเฉิงจะต้องชนะแน่หลังจากได้ดูคลิปวิดีโอ แต่ทว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทของตนแล้ว ผู้บังคับบัญชาก็เพิ่งจะพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับร่างกายของเสี่ยวเฉิง… หากปรมาจารย์หยานชนะและได้ครอบครองสิทธิ์ในการสร้างในดินแดน แก๊งเต่าดำก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และทรงอำนาจมากกว่าที่เคยเป็นอย่างแน่นอน และถ้าวันนั้นมาถึง ทางกรมตำรวจเองก็อาจจะกลายเป็นเป้าสายตาในการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนได้