ผู้พันที่นั่งอยู่ข้างทั้งสองก็พลันเบิกตากว้าง เขากำลังทำความเข้าใจกับฉากที่เสี่ยวเฉิงหักกระดูกของปรมาจารย์หยานด้วยหมัดเดียวอยู่
อู๋ห่าวพลันมองไปยังผู้พันพร้อมกล่าวคำพูด “หัวหน้าครับ ถ้าเสี่ยวเฉิงได้อยู่ในทีมของเราระหว่างการต่อสู้ระยะประชิดในป่า ใครจะต้องมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขากันเหรอครับ? เพราะจากที่เห็น แค่หมัดเดียว… เขาก็แทบจะจบชีวิตใครคนหนึ่งได้เลย”
ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงพลันพุ่งตัวเข้าไปหาปรมาจารย์หยานอีกครั้ง เสี่ยวเฉิงพลันกางขาออกพร้อมกับซัดเข้าไปกลางท้องของปรมาจารย์หยานราวกับกำลังเตะลูกฟุตบอล
ในวินาทีนั้น ปรมาจารย์หยานพลันคิดว่าลูกเตะของเสี่ยวเฉิงไม่น่าจะแรงเท่าไหร่นัก เนื่องจากเสี่ยวเฉิงน่ามุ่งเน้นการฝึกทั้งหมดที่ไปกำลังหมัดมากกว่า ทันทีที่คิดเช่นนั้น ปรมาจารย์หยานก็พยายามยกแขนอีกข้างขึ้นเพื่อสลัดการโจมตีของเสี่ยวเฉิง แต่ทว่า เขากลับคิดผิดอีกแล้ว เพราะลูกเตะของเสี่ยวเฉิงนั้นทำให้แขนของปรมาจารย์หยานสูญเสียการควบคุมและเหวี่ยงกลับมากระแทกที่ใบหน้าของเขาเอง พละกำลังอันทรงพลังนั้นทำให้ปรมาจารย์หยานลอยกระเด็นออกไปอีกประมาณห้าถึงหกเมตรก่อนที่จะร่อนลงและกลิ้งไปบนพื้นอยู่สองสามตลบ
ทันใดนั้น ข้างเวทีก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างตกตะลึง ปรมาจารย์หยานในตอนนี้พลันโกรธมากถึงมากที่สุด เขาพลันกระโดดขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงคำรามทันที ปรมาจารย์หยานรู้สึกอับอายขายขี้หน้าไม่น้อย! ขนาดโจมตีเสี่ยวเฉิงไปประมาณห้าสิบครั้ง เขายังไม่สามารถแตะตัวเสี่ยวเฉิงได้เลย แต่ทว่า เขากลับถูกเสี่ยวเฉิงซัดจนกระเด็นลอยอยู่บนอากาศภายในการเคลื่อนไหวเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น! ความรู้สึกของปรมาจารย์หยานในตอนนี้ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับหลี่ต้าจวงในตอนนั้น ต่อยไม่โดนสักหมัด แถมถูกซัดจนเสียหน้าอีก! มันคงจะเป็นความรู้สึกที่ดีกว่ามากหากเขาสามารถซัดโดนเสี่ยวเฉิงสักหมัด ถึงอย่างไร สิ่งที่ปรมาจารย์หยานผู้หยิ่งผยองได้รับในการประลองก็มีเพียงแค่ความอับอายเท่านั้น
ไม่นานนัก ปรมาจารย์หยานก็พลันพุ่งตัวเข้าไปหาเสี่ยวเฉิงราวกับราชสีห์คลั่งพร้อมกับปลดปล่อยความเร็วและพละกำลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ก่อนที่จะปะทะตัว เขาก็พลันกระโดดสูงขึ้นไปบนอากาศราวสามเมตรพร้อมกับยกศอกขวาที่ยังเคลื่อนไหวได้ขึ้น ปรมาจารย์หยานต้องการที่จะศอกลงไปตรงกลางหัวพร้อมกับแยกสมองของเสี่ยวเฉิงออกเป็นสอง
ทุกคนรอบเวทีพลันจ้องมองไปยังการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของปรมาจารย์หยานที่ราวกับเป็นงูพิษใกล้ตายที่ต้องการรีดพิษครั้งสุดท้ายของตัวเองใส่ศัตรู
แต่ทว่า ระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดว่าศอกของปรมาจารย์หยานจะเป็นการปลิดชีพที่นำมาซึ่งผลลัพธ์น่าสยดสยอง เสี่ยวเฉิงก็ได้คาดการณ์การเคลื่อนไหวของปรมาจารย์หยานเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่ปรมาจารย์หยานจะพุ่งตรงลงมา เสี่ยวเฉิงก็พลันกระโดดขึ้นจากพื้นไปและพุ่งตรงไปยังศัตรูเช่นกัน ทันทีที่ทุกคนกำลังคิดว่าเสี่ยวเฉิงคงอยากจะฆ่าตัวตาย หมัดของเสี่ยวเฉิงก็พลันกระแทกเข้าไปที่กลางอกของปรมาจารย์หยานทันที
ตุบ!
เลือดสีแดงสดพลันถูกพ่นออกมาจากปากของปรมาจารย์หยานโดยตรง ทั้งร่างพลันถูกผลักขึ้นไปกลางอากาศอีกหลายเมตรก่อนที่จะตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง ร่างอันหนักอึ้งของปรมาจารย์หยานพลิกหน้าพลิกหลังอยู่สองสามครั้งก่อนที่จะกระแทกสู่พื้น
ทุกคนที่นั่งอยู่ในสนามกีฬาต่างก็มองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ หัวใจของทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความสยดสยองที่เกิดขึ้น ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผนที่คิดเอาไว้เลย…
ในตอนนี้ ทั้งหรานจิงและอีกสองสาวต่างก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเสี่ยวเฉิงนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้ได้เยี่ยงไร มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหด ไม่มีท่วงท่าสุดเทพอะไรทั้งนั้น มันเป็นแค่เพียงการเอาชนะด้วยความแข็งแกร่ง! และไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือความแข็งแกร่ง เสี่ยวเฉิงก็สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ของตนได้!
แต่ทว่า สำหรับเซินเหยาแล้ว คำดูถูกและเยาะเย้ยที่เธอมีต่อเสี่ยวเฉิงก่อนหน้านี้กลับแปรเปลี่ยน ความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้พร่างพรายจนเอ่อล้นเต็มหัวใจ โดยเฉพาะการเสี่ยวเฉิงสามารถกระทืบผู้นำของแก๊งเต่าดำได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง… เซินเหยาในตอนนี้พลันรู้สึกว่าฮอร์โมนเพศหญิงของตัวเองกำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน ถึงอย่างไร เซินเหยาก็พลันรู้ดีว่านี่คือความสนใจที่เธอมีต่อผู้ชายคนหนึ่ง!
เธอจับข้อมือของหรานจิงเอาไว้แน่น สายตาของเธอยังคงจับจ้องไปไปยังเสี่ยวเฉิงที่ยืนอยู่บนเวที ไม่นานนัก เธอก็พลันบ่นพึมพำกับตัวเอง “ฉันจะจับหมอนั่นมาเป็นแฟนให้ได้เลย!”