ตอนที่ 72: ตายไปพร้อมกันเถอะ
ข้อมือของหรานจิงพลันถูกเซินเหยาบีบเอาไว้แน่น ไม่นานนัก เธอก็พลันกล่าวคำพูดออกมาทันใด “เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องป่าวประกาศขนาดนั้นก็ได้มั้ง มันก็เป็นแค่การเดิมพันระหว่างเรา…”
ไม่ช้า เซินเหยาพลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงว่า… ตอนนี้ฉันเริ่มอยากจะจีบหมอนั่นขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ”
“อ่า ก็รู้ เธอก็แค่อยากได้หมอนั่นมาเป็นแฟนแล้วก็เทเขาใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ใช่ ลืมเรื่องเทไปก่อนเลย อันที่จริง ถ้าหมอนั่นยอมสารภาพรักกับฉัน ฉันก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วก็ตอบตกลงเลยล่ะ”
ดวงตาของหรานจิงพลันหรี่ลง ไม่นานนัก เธอก็พลันใช้ศอกสะกิดเซินเหยา “เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เซินเหยาไม่ได้ตอบอะไร เธอเอาแต่มองไปยังเสี่ยวเฉิงที่ยืนอยู่บนเวที
หลินจื้อซือขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดของเซินเหยา เธอเองก็มองไปยังเสี่ยวเฉิงเช่นกัน
ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินเข้าไปหาปรมาจารย์หยาน ระหว่างทาง สมาชิกของแก๊งเต่าดำนับร้อยรอบเวทีก็พลันลุกขึ้นยืนและตะโกนเตือน “เฮ๊ย! ไอ้บัดซบ! คิดว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่กัน?”
อีกฝ่ายพลันคิดว่าเสี่ยวเฉิงต้องการที่จะปลิดชีพปรมาจารย์หยาน ด้วยเหตุนั้น พวกเขาทุกคนจึงลุกขึ้นจากที่นั่งและเริ่มตะโกนโห่ร้อง
ทว่า เสี่ยวเฉิงพลันหยุดเดินและหันหน้าไปยังเหล่าสมาชิกของแก๊งเต่าดำที่กำลังยืนอยู่ข้างเวที “ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่เป็นกันหรือยังไง?”
“นายท่านแพ้แล้ว งั้นแกก็ปล่อยเขาไปสิ!” เหล่าสมาชิกของแก๊งเต่าดำทุกคนเริ่มกระวนกระวาย ทว่า สมาชิกจากอีกสามแก๊งไม่ได้ลุกขึ้นมาโหวกเหวกโวยวายอะไร นั่นเป็นเพราะอีกสามแก๊งที่เหลือพลันเคารพในการตัดสินใจของผู้นำแก๊งเต่าดำ ถึงกระนั้น ถ้าปรมาจารย์หยานถูกปลิดชีวิตขึ้นมา แก๊งเต่าดำก็จะต้องถูกยุบลง สมาชิกแต่ละคนก็จะต้องแยกกันไปคนละทาง ด้วยเหตุนั้น ปรมาจารย์หยานจึงเป็นเหมือนความหวังและที่พึ่งของพวกเขาทุกคน ถึงแม้ตอนแรกพวกเขาจะคิดว่าปรมาจารย์หยานจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอนก็ตาม
“ปล่อยเขาไปเนี่ยนะ?” เสี่ยวเฉิงพลันหัวเราะ “แล้วไอ้บัดซบตัวไหนที่มาว่าฉันปอดแหก เอาแต่หลบจนไม่กล้าโต้กลับกันล่ะ? มองดูสิ! รู้หรือยังล่ะว่าฉันสามารถตอบโต้ได้รุนแรงขนาดไหน?”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินมายืนตรงหน้าปรมาจารย์หยาน ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับความตาย เสี่ยวเฉิงพลันก้าวเท้าขวาออกมาเพื่อเหยียบไปบนฝ่ามือของปรมาจารย์หยาน ภายในเสี้ยววินาที เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชและแหลมคมก็พลันดังขึ้น
“แกกล้าดียังไงกัน?!” สมาชิกแก๊งเต่าดำนับร้อยต่างก็พลันหัวร้อนขึ้นมาทันใด ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไงต่อไปหากปราศจากเจ้านาย และในวันนี้ ปรมาจารย์หยานไม่เพียงแต่พ่ายแพ้เท่านั้น แต่เขายังต้องรู้สึกอับอายต่อหน้าทุกคนอีกด้วย เหตุการณ์ตรงหน้าพลันทำให้จิตใจของเหล่าสมาชิกจากแก๊งเต่าดำเดือดระอุ ทันทีที่ทนไม่ไหว อีกฝ่ายก็พลันพุ่งเข้าไปยังเวทีทันที
ไม่ช้า เสี่ยวเฉิงก็พลันตะโกนเสียงดังขึ้นมา “เข้ามาเลย! ไอ้พวกสวะ! วันนี้แหละ! ฉันจะถอนรากถอนโคนแก๊งเต่าดำออกไปจากเมืองซ่างเฉิงให้หมดเลย!”
ในตอนนี้ ทั้งสนามกีฬาก็พลันเต็มไปด้วยความโกลาหล
ไม่นานนัก ผู้บังคับบัญชาก็พลันมองไปยังหลี่ต้าจวงและคนอื่น “พวกนายรอบ้าอะไรกันอยู่ล่ะ? รีบไปอพยพผู้คนก่อนสิ! ทุกคนที่นี่มาจากกองกำลังหน่วยรบพิเศษเชียวนะ! รีบเรียกกองหนุนแล้วก็เข้าไปควบคุมสถานการณ์เร็วเข้า!”
หลี่ต้าจวงพลันพยักหน้า ทั้งเขาและเพื่อนรีบวิ่งไปอพยพผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องทันที
ภายในประตูเหล็กของสนามกีฬา เสี่ยวเฉิงก็กำลังทักทายเหล่าอันธพาลทุกคนที่เข้ามาจากทุกด้าน
อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ เสี่ยวเฉิงก็ยังสู้ไปแบบไม่สะใจเลย ด้วยเหตุนั้น เขาจึงไม่คิดจะอ่อนข้อให้เหล่าอันธพาลจอมหัวร้อนที่กำลังพุ่งเข้ามา ไม่ช้า ใบหน้าของอันธพาลแต่ละคนก็พลันถูกซัดเข้าไปด้วยหมัดของเสี่ยวเฉิง เสี่ยวเฉิงทั้งซัดหมัด ก้มหลบ ยกขาและหมุนตัวหนึ่งร้อยแปดสิบองศา จนฟันแต่ละซี่ของอันธพาลแต่ละคนพลันหลุดลอยและกระเด็นออกจากปากไป
นอกจากนี้ บางคนก็พลันโดนเสี่ยวเฉิงซัดจนกระดูกหักอีกด้วย หมัดของเสี่ยวเฉิงนั้นซัดเข้าไปยังจุดสำคัญและโครงกระดูกของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง นอกจากเสียงกระดูกหักที่ดังลั่นแล้ว อันธพาลแต่ละคนก็พลันส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับเสียงร้องสุดน่าสังเวชออกมา
“เอ่อ… คุณผู้หญิงครับ ช่วยออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพลันวิ่งเข้ามาและช่วยเหลือผู้คนทันที นอกจากนี้ หวังหยิงเองก็พลันวิ่งเข้ามาช่วยหลินจื้อซือ เซินเหยาและหรานจิงอีกด้วย
หรานจิงพลันกระพริบตาราวกับบอกเป็นนัยกับหวังหยิงว่าเธอจะอยู่ช่วยคนอื่นที่นี่ด้วย ไม่นานนัก หรานจิงก็พลันหันไปพูดกับหลินจื้อซือและเซินเหยา “พวกเธอสองคนออกจากที่นี่ไปก่อนเลย”
เซินเหยาพลันเหลือบมองไปยังเสี่ยวเฉิงที่กำลังซัดกับเหล่าอันธพาลของแก๊งเต่าดำ แต่ละคนพลันถูกซัดและลอยไปกระแทกกับกำแพงเหล็กจนกระอักเลือด บ้างก็ขาหัก บ้างก็แขนหัก นอกจากนี้ ทั่วทั้งพื้นเวทีก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสีแดงสดอีกด้วย อันที่จริง เซินเหยาเองก็อยากจะหลบอยู่หลังที่นั่งและมองดูเสี่ยวเฉิงสู้ให้นานกว่านี้ แต่ทว่า เธอก็พลันถูกหวังหยิงดึงแขนไปอย่างไม่มีทางเลือก แต่แล้ว ทันทีที่เซินเหยาเดินไปยังทางออก หลินจื้อซือก็พลันหันกลับไปมองเสี่ยวเฉิงพร้อมกับกล่าวคำพูดออกมา “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”