ตอนที่ 73: ต่างคนต่างความคิด
สำหรับตอนนี้ หลินจื้อซือเองก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้วว่าคนอื่นจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอกับเสี่ยวเฉิงหรือไม่ เธอพลันผลักเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนขวางทางและรีบวิ่งตรงเข้าไปหาเสี่ยวเฉิงพร้อมตะโกนออกมาอย่างกระวนกระวายทันที “เสี่ยวเฉิง! เสี่ยวเฉิง!”
ทั้งหรานจิงและคนอื่นต่างก็วิ่งตรงไปยังเสี่ยวเฉิงเช่นกัน หรานจิงพลันมองไปยังมีดสั้นที่ปักอยู่กลางท้องของเสี่ยวเฉิง ทันทีที่เห็นว่าเลือดยังคงไหลไม่หยุด เธอก็พลันตะโกนไปทางรถพยาบาลด้านนอกทันที “รีบตามหมอมาเร็ว!”
ทั้งหมอและผู้ช่วยต่างก็รีบวิ่งเข้ามาและอุ้มเสี่ยวเฉิงขึ้นเปลหามทันที และในตอนนี้ หลินจื้อซือเองก็กำลังจับมือของเสี่ยวเฉิงเอาไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยก่อนครับคุณผู้หญิง พวกเราต้องรีบพาเขาไปโรงพยาบาลก่อนครับ”
“งั้นฉันจะไปด้วยค่ะ!” หลินจื้อซือรีบพูดขึ้นมาทันที
หรานจิงพลันมองไปยังเจ้าหน้าที่และผู้ช่วยหมอ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะปล่อยให้หลินจื้อซือขึ้นมาบนรถพยาบาลด้วยเช่นกัน
หลินจื้อซือพลันมองไปยังใบหน้าที่ซีดเซียวของเสี่ยวเฉิงพร้อมกับคิดว่าตอนนี้เขามีอิทธิพลกับเธอมากขนาดไหน… เธอจับมือของเสี่ยวเฉิงเอาไว้แน่นและถอนหายใจ “เสี่ยวเฉิง… นายเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ”
เธอพลันเผยยิ้มและครุ่นคิดอยู่ในใจ “นายดูจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลยนะ รู้ไหมว่าฉันรอวันนี้มานานขนาดไหน? ฉันเชื่อมาตลอดเลยนะว่าวันหนึ่งนายจะเป็นผู้ชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจแล้วก็สามารถป่าวประกาศบอกคนอื่นได้ว่าฉันคือภรรยาของนาย! ยังไงก็เถอะ ฉันจะรอ ฉันจะรอวันที่นายพร้อม วันที่นายต้องการที่จะมอบความสุขให้ฉันจริง ๆ”
อย่างที่รู้กัน ท่าทีเย็นชาและเฉยเมยของหลินจื้อซือที่มีต่อเสี่ยวเฉิงในตอนแรกล้วนเป็นเพราะเสี่ยวเฉิงปฏิเสธข้อเสนอการแต่งงานจากคุณพ่อของเธอเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นเธอรู้สึกโกรธเกินไป ทว่า เสี่ยวเฉิงไม่รู้ได้ยังไงกันว่าหลินจื้อซือชอบเขามาตั้งแต่อายุยังน้อย? เมื่อห้าปีก่อน หลินจื้อซือพลันรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงเอาแต่วิ่งหนีปัญหาราวกับเป็นคนขี้ขลาดตาขาว นับตั้งแต่วันที่เสี่ยวเฉิงเสียพ่อไป เขาก็กลายเป็นคนเก็บตัวและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยแม้แต่น้อย
คุณพ่อพลันพร่ำบอกเธอมาตลอดว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับแม่ของเสี่ยวเฉิงน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เสี่ยวเฉิงรู้สึกไม่เชื่อใจและเข้ากับผู้หญิงไม่ค่อยได้ นั่นคือสาเหตุที่เสี่ยวเฉิงคัดค้านข้อเสนอเรื่องการแต่งงาน ถึงอย่างไร ถ้าหลินจื้อซือไม่ได้รักเสี่ยวเฉิงจริง เธอก็คงจะปฏิเสธการตัดสินใจของคุณพ่อไปแล้ว ถึงกระนั้น เหตุผลที่หลินจื้อซือชอบทำตัวเย็นชาและเฉยเมยใส่เสี่ยวเฉิงหลังแต่งงานก็เป็นเพราะเธอพลันรู้สึกราวกับถูกเสี่ยวเฉิงทำร้ายจิตใจมาโดยตลอด เขายึดติดกับความคิดของตัวเองมากเกินไป เขาพลันยึดติดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นดีที่สุด นอกจากนี้ เขายังไม่แม้แต่จะแตะต้องตัวเธอเลยด้วยซ้ำ เสี่ยวเฉิงต้องการที่จะรักษาระยะห่างเพื่อให้หลินจื้อซือได้พบกับชายในฝัน ชายที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้ ด้วยเหตุนั้น เสี่ยวเฉิงจึงลืมแคร์ความรู้สึกของหลินจื้อซือไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งเสี่ยวเฉิงทำตัวแบบนั้นนานขึ้นเท่าไหร่ หลินจื้อซือก็พลันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เธอจงใจเข้าร่วมและใช้ชีวิตในแวดวงบันเทิงเพื่อทดสอบเสี่ยวเฉิง หลินจื้อซือต้องการที่จะรู้ว่าเสี่ยวเฉิงยังคงสนใจเธออยู่ไหม แต่ทว่า ใครจะไปคิดล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะเผยท่าทีราวกับไม่รู้สึกอะไรเลยออกมาแบบนี้?
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งอารมณ์และทัศนคติในการใช้ชีวิตของหลินจื้อซือก็พลันสงบเงียบลง เธอไม่ได้รู้สึกสนใจสิ่งใดเลย
อันที่จริง เธอต้องการที่จะลืมความสัมพันธ์นี้ไปเสีย ทว่า นับตั้งแต่คืนที่เสี่ยวเฉิงเมา และพนักงานใช้โทรศัพท์ของเขาโทรมาหาเธอ จิตใจที่เงียบสงบราวกับทะเลสาบของหลินจื้อซือก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา เธอพลันรู้ดีว่าตัวเองคงจะลืมเรื่องนี้ไม่ได้แน่
โดยเฉพาะในตอนนี้ เธอพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับรู้สึกราวกับหัวใจกำลังตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
บางที มันอาจจะเป็นเพราะหลินจื้อซือพลันคิดย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กอันแสนหวานที่ทั้งสองเคยใช้เวลาร่วมกัน ทว่า ไม่นานนัก โทรศัพท์ในกระเป๋าก็พลันดังขึ้น
พยาบาลคนหนึ่งที่ได้ยินพลันกล่าวคำพูดออกมา “คุณผู้หญิงคะ มีคนโทรมาค่ะ”
หลินจื้อซือพลันยิบโทรศัพท์ออกมา มันเป็นสายจากน้องชายคนเล็ก… หลินเหล่ย
“ว่าไง?”
“พี่! พ่อแทบจะเอามีดมาจ่อที่คอของผมอยู่แล้วนะ! พี่ช่วยคุยกับพ่อแทนผมเลย!” หลินเหล่ยไม่รู้ตัวเลยว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีในระหว่างที่ยื่นโทรศัพท์ให้หลินกุ้ยเหริน
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็พลันดังออกมาจากปลายสาย “ลูกกำลังทำอะไรอยู่กันน่ะ?”