ตอนที่ 74: ความสามารถใหม่
หลังจากที่เซินเหยาจ่ายเงินเสร็จแล้ว เธอก็พลันเดินไปหาเสี่ยวเฉิงที่กำลังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วย แต่ทว่า หรานจิงก็เข้ามาดึงแขนเธอเอาไว้
“ฉันขอเข้าไปดูเสี่ยวเฉิงก่อนสิ…” เซินเหยาพลันรู้สึกกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหวังหยิงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอคงจะไม่ยอมให้หวังหยิงอยู่กับเสี่ยวเฉิงสองต่อสองแน่
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันคุยกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอเป็นตัวแทนจากกองทัพภาคที่แปด เธอรับผิดชอบเรื่องการดูแลเสี่ยวเฉิงน่ะ แถมคราวนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจะเดินทางมามอบรางวัลให้กับเสี่ยวเฉิงด้วย ยังไงเสีย ตอนนี้เรากลับห้องกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยมาเยี่ยมเขากันอีกที” หรานจิงพลันกล่าวคำพูดพร้อมกับดึงแขนเซินเหยา
“เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือยังไงกัน? คิดว่ายัยทหารคนนั้นเป็นตัวแทนที่ถูกส่งมาจริงเหรอ?” เห็นได้ชัดเลยว่าเซินเหยาไม่พอใจกับคำพูดของหรานจิง “มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ายัยนั่นก็แอบชอบเสี่ยวเฉิงเหมือนกัน”
“แล้วไงล่ะ? เธอไม่ใช่แฟนหมอนั่นสักหน่อย” หรานจิงพลันกล่าว
“แต่ฉันก็กำลังจะไปเป็นอยู่นี่ไง…” เซินเหยาพลันตอบกลับ
“ยังไงก็เถอะ อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าหน้าที่ก็จะมากันแล้ว เราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ” หรานจิงกล่าวพร้อมดึงเซินเหยาไปด้วย หลังจากที่ทั้งสองออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว หลินจื้อซือก็พลันเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวเฉิงในห้องคนไข้ทันที
หลินจื้อซือพลันรอเวลาให้หรานจิงและเซินเหยาออกจากโรงพยาบาลไปก่อน เธอยังไม่ต้องการให้ความลับเรื่องความสัมพันธ์ถูกเปิดเผย เพราะหากเซินเหยารู้เรื่องเข้า เธอจะต้องรู้สึกแย่มากแน่ที่หลินจื้อซือซึ่งเป็นเพื่อนคนสนิทไม่ยอมบอกอะไรเลย ความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงสองคนถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากถึงมากที่สุด ความเชื่อใจถือเป็นเรื่องที่จริงจังและสำคัญมากระหว่างเพื่อนสาว
ระหว่างที่หลินจื้อซือกำลังเข้าไปหาเสี่ยวเฉิง หลินเหล่ยก็พาพ่อและแม่ตรงมาถึงหน้าห้องคนไข้แล้ว
ประโยคแรกที่ออกจากปากหลินกุ้ยเหรินคือคำถาม “เฉิงเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาอยู่ข้างในค่ะ” หลินจื้อซือพลันตอบกลับ
ทันทีที่หลินกุ้ยเหรินเดินเข้ามาและเห็นเสี่ยวเฉิงนอนหมดสติอยู่ เขาก็พลันเดินไปนั่งข้างเตียงโดยมีหวังหยิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอเผยท่าทีสุดสงสัยและมองตรงไปยังหลินกุ้ยเหริน
“เอ่อ… ต้องขอโทษด้วยนะคะ พวกเราขอคุยกันเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหม?” หลินจื้อซือพลันกลัวว่าคุณพ่อจะเปิดเผยความลับเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวเฉิงออกมา เธอจึงต้องขอให้หวังหยิงออกไปข้างนอกก่อน
หวังหยิงพลันพยักหน้าและลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกจากห้องไป
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” หลินกุ้ยเหรินพลันขมวดคิ้วและถามลูกสาวตรงหน้า
หลินจื้อซือพลันเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ทุกคนฟัง ไม่นานนัก หลินกุ้ยเหรินก็พลันถอนหายใจ “เด็กคนนี้…”
เหนือสิ่งอื่นใด แม่ของหลินจื้อซือเป็นสุภาพสตรีชาวอังกฤษที่ร่ำรวย เธอเป็นหญิงที่ฉลาดและอ่อนโยนมาก ทันทีที่ตระหนักได้ว่าเสี่ยวเฉิงปลอดภัยดีแล้ว เธอก็พลันเหลือบมองไปยังลูกสาวตรงหน้าและถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกสองคนกัน? ลูกแต่งงานมาสามปีแล้วนะ ทำไมแม่ถึงยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องเด็กในท้องเลยล่ะ?”
หลินจื้อซือพลันหน้าแดง “แม่! หนูยังเด็กอยู่เลยนะ!”
“อายุยี่สิบสี่นี่ไม่เด็กแล้วนะลูก!” คุณแม่พลันจ้องมอง
ส่วนหลินเหล่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่มองไปยังเสี่ยวเฉิงที่นอนอยู่บนเตียง ทว่า ไม่นานนัก หลินเหล่ยก็พลันกล่าวคำกระซิบ “พี่หลิน พี่ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ จากประสบการณ์ของผมเอง ผู้หญิงที่เพิ่งจะเดินออกไปเมื่อครู่ต้องเป็นอะไรกับพี่เขยผมแน่เลย…”
หลินจื้อซือพลันจ้องมองไปยังน้องชาย
“อ่า… แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใครกันล่ะ?” คุณแม่พลันถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“เธอเป็นคนจากกองทัพน่ะค่ะ หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอรู้จักเสี่ยวเฉิงได้ยังไง” หลินจื้อซือกล่าว
“สามีของลูกรู้จักกับผู้หญิงคนอื่น แต่ลูกกำลังบอกแม่ว่าลูกไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยนะ?” คุณแม่หลินพลันจ้องมองลูกสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าสุดแปลกใจราวกับเธอกำลังสอบปากคำอาชญากร
หลินจื้อซือพลันรู้สึกอึกอัดเล็กน้อย… แน่นอน เธอไม่รู้อะไรเลย ทั้งสองไม่เคยใช้ชีวิตร่วมกันเลยด้วยซ้ำ เธอจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะมีเพื่อนผู้หญิงคนอื่นด้วย? และแน่นอน หลินจื้อซือเองก็ไม่สามารถตอบคุณแม่กลับไปแบบนั้นได้เช่นกัน
นอกจากนี้ หากทั้งพ่อและแม่รู้ว่าเสี่ยวเฉิงอาศัยอยู่ร่วมกับผู้หญิงอีกสองคนแทนที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเธอ… พวกเขาคงจะต้องโกรธไม่น้อยแน่! ทันทีที่ความคิดเช่นนั้นผุดขึ้นมา หลินจื้อซือก็พลันรู้สึกปวดหัวไม่น้อย เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองจะโกหกพ่อและแม่ได้อีกนานแค่ไหน
ทันทีที่คิดเช่นนั้น เธอก็พลันกระแอมออกมา “เหล่ย… ออกไปคุยกับพี่ข้างนอกหน่อยสิ”