ตอนที่ 76: ถ้าไม่ถอดตอนนี้ แล้วฉันจะได้ถอดอีกทีตอนไหนล่ะ?
หลินซื้อขอพลันตกตะลึงไปชั่วครู่ทันที่ที่ได้ยินเช่นนั้น
หลังจากนั้น เธอก็กัมมองไปยังพื้นตรงหน้าด้วยสิหน้าสุดว่างเปล่า ไม่นานนัก คุณแม่หลินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พลันกล่าวคําพูดออกมา “ถ้าไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดที่แล้ว ลูกก็ไปขอหย่าได้เลยนะเดี๋ยวแม่จะได้พาลูกกลับอังกฤษเลย”
หลินจือชื่อพลันตัวสั่น เธอเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่ของตนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เมื่อครั้นอดีต หลินกู้ยเหรินเองก็เป็นเหมือนเสาหลักในครอบครัวเขา เป็นคนบังคับให้เธอแต่งงานกับเสียวเฉิง ทั้งพ่อและแม่เคยกล่าวเอาไว้ว่าตราบใดที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ หลินจือชื่อจะไม่สามารถหนีจากการแต่งงานครั้งนี้ไปได้ แต่ในตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอกลับ เปลี่ยนใจไปเสียแล้ว
หัวใจของหลินจื้อขอพลันยุ่งเหยิง เธอต้องการเวลาอีกสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์ ไม่ว่าจะได้หย่าหรือไม่ เรื่องนี้ก็สําคัญกับเธอไม่น้อย ถ้าเธอไม่รีบจัดการทุกอย่างในเสร็จไปตั้งแต่ตอนนี้มันก็ อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็ได้ แต่ทว่า เธอเองก็ยังคงรู้สึกดีกับเสียวเฉิงอยู่แต่สําหรับคราวนี้ ทั้งพ่อ และแม่กลับตกลงใจให้ทั้งสองหย่ากันจริง ๆ
ถึงอย่างไร ถ้าเอาเรื่องการหย่าร้างมาพูดเสียตอนนี้ก็คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก เพราะอย่างน้อยเธอก็ควรจะคิดไตร่ตรองอีกครั้งหลังจากที่เสียวเฉิงหายดีแล้ว
และในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงเองก็พลันรู้สึกแย่ไม่น้อย นั่นเป็นเพราะเขาไม่สามารถพาทั้งพ่อและแม่ของหลินจือชื่อไปเที่ยวชมบริเวณรอบเมืองได้อย่างที่เคยวางแผนไว้ ทว่า ทั้งพ่อและแม่ต่างก็ไม่ได้ถือสาอะไรในเรื่องนั้น นอกจากนี้ คุณแม่หลินยังได้เดินทางไปยังร้านอาหารและซื้อกับข้าวกับปลากลับมาให้เสียวเฉิงกินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองอีกด้วย
ระหว่างที่ทั้งครอบครัวหลินกําลังเฝ้าเสี่ยวเฉิงอยู่ตลอดทั้งคืน หรานจิงและเป็นเหยาก็พลัน เดินทางมาเยี่ยม
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในห้องและเห็นว่าหลินจื่อซื้อกําลังดูแลเสี่ยวเฉิงอยู่ เป็นเหยาก็ค่อนข้างรู้สึกสับสน
ส่วนหลินจื่อซื้อเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกไปยังไง
“พวกหนูทั้งสองคนเป็นเพื่อนของเสี่ยวเฉิงใช่ไหม?” คุณแม่หลินพลันกล่าวทักทาย
Intl
เป็นเหยาพยักหน้า หลังจากนั้น เธอก็พลันถามขึ้น “ส่วนพวกคุณคือ…”
“พวกเราเป็นป้าแล้วก็ลุงของเสี่ยวเฉิงนะ แล้วก็เป็นพ่อกับแม่ของหลินจื่อซื้อด้วย พอดีพ่อของเสียวเฉิงเป็นเพื่อนรักของพวกเรานะ เสียวเฉิงเลยไม่ต่างอะไรกับลูกอีกคนของเรา”
เป็นเหยาพลันเบิกตากว้างและเผยยิ้ม ความประหลาดใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ “คุณป้ากับคุณลุงของเสี่ยวเฉิงเหรอคะ? หนูไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพวกคุณทั้งสองคนที่นี่! อีกอย่าง หนูเองก็เป็นเพื่อนสนิทของหลินจื้อชื่อด้วย เธอไม่ค่อยเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังเท่าไหร่เลยนะคะ ยังไงเสีย ยินดีที่ได้พบกันนะคะ!”
“ฮ่าฮ่า ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักเสียจริง!” คุณแม่หลินพลันเผยเสียงหัวเราะออกมาทันที่ที่ได้ยืนเช่นนั้น
“สรุปก็คือ เธอกับเสี่ยวเฉิงรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วเหรอ? โลกช่างกลมอะไรขนาดนี้เนี่ย!” เป็นเหยาพสันมองไปยังหลิ่นอชื่อและเผยเสียงหัวเราะออกมา “แล้วทําไมตอนแรกเธอถึงบอกฉัน ว่าไม่รู้จักเขาสะ?”
หลินจือชื่อพลันเผยยิ้มอย่างขมขึ้น เธอในตอนนี้ทําได้แต่เพียงตําหนิทางบริษัท “ ก็ฉันไม่มีทาง เลือกนี้ทางบริษัทต้องการให้ฉันอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะแบบนั้นแหละ มันเลยมีหลาย เรื่องที่ฉันไม่ควรจะเปิดเผยออกมาให้ใครรู้”
ทว่า หวานจึงกลับรู้เรื่องก่อนแล้วว่าหลินจือชื่อและเสียวเฉิงรู้จักกัน เพราะเมื่อช่วงเช้า หลินจือชื่อเป็นคนสารภาพกับเธอเอง เธอบอกความจริงบางส่วนไปก็เพราะต้องการให้หวานจึงลากเป็นเหยาออกไปจากโรงพยาบาลก่อน แต่ถึงกระนั้น หลินจือชื่อเองก็ยังไม่ได้บอกเรื่องการแต่งงานกับใคร
” พวกเธอสองคนมาที่นี้ทําไมกัน?” เสี่ยวเฉิงพสันถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
2014
หรานจงพลันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและหยิบตราตํารวจออกมา เธอพลันเผยยิ้มและกล่าวคําพูด “นี่ไง! ฉันมาที่นี้ก็เพราะได้เป็นตัวแทนของกรมตํารวจที่จะต้องเอาตราเกียรติยศมาให้นาย!”
หลินกู้ยเหรินพลันเผยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับเดินไปหยิบตราเกียรติยศมาแขวนไว้บนผนัง
” พวกเขาให้ฉันทําไมกัน?” เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้น “ฉันไม่ได้ช่วยชีวิตใครสักคน ทําไมพวกเขาต้องให้ควาเกียรติยศกับฉันด้วยล่ะ?”
“ตอนนี้ปรมาจารย์หยานเสียชีวิตไปแล้วนะ! และตามเงื่อนไขของศึกแลกชีวิตที่ถูกลงนามโดยตัวของปรมาจารย์หยานเองกองกําลังตํารวจก็สามารถยึดทรัพย์สินและนําหลักฐานการก่ออาช
ญากรรมของพวกแก๊งเต่าดํามาไว้ในครอบครองได้ อีกอย่าง กองบัญชาการเองก็ได้สังจับกุมคน เลวพวกนั้นไปแล้วด้วยนายล้มปรมาจารย์หยานแห่งแก๊งเต่าดําได้เชียวนะ! นี้แหละที่เรียกว่าเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ผู้บัญชาการฝากฉันมาบอกด้วยว่าหลังจากจัดการกับพวกแก๊งเต่าดําเสร็จแล้ว เขาจะเดินทางมาเยี่ยมนายที่นี้ จะว่าไปแล้ว ตอนนี้นายเองก็ไม่ต่างอะไรกับซุปเปอร์สตาร์ของกองกําลังตํารวจแห่งเมืองช่างเฉิงเลยล่ะ!” หรานจึงพลันเผยยิ้มและพูดต่อ “ส่วนคืนนี้ ฉันจะเป็นคนคอยคุ้มกันและดูแลความปลอดภัยของนายเอง”