ตอนที่ 83: การถูกกลั่นแกล้ง 2
ทว่า ชายหน้าบากมองเห็นไม่ชัดว่ารถตู้ออกมาแล้วจริงหรือไม่ เขาจึงวิทยุไปถามชายที่คอยอยู่ในโรงแรมฝั่งตรงข้าม “รถตู้ออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยัง?”
” ออกแล้วครับ”
“โอเค งั้นฉันจะขับตามไป ยังไงช่วยระวังหลังให้ฉันด้วย แล้วก็ช่วยดูทีว่ามีตํารวจตามมาไหม…”
“ได้เลย”
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงได้ยินทุกอย่าง เขาก็พลันออกคําสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อม “จัดการคนร้ายที่โรงแรมได้เลย”
“ตอนนี้พวกเราอยู่ในโรงแรมแล้วครับ เราขอยืมตัวพนักงานรูมเซอร์วิสมาด้วย ขอเวลาไม่เกินหนึ่งนาทีครับ” เจ้าหน้าที่ตํารวจคนหนึ่งกล่าว พนักงานรูมเซอร์วิสพลันลากรถเข็นตรงไปเคาะประตูห้องคนร้าย ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสามก็กําลังแอบอยู่ข้างประตูทั้งสองฝั่งซ้ายขวา
ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู นักฆ่าที่อยู่ข้างในก็มองผ่านตาแมวออกมา เขาพลันตะโกนถามขึ้นมาทันทีที่เห็นว่ามีเพียงพนักงานโรงแรมยืนอยู่ “มีอะไรเหรอครับ?”
“คุณลูกค้าครับ วันนี้ผมยังไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวที่ห้องนี้เลย ขอโทษที่ช้านะครับ”
ทว่า นักฆ่าเองก็เป็นคนที่รอบคอบ ยังไงเขาก็จะไม่ค้างคืนที่นี่อยู่แล้ว เพราะเหตุนั้น เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จําเป็น เขาก็พลันตะโกนขึ้นมา “ไม่เป็นไรครับ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งสามก็พลันรู้ได้ทันทีว่าชายในห้องต้องเป็นคนขี้ระแวงแน่ ทันใดนั้น ตํารวจจึงให้พนักงานโรงแรมไขประตูเข้าไป แต่ทว่า ประตูห้องกลับถูกล็อคจากด้านใน ด้วยเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตํารวจทั้งสามจึงถีบประตูเข้าไปทันที ประตูบานใหญ่พลันกระแทกเข้ากับคนร้ายจนล้มลงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่แล้ว ทันทีที่นักฆ่ารู้สึกตัว เจ้าหน้าที่ตํารวจก็เล็งปืนมาที่เขาแล้ว “อย่าขยับ!”
“รายงานครับ! ชายที่โรงแรมถูกคุมตัวแล้ว!”
“ดีมาก” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม หลังจากนั้น เขาก็หันไปยังดอลฟินที่กําลังเผยหน้าซีด “เวลาแค่สิบนาที เราก็ไล่จับพรรคพวกของเธอได้เกือบหมดแล้วนะ”
ร่างกายของดอลฟินพลันสั่นสะท้าน เธอมองไปยังเสี่ยวเฉิงด้วยท่าทางหวาดกลัวพร้อมกับถามตามสัญชาตญาณ “นายรู้ได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม “ยังมีผู้คนอีกมากที่เชื่อใจได้ แต่พวกเธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อในตัวอาชญากรคนอื่นเนี่ยนะ? ไม่รู้หรือยังไงว่าอาชญากรพวกนั้นต่างก็ทําได้ทุกอย่างเพื่อเงิน? อันที่จริง มีคนวงในเปิดเผยเรื่องภารกิจลอบสังหารให้พวกเรารู้เองแหละ”
“เป็นไปไม่ได้! ถึงนายจะรู้ว่าทีมของเราได้รับภารกิจนี้มา แต่นายจะไปรู้รายละเอียดของภารกิจได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวเฉิงพลันชี้นิ้วไปที่หัวของตัวเอง “ฉันเคยดูยอดนักสืบจิ๋วโคนันมามากกว่าเจ็ดร้อยตอนอีกนะ ทั้งหมดก็แค่การคาดเดาสถานการณ์ แค่นี้สบายอยู่แล้ว”
ยังไงเสีย เสี่ยวเฉิงเองก็ตัดสินใจที่จะพูดทุกอย่างที่คิดได้ออกมาเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปก่อน
เขาไม่มีทางบอกกับหรานจิงและเซินเหยาแนว่าตัวเองมีสายตาเอ็กซ์เรย์ที่สามารถมองทะลุทุกอย่างได้ นั่นคงจะเป็นเรื่องตลกเกินไป เพราะแบบนั้น เสี่ยวเฉิงจึงคิดว่าควรใช้คําพูดที่ฟังดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปก่อน
“พวกเราแพ้แล้ว…” ดอลฟินพลันถอนหายใจและก้มศีรษะลง
“ยังไม่จบแค่นี้หรอก ยังเหลือตัวหัวโจกอยู่อีกคนหนึ่ง…”
ดอลฟินพลันเงยหน้าขึ้นทันทีพร้อมกับขอร้องเสี่ยวเฉิง “ไม่นะ อย่านะ ปล่อยเขาไปเถอะ!”
“ให้ปล่อยฆาตกรเนี่ยนะ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า?”
“เขาเป็นแค่หัวหน้าดูแลภารกิจ ก็แค่นั้นเอง”
“หัวหน้านี้แหละสมควรตายก่อนใครเพื่อนเลย!” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุดลึกล้ำ “ลองเทียบกันดูนะ มันก็ไม่ต่างอะไรกับคนขายยานักหรอก คนที่เลวที่สุดก็คือคนขาย เลวกว่าคนซื้อไปเสียอีก เพราะหัวโจกอย่างหมอนั่นสามารถสั่งการลูกน้องได้อย่างไม่ยั้งคิด! ต้องมีผู้คนล้มตายอีกมากเพราะคนแบบนี้ ทั้งตํารวจแล้วก็ผู้พิพากษาจะไม่ยอมปล่อยคนประเภทนี้ออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอกแน่”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคําพูดใส่วิทยุอีกครั้ง “ทั้งสามคนที่อยู่ในรถตู้ ระวังตัวด้วย มีรถเบนซ์สีขาวกําลังขับตามพวกนายอยู่ อันที่จริง พวกนายแค่ขับรถตรงไปที่กองบัญชาการตํารวจและแจ้งหน่วยสนับสนุนให้ออกมาเตรียมจับกุมคนร้ายก็พอ”
“รับทราบครับ”
เสี่ยวเฉิงพลันหยุดพูดและยื่นวิทยุคืนหรานจิง ”ยังไงก็เถอะ ฉันจะให้เครดิตเธอในเรื่องนี้นะ ตอนนี้ฉันเริ่มง่วงแล้วด้วย ขอบก่อนก็แล้วกัน…”
จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็อ้าปากหาวพร้อมกับยืดเส้นยืดสายและล้มตัวนอน ไม่นานนัก เซินเหยาก็ลุกขึ้นและดึงผ้าห่มให้เขา
ในอีกด้านหนึ่ง ดวงตาของหรานจิงก็พลันเบิกกว้าง เธอยังคงอ้าปากค้างอยู่ท่าเดิม