ตอนที่ 86: ชายผู้แอบชอบหลินจื้อซื้อ
สองวันต่อมา เสี่ยวเฉิงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ครอบครัวหลินทุกคนต่างก็มาเยี่ยมและวางแผนที่จะไปดูห้องพักของเสี่ยวเฉิง แต่ทว่า หลินจื้อซื้อก็พลันตระหนักได้ว่าจริง ๆ แล้วเสี่ยวเฉิง อาศัยอยู่ร่วมกับผู้หญิงอีกสองคน เพราะเหตุนั้น เธอจึงรีบขัดจังหวะทันที “ห้องของเสี่ยวเฉิงค่อน ข้างสูงนะค่ะ แถมตอนนี้ลิฟต์ก็ใช้การไม่ได้ด้วย หนูว่าเรากลับไปที่โรงแรมก่อนดีกว่านะ อีกอย่าง พ่อกับแม่ไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยด้วย เดี๋ยวหนูจะพาเที่ยวเอง”
ทันใดนั้น คุณแม่หลินก็พลันกลอกตาใส่หลินจื้อซื้อและกล่าวคําพูดขึ้น “พวกเราก็ไม่ใช่คนนอกนะลูก ไม่เป็นไรหรอกน่า ดูเหมือนว่าหลังจากที่ลูกสาวของแม่แต่งงานไป ลูกดูจะไม่อยากให้พอกับแม่เข้าไปลุ้นจ้านกับห้องของเสี่ยวเฉิงเท่าไหร่เลยนะ”
หลินจื้อซือพลันหน้าแดงและกล่าวคําพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ”แม่…”
เนื่องจากหลินจื้อซือจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว สิ่งเดียวที่เสี่ยวเฉิงต้องทําก็คือหาวันว่างให้กับตัวเองเพื่อมาพบกับพ่อและแม่ของเธอ
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงกลับไปถึงสถานี เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างก็มองมายังเขาด้วยความเคารพพร้อมกับก้มหัว ในเมืองซ่างเฉิง ผู้ที่กล้าต่อต้านแก้งสี่จตุรเทพตัวต่อตัวนั้นมีน้อยมาก และใครก็ตามที่กล้าต่อสู้กับปรมาจารย์หยานและสามารถปลิดชีพเขาได้ จนนําพาไปสู่การล่มสลายของแก๊งเต่าดํา บุคคลนั้นก็จะถูกจดจําในฐานะของตํานาน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชื่อเสียงของเสี่ยวเฉิงก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วเมืองซ่างเฉิง และแน่นอน เพื่อนร่วมงานจากกรมตํารวจลาดตระเวนเองก็รับรู้ข่าวเช่นกัน แต่ละคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นและชื่นชมเสี่ยวเฉิง และบางคนที่เคยไม่ชอบหน้าเสี่ยวเฉิงก็พลันเปลี่ยนนิสัยไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ บางคนก็พลันตะโกนขึ้น ” พี่เฉิง! เราขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม?”
เสี่ยวเฉิงพลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ว่าเขาควรจะทํายังไง แต่ทว่า เพื่อนร่วมงานทุกคนในสถานีต่างก็วิ่งเข้ามาล้อมเสี่ยวเฉิงเอาไว้พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเซลฟี่ นอกจากนี้ พวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเสี่ยวเฉิงจะได้รับการเลื่อนตําแหน่งอย่างแน่นอน และในอนาคต เสี่ยวเฉิงก็อาจจะไม่ได้ทํางานร่วมกับพวกเขาอีกแล้ว ด้วยเหตุนั้น มันก็คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่จะถ่ายรูปคู่กับเสี่ยวเฉิง เก็บเอาไว้สักสองสามภาพเพื่อเป็นความทรงจํา ในอนาคต ถ้าเสียวเฉิงได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจริง ๆ รูปภาพเหล่านี้ก็จะมีความหมายและน่าจดจําไม่น้อย
หลังจากนั้น ผู้บังคับบัญชาก็พลันเดินออกมาจากห้องทํางานพร้อมกับตะโกนเรียกเสี่ยวเฉิง “เข้ามาข้างในหน่อยสิ”
“พี่เฉิง! ผมขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม?”
“เอ่อ…. เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนนะ” เสี่ยวเฉิงพลันปฏิเสธอย่างสุภาพและตามผู้อํานวยการเข้าไป
“เป็นยังไงบ้างล่ะ? รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” ผู้บังคับบัญชาพลันจิบชาหนึ่งถ้วยและเผยยิ้มให้เสี่ยวเฉิง
“ก็ดีขึ้นแล้วแหละครับ แต่ผมเองก็เสียเลือดไปเยอะเหมือนกัน หมอบอกให้พักผ่อนเยอะ ๆ น่ะครับ” เสี่ยวเฉิงกล่าว “เอ่อ… หัวหน้าครับ พอดีผมมีญาติชาวต่างชาติสองสามคนมาเยี่ยมที่นี่ ผมจะขอลาหยุดสักสองสามวันได้ไหมครับ?” ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็พลันยื่นแบบฟอร์มขอลาหยุดพักร้อนให้กับผู้บังคับบัญชา
ผู้บังคับบัญชารับไปโดยไม่ได้มองดูเลยด้วยซ้ํา เขาพลันหัวเราะพร้อมตอบกลับ “ไม่ต้องคิดมาก นายไม่จําเป็นต้องมารายงานเรื่องนี้ให้ฉันรู้แล้วล่ะ ผู้บริหารระดับสูงต่างก็ตัดสินใจย้ายนายไป ประจําอยู่ที่แผนกสืบสวนคดีอาญาของกองบัญชาการแล้ว สําหรับตอนนี้ นายได้เป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจอาชญากรแล้วนะ ยินดีด้วย! ดูเหมือนว่าพวกแก๊งสี่จตุรเทพคงจะต้องวางแผนให้รอบคอบกว่าเดิมก่อนที่จะบุกเข้ามาจัดการกับนายในอนาคตแล้วแหละ ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ อะไรต่อมิอะไรคงจะดีขึ้นกว่าเดิมนะ เพราะฉะนั้น ตั้งใจทําหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ล่ะ! อย่าลืมทําให้สถานีตํารวจของเราภาคภูมิใจด้วยนะ! อีกหนึ่งสัปดาห์ นายก็ไปรายงานตัวกับแผนกสืบสวนคดีอาญาที่สํา นักงานใหญ่ได้เลย”
พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกับหรานจิง เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกว่าหลายสิ่งหลายอย่างเริ่มน่าสนใจขึ้นมาหน่อยแล้ว อย่างน้อยชีวิตในอนาคตของเสี่ยวเฉิงก็จะไม่น่าเบื่อเหมือนการลาดตระเวนตามท้องถนน นอกจากนี้ เสี่ยวเฉิงยังได้ยินมาอีกว่าหรานจิงกําลังสอดแนม พวกแก๊งสี่จตุรเทพที่เหลืออยู่ด้วย อีกทั้งเสี่ยวเฉิงเองก็อยากจะจัดการกับพวกสารเลวนั่นให้หมดทุกคนด้วย และแน่นอน เสี่ยวเฉิงไม่มีวันลืมเรื่องภารกิจลอบสังหารของอีกฝ่ายแน่ ถึงแม้ว่าครั้งนี้พวกมันจะล้มเหลว แต่มันจะต้องมีครั้งต่อไปแน่นอน! หากอีกสามแก๊งต้องการที่จะรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงของตนให้คงอยู่แบบเดิม พวกเขาก็จะต้องทําทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาให้ถึงตัวเสี่ยวเฉิงแน่!