ตอนที่ 88: การพนันก็เหมือนกับศิลปะ
ทันทีที่มาถึงคาสิโนที่เตเบซเป็นผู้ถือหุ้น เสี่ยวเฉิงและคนอื่นก็พลันลงจากรถ
หลินจื้อซือก็รีบสวมหมวกและแว่นกันแดดเพื่อไม่ให้ผู้คนในคาสิโนจําเธอได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ดวงตาซึ่งเป็นส่วนที่สวยงามที่สุดของเธอก็จะได้ถูกปกปิดไว้ นอกจากนี้ ปาปารัสซี่ที่สังเกตเห็นเธอก็คงไม่กล้าพุ่งเข้ามาขอให้เธอถอดแว่นแน่ มิฉะนั้น พวกเขาเองก็จะโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคาสิโนรวบตัวและไล่ออกไป
ดูเหมือนว่ามันจะปลอดภัยกว่าหากพวกเขาเข้าไปข้างในคาสิโนแทนที่จะยืนอยู่ข้างนอก ทันใดนั้น หลินจื้อซือก็พลันโอบแขนและเดินเข้าไปพร้อมกับเสี่ยวเฉิง
เมื่อเปรียบเทียบกับคาสิโนของแก๊งเสือขาวแล้ว คาสิโนแห่งนี้ดูหรูหราและมีระดับกว่ามาก ทั่วทั้งคาสิโนถูกประดับและตกแต่งอย่างสวยงาม รอบ ๆ คาสิโนถูกล้อมไปด้วยโรงแรมและรีสอร์ทหรูหลายสิบแห่ง เรียกได้ว่าที่นี่คือหนึ่งในสถานที่เที่ยวของเมืองช่างเฉิงที่ทุกคนต้องแวะมาเยี่ยมชมสักครั้งเลยทีเดียว
เตเบซพลันภูมิใจนําเสนอ “คาสิโนแห่งนี้ใช้เงินทุนในการสร้างมากกว่าห้าร้อยล้านดอลลาร์ มันไม่เพียงแค่โด่งดังเฉพาะในเมืองซางเฉิงเท่านั้นนะครับ คาสิโนแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในระดับโลกด้วย!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินเหล่ยก็พลันถามขึ้น ”แล้วคุณเป็นหุ้นส่วนของคาสิโนอยู่เท่าไหร่ล่ะ?”
“ก็ไม่มากหรอก แค่ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็น” เตเบซพยายามถ่อมตัว แต่ทว่า ยี่สิบเปอร์ เซ็นนั่นก็หมายถึงการลงทุนไปด้วยเงินต้นไปกว่าหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์แล้ว มันเป็นเงินที่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว การเป็นผู้ถือหุ้นและผู้ช่วยในการบริหารคาสิโนแห่งนี้ทําให้เขามีสิทธิที่จะคุยโม้โอ้อวดได้ตลอดเวลา ท้ายที่สุดแล้ว หลายคนต่อหลายคนก็คงต้องการที่จะเป็นหุ้นส่วนของคาสิโนแห่งนี้เช่นกัน เพราะเหตุนั้น เขาจึงเอาแต่พูดโชว์ภูมิว่าตัวเองนั้นมีอํานาจและอิทธิพลรวมถึงมีพรรคพวกมากมายแค่ไหน
“คุณลุง คุณป้าครับ ถ้าอยากลองเล่นอะไร ก็เต็มที่เลยนะครับ! ถ้าเสียก็ไม่ต้องคิดมากเลยครับ เดี๋ยวให้พวกพนักงานมาเก็บเงินที่ผมแทน ตามสบายเลยครับ”
ในตอนนี้ เตเบซรู้สึกราวกับตัวเองได้รับคะแนนความประทับใจไปอย่างมากมาย เตเบซพลันมองไปยังเสียวเฉิงที่แต่งตัวสุดธรรมดา แล้วมองย้อนกลับมาดูตัวเองที่แต่งตัวภูมิฐาน และสง่าผ่าเผย จากนั้นเขาจึงเผยยิ้มที่แฝงไปด้วยชัยชนะออกมา และแม้ว่าตระกูลหลินจะร่ํารวย แต่พวกเขาก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นักหากมีลูกเขยจน ๆ อีกทั้ง หากการกระทําของเตเบซในวันนี้ทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจกับเสี่ยวเฉิง และทําให้พ่อและแม่ของหลินจื้อซือหันกลับมามองและพิจารณาที่ตนเองอีกครั้ง เป้าหมายของเตเบซก็จะสําเร็จ
ทันทีที่พูดจบ เตเบซก็พลันเดินเข้ามาตบไหล่ของหลินเหล่ย เตเบซในตอนนี้กําลังรู้สึกว่าถ้าตน สามารถแย่งหลินจื้อซือมาจากเสี่ยวเฉิงได้ หลินเหล่ยก็คงจะไม่ว่าอะไร เพราะเหตุนั้น เตเบซจึงพลันพูดขึ้น ”วิลเลียม (ชื่อภาษาอังกฤษของหลินเหล่ย) ช่วงนี้ถ้าจะไปลาสเวกัส ก็คงยากหน่อยนะ แต่ยังไงก็เถอะ ตอนนี้นายมาถึงคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแล้วทั้งที ลองเล่นสักเกมดูหน่อยสิ! เดี๋ยวฉันสอนนายเล่นเอง แล้วถ้านายชนะ ก็โกยเงินกลับบ้านไปได้เลย แต่ถ้าแพ้ก็ไม่ต้องคิดมาก บอกพนักงานให้มาเก็บเงินที่ฉันแทน”
ทว่า หลินเหล่ยก็ปัดมือของเตเบซออกจากไหล่และพูดขึ้น “เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” จากนั้น เขาก็เดินไปยืนข้างเสี่ยวเฉิง
ทว่า เตเบซเองก็ยังคงเผยยิ้มอยู่ เขาพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงและพูดขึ้น ” นายอยากจะลองเล่นดูหน่อยไหมล่ะ?”
“ฉันเป็นตํารวจ ฉันไม่ควรยุ่งกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว” เสี่ยวเฉิงตอบ
ไม่ควรยุ่ง? หรือไม่มีเงินมากพอที่จะเล่นกันแน่? คําพูดสุดดูถูกและเหยียดหยามแวบผ่านดวงตาของเตเบซออกมา
แต่แล้ว เขาก็พลันเผยยิ้มและพูดต่อ “ไม่ลองแล้วจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ? อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วนะ ไม่เอาน่า ลองเล่นดูสักสองสามรอบก็ได้ ถือว่าเล่นขํา ๆ กันไป”
หลังจากนั้น หลินจื้อซือก็พลันกระซิบกับเสี่ยวเฉิง “ถ้าอยากเล่น นายใช้บัตรเครดิตของฉันก็ได้นะ”
ทว่า เตเบซก็พลันพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “โอ้! ขอโทษที ฉันลืมไปว่านายดูจะเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีมากเกินไปที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ฉันได้ยินมาว่านายเป็นตํารวจลาดตระเวนใช่ไหม? ก็คงจะมีเงินเดือนกินสินะ แต่ยังไงก็เถอะ ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ เลยว่านายจะเอาชีวิตรอดในมหานครแห่งเม็ดเงินอย่างเมืองซ่างเฉิงได้ยังไง?”
“พอดีฉันเพิ่งจะลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ด้วยเงินที่พ่อทิ้งไว้ให้ไปนะ เพราะแบบนั้นแหละ ฉันก็เลยเลี้ยงตัวเองได้สบายอยู่แล้ว” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ
“งั้นเหรอ? แต่ฉันได้ยินมาว่าการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์มีกําไรสูงมากเลยน จนถึงตอนนี้นายมีรายได้เท่าไหร่แล้วล่ะ?” เตเบซถามต่อ
“ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมายหรอก เมื่อสิบปีที่แล้วตอนที่ฉันยังอยู่ที่อังกฤษ ฉันใช้เงินก้อนหนึ่งซื้อที่ดินในเมืองซางเฉิงไป ย้อนกลับไปอีก พ่อก็ทิ้งเงินเอาไว้ให้ฉันล้านหนึ่ง แล้วตอนนี้ ทั้งที่ดิน แล้วสิ่งปลูกสร้างที่เคยซื้อเอาไว้ก็น่าจะมีมูลค่าราวหนึ่งพันล้านแล้วแหละมั้ง แต่ไม่ใช่หน่วยดอลลาร์ แค่เงินหยวนน่ะ” เสี่ยวเฉิงพลันเลียนแบบการพูดของเตเบซ เขาพลันกล่าวคําพูดออกมาอย่างเฉยเมยราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร