ตอนที่ 88: การพนันก็เหมือนกับศิลปะ 2
ทันใดนั้น หลินเหล่ยก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะเสียงดังออกมา เขาพลันสังเกตเห็นใบหน้าของเตเบซที่เปลี่ยนไประหว่างที่ได้ยินคําว่าหนึ่งพันล้าน ถึงแม้ว่าหนึ่งพันล้านหยวนจะเท่ากับแค่หนึ่งจุดหกล้านเหรียญสหรัฐ แต่มันก็ยังดีกว่าการที่เสี่ยวเฉิงจะออกมาพูดจาโอ้อวดเรื่องธุรกิจของตัวเองแบบเตเบซ ซึ่งเงินทั้งหมดที่ใช้ลงทุนกับคาสิโนก็คือเงินที่มาจากพ่อแม่ของเตเบซเอง
“ให้ตายเถอะ! ทําไมไม่เคยบอกพวกเราเรื่องนี้เลยล่ะ?” แม้แต่หลินกุ้ยเหรินเองก็ยังรู้สึกถึงกับคําพูดของเสียวเฉิง
เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกเขินและกล่าวคําพูดออกมา “เมื่อก่อน ตอนที่เพื่อนของพ่อผมโอนเงินล้านหนึ่งมาให้ ผมเองก็กลัวว่าค่าเงินมันจะลดลงถ้าทิ้งไว้แบบนั้น ผมก็เลยเอาเงินก้อนนั้นมาลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ดูนะครับ แล้วพอเศรษฐกิจเฟื่องฟูขึ้น ค่าเงินก็มากขึ้น อันที่จริงผมว่าผมก็เป็น แค่ชายคนหนึ่งที่โชคดีแหละครับ แค่นั้นเอง”
คุณแม่หลินพลันหัวเราะและกล่าวคําพูดออกมา “เก่งมาก! การลงทุนที่ดีขึ้นอยู่กับโชคแล้วก็วิสัยทัศน์ของนักลงทุน แถมลูกยังสามารถเปลี่ยนเงินหนึ่งล้านเป็นเงินพันล้านได้จากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียวด้วย! อีกอย่าง ถ้ามองดูคนที่อายุเทียบเท่าลูก แม่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมากมายที่จะได้รับผลตอบแทนเท่าที่ลูกทําได้หรอกใช่ไหม?”
เตเบซพลันทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขาพลันกระแอมและพูดขึ้น “ในเมื่อนายมีเงินมากขนาดนั้น แล้วทําไมไม่ลองเล่นดูสักสองสามรอบล่ะ? เล่นแค่ขํา ๆ น่า นายน่าจะชอบนะ”
“พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่คงไม่ได้พกเงินติดตัวมาที่นี่เยอะใช่ไหม? ยังไงผมก็ยังมีเงินเก็บอยู่ติดตัวอยู่บ้าง พ่อกับแม่ใช้เงินผมก่อนก็ได้นะครับ” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวกับพ่อและแม่ของหลินจื้อซือ
ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพ่อและแม่ของหลินจือซือไม่ต้องการใช้เงินของเตเบซ มันเป็นเงินของคนนอก อีกอย่าง ทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว และพวกเขาไม่อยากเป็นหนี้ใคร
แต่สําหรับเสี่ยว โดยพื้นฐานแล้ว เขาเป็นเหมือนลูกชายแท้ ๆ เพราะเหตุนั้น ทั้งสองจึงไม่คิดมากและสามารถตอบรับข้อเสนอของเสี่ยวเฉิงได้อย่างสบายใจ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับลูกชายคนหนึ่งกําลังทําดีเพื่อพ่อแม่เลย นอกจากนี้ การแปลงสกุลเงินค่อนข้างเป็นเรื่องที่ลําบากไม่น้อยเลยด้วย
“ก็ได้ งั้นพวกเรามาเล่นกันสักรอบดีกว่า” อันที่จริง ถ้าหากมีเวลา หลินกุ้ยเหรินเองก็ชอบไปลาสเวกัสเช่นกัน เนื่องจากการเล่นพนันก็มักจะเป็นสิ่งที่พวกคนรวยโปรดปราน เช่นเดียวกับการเล่นกอล์ฟ
เตเบซพลันรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เยี่ยมมาก! คอยดูเถอะเสี่ยวเฉิง! ฉันจะทําให้นายหมดตูดเลย! แล้วถ้านายไม่มีเงินพอที่จะเล่นต่อแล้ว ฉันก็จะบอกคุณลุงกับคุณป้าว่าจะจ่ายหนี้ที่ค้างคาให้เอง! และหลังจากนั้น สถานการณ์ก็จะพลิกทันที!
อันที่จริง ถ้าจะให้เตเบซพาทัวร์ทั้งคาสิโน มันก็คงจะกว้างและน่าเบื่อไปหน่อย อีกทั้ง ทุกคนก็ดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้วด้วย เพราะเดิมที่มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของพวกเขาที่จะมาที่นี่อยู่แล้ว ทําไมพวกเขาจะต้องสนใจด้วยล่ะ? สิ่งนี้ทําให้เตเบซรู้สึกแย่เล็กน้อย
ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน เตเบซก็พาทุกคนไปที่โซนวีไอพีเพื่อเล่นเกมไพ่
ในบัตรเครดิตของเสี่ยวเฉิงตอนนี้มีเงินอยู่ประมาณยี่สิบล้านหยวน อีกทั้ง พ่อกับแม่ของหลินจื้อซือเองก็ไม่ต้องการเล่นหนักมากด้วย ดังนั้น เสี่ยวเฉิงจึงเอื้อมมือไปหยิบชิปมูลค่าประมาณห้าล้านหยวนมา…
ส่วนหลินเหล่ย เขาพลันเอาเงินไปแลกมาแค่หนึ่งแสน และเดินไปเล่นเกมอื่น ทันทีที่พวกเขามาถึงโต๊ะพนั้น เตเบซก็นั่งลง และแน่นนอนว่าเขาจะเล่นเป็นเพื่อนหลินกุ้ยเหรินด้วย และสําหรับหลินจื้อซือ เธอก็พลันนั่งลงข้างพ่อและแม่ของตัวเอง
ทันใดนั้น เตเบซก็พลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงและถามขึ้น ”นายไม่คิดจะเล่นหน่อยเหรอ?”
ทว่า บริเวณที่พวกเขานั่งต่างก็มีแต่คนต่างชาติมารุมล้อม ก่อนที่เสี่ยวเฉิงจะพูดขึ้น หลินกุ้ยเหรินก็พลันหัวเราะออกมา ”เขาเล่นเกมไพ่แบบนี้ไม่เป็นหรอก แต่ยังไงก็เถอะ นายเองก็น่าจะมีทักษะเกือบทุกเกมแล้วใช่ไหม? อย่าลากลูกเขยฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย ฮ่าฮ่า”
“ผมก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นสักหน่อยครับ ถึงจะใช้เวลาเรียนรู้อยู่นานก็เถอะ” เตเบซพลันหัวเราะและพูดขึ้น
หลินจื้อซือพลันโอบแขนเสี่ยวเฉิงและถามขึ้น “นายไม่อยากเล่นจริง ๆ เหรอ?”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ฉันว่ามันน่าเบื่อนะ”
อันที่จริง เนื่องจากเสี่ยวเฉิงสามารถมองทะลุผ่านไฟทุกใบได้ เกมนี้จึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อไม่น้อย
“เป็นเรื่องปกติแหละครับที่คนนอกจะคิดแบบนี้ แต่ยังไงเสีย ผมว่าการพนันก็เหมือนกับศิลปะนั้นแหละ คนที่ไม่รู้วิธีเล่นก็มักจะคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ เพราะพวกเขามักจะแพ้อยู่เสมอ พูดตามตรง เกมไพ่พวกนี้ไม่ได้เล่นง่าย ๆ เลยนะครับ มันไม่ได้มีแค่แพ้หรือชนะเท่านั้น แต่วิธีการเล่นต่างก็ต้องอาศัยความสามารถในการอ่านไพ่แล้วก็การทําสงครามจิตวิทยาด้วย” เตเบซพลันกล่าวคําพูดเยาะเย้ยพร้อมกับมองไปยังเสี่ยวเฉิง
ปล. เสี่ยวเฉิงต้องเอาคืนมันหน่อยแล้วแหละ ปากดีเหลือเกิน!