เซินเหยาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา “หลังจากที่ฟังเธอเล่ามาทั้งหมดแล้ว… ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นเป็นเกย์”
หรานจิงเงียบไปชั่วครู่และพยักหน้า “ฉันเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน”
เซินเหยาเริ่มกล่าวคำพูดออกมาอย่างมั่นใจ “มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ เพราะฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่เมินเฉยต่อผู้หญิงเลยสักคนเดียว เว้นแต่ชายคนนั้นจะชอบผู้ชายด้วยกันเอง”
“เอาแบบนี้ไหม… ทำไมเธอไม่ลองไปทดสอบเขาดูล่ะ? ลองถอดเสื้อผ้าแล้วก็เดินไปนั่งตักหมอนั่นดีไหม?” หรานจิงพูดขึ้น
เซินเหยาพลันศอกไปที่หรานจิงพร้อมตะคอก “เธอก็ไปเองสิ! สวมชุดคอสเพลย์แล้วก็ถือกระบองไปหาหมอนั่นเลย”
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเดินออกมาอีกครั้ง เขาก็เหงื่อท่วมตัว เขาดื่มน้ำจนหมอขวดและเดินมาที่ตู้เย็นอีกรอบ ในฐานะทหารที่มีไหวพริบ เสี่ยวเฉิงก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีดวงตาสองคู่กำลังจับจ้องมา
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงพลันยกน้ำขึ้นดื่มพร้อมหันกลับมามองผู้หญิงสองคนตรงหน้า หลังจากนั้นไม่นาน พวกเธอทั้งสองก็เคลื่อนสายตาลงไปยังส่วนล่างของเขาพร้อมกันราวกับกำลังสงสัยว่าเสี่ยวเฉิงเป็นรุกหรือรับ
ทว่า เซินเหยาที่อยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวเองก็อยากรู้ว่าเสี่ยวเฉิงนั้นเป็นเกย์หรือไม่ หรือเขามีภูมิคุ้มกันต่อผู้หญิงอะไรหรือเปล่า
ทันใดนั้น เซินเหยาที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ดึงชุดของตัวเองขึ้นแบบไม่รู้ตัว “อ๊า” เธอดึงมันขึ้นมาสุดจนเผยให้เห็นท่อนเอวสีขาวนวลและทุกสิ่งที่อยู่ข้างใต้
เสี่ยวเฉิงที่กำลังดื่มน้ำอยู่นั้นแทบจะสำลักออกมาทันที หัวใจเขาแทบจะวายตายทันทีที่เห็นซินเหยาทำเช่นนั้น น้ำเปล่าพลันทะลักออกมาจากปากของเสี่ยวเฉิงและทำเขาไอไม่หยุด
เซินเหยารีบหุบขาและดึงชุดลงทันที จากนั้น เธอก็หาวและเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ทว่า ทันทีที่เดินผ่านเสี่ยวเฉิง ดวงตาของเธอก็เผยให้เห็นความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงหยุดไอแล้ว เขาก็พลันเช็ดน้ำที่ปากออกและตะโกนถามหรานจิงว่าเซินเหยาเป็นอะไรไป
ทว่า หรานจิงที่เพิ่งจะจัดเรียงเอกสารเสร็จก็เงียบและเดินตรงไปยังห้องของเซินเหยาเช่นกัน ทันทีที่เดินผ่านเสี่ยวเฉิง เธอก็เหลือบมองลงไปที่ท่อนล่างของเขา
นี่มันอะไรกัน?
ตอนนี้เสี่ยวเฉิงรู้สึกสับสนไปหมด
“หัวของสองคนนั้นไปโขกโดนอะไรมาหรือเปล่า?” เสี่ยวเฉิงรู้สึกว่าทั้งสองคนดูแปลกไป
ท้ายที่สุดแล้ว ทันทีที่เสี่ยวเฉิงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่และดื่มน้ำที่เหลือจนหมด เขาก็พลันมองไปยังบริเวณกางเกงของตนเองโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวเฉิงพบว่าน้องชายที่แอบอยู่ในกางเกงวอร์มผ้านุ่มนั้นเผยออกมาให้เห็นค่อนข้างชัดเจน
เสี่ยวเฉิงพลันนึกถึงช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เซินเหยาดึงชุดของเธอขึ้นและเปิดเผยให้เห็นท่อนล่างที่ขาวดุจดังไข่มุก เขาแทบจะไม่ได้มองดูอะไรเลย แต่น้องชายในกางเกงกลับตื่นขึ้น? มันเป็นเรื่องที่น่าอายเสียจริง
เสี่ยวเฉิงรู้สึกเหมือนติดกับของเซินเหยาเข้าแล้ว เขาพลันส่ายหัวและถอนหายใจ “การที่จะอยู่ร่วมกันกับทั้งสองคนนั้นได้ต้องอาศัยความเชื่อใจ…”
– ในคืนนั้น –
ทนายความของเหล่าวัยรุ่นทั้งสิบสองคนก็ได้เดินทางหารือกับครอบครัวและเลือกตัวแทนหนึ่งคนเพื่อโทรไปติดต่อสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะเป็นการส่วนตัว พวกเขาตัดสินใจติดต่อกับกองบัญชาการตำรวจของเมืองโดยตรงและไม่สนใจว่าตัวเองนั้นกำลังจะก่อให้เกิดปัญหาอะไรอยู่
รองผู้บัญชาการสำนักงานเมืองซ่างเฉิงพลันรับสายและหันไปถามเลขาของตัวเอง
“นายรู้เรื่องเด็กวัยรุ่นสิบสองคนที่ถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจทางฝั่งตะวันออกหรือเปล่า?”
“รู้ครับ มีหลายสายโทรเข้ามาร้องเรียนกับผมเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมก็ได้ยินมาว่าผู้บัญชาการของเรายอมให้ทางกรมตำรวจฝั่งตะวันออกเป็นคนจัดการเองได้เลย ก็คือพวกเขาจะไม่ปล่อยตัวเด็กทั้งสิบสองคนนั้นออกมาครับ” เลขาชายคนนั้นพลันตอบกลับ
“งั้นรึ?” รองผู้บัญชาการพลันขมวดคิ้ว