หรานจิงและเซินเหยามองไปยังแมลงวันที่ตัวเดิมที่ถูกจับอยู่ระหว่างตะเกียบอีกครั้ง มันยังคงกระพือปีกและมีชีวิตอยู่ และทันใดนั้น เรื่องน่าประหลาดใจก็พลันเกิดขึ้น
เสี่ยวเฉิงรีบวางตะเกียบลงทันที… เขายังคงสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็ลุกขึ้น “เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
เขารีบเช็ดปากและลุกขึ้นสวมหมวก จากนั้นก็ออกไปทันที
หรานจิงมองไปยังเสี่ยวเฉิงที่กำลังเดินจากไปอย่างตกตะลึง ตอนนี้เธอยังคงตกใจกับการที่เสี่ยวเฉิงใช้ตะเกียบจับแมลงวันอยู่เลย
“หมอนั่น… ทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวเฉิงพลันเดินตรงไปที่ลิฟต์และมองไปยังมือขวาของตนเอง เขาเหวี่ยงหมัดไปกลางอากาศ แต่ความเร็วระดับเมื่อครู่ก็หายไปเสียแล้ว
“หรือจะเป็นเหมือนพลังจากจิตใต้สำนึกของเราเอง?” เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกสงสัย
ทว่า ในตอนนั้นเอง แม้ว่าลิฟต์กำลังจะลง เขาก็ยังคงได้ยินเสียงของหรานจิงและเซินเหยาคุยกันอยู่ที่ห้องอาหาร
“หมอนั่นต้องโสดมากี่ปีเนี่ย… มือถึงเร็วขนาดนั้นได้? น่ากลัวจัง!” เซินเหยาพลันสงสัย
“พูดอะไรของเธอน่ะ?” หรานจิงตอบกลับ
“มือของหมอนั่นน่าจะโสดมายี่สิบกว่าปีได้แล้วมั้ง แล้วถ้าหมอนั่นยังคงบริสุทธิ์อยู่ เธอไม่กลัวเหรอว่าวันหนึ่งเขาอาจจะบุกเข้ามาข่มขืนเรา?” เซินเหยาพูดขึ้น
“พวกเรามีกันตั้งสองคน ไม่ต้องกังวลไปหรอก” หรานจิงพลันตอบกลับ
ภายในลิฟต์ ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองควรจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี มันเป็นเพราะพวกผู้หญิงทุกคนชอบใช้คำพูดลามกอยู่แล้ว หรือเฉพาะพวกผู้หญิงสวยเท่านั้นที่ชอบพูดจาลามกกันแน่?
เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กัน?
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าทำไม ประสาทในการรับฟังของเสี่ยวเฉิงก็ไวขึ้นจนได้ยินเสียงคนอื่นกำลังพูดคุยกันอยู่ด้านนอก ทั้งที่เขายังอยู่ในลิฟต์…
“พี่โบ่ว พี่รู้ไหมว่าหมอนั่นอยู่หน่วยไหน? คอนโดนี้มันใหญ่มากเลยนะ จะไปตรวจดูทุกห้องหมดได้ยังไงกัน?“
“ไม่ต้องห่วง ฉันสืบมาแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมาก แต่ฉันก็รู้ว่าหมอนั่นต้องอยู่ในคอนโดนี้แน่ เราไปรอที่ลิฟต์กันดีกว่า ใกล้จะถึงเวลาเปลี่ยนกะแล้ว”
“แต่หมอนั่นเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเชียวนะ…” ใครคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกังวลใจ
“แล้วไงล่ะ? มันก็แค่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวน แกจะไปกลัวทำไมกัน?! ก็แค่เอาถุงดำคลุมหัวมันแล้วกระทืบให้เละเลย! แล้วถ้าหมอนั่นยังไม่ปล่อยนายน้อยหยุนออกมาภายในคืนนี้ เราจะจัดหนักมันจนต้องคลานไปยื่นใบลาออกจากการเป็นตำรวจเลย! แล้วก็อย่าทิ้งหลักฐานอะไรไว้ล่ะ จะให้พวกตำรวจสืบค้นไม่ได้ว่าเจ้านายเราคือใคร”
ตำรวจ? เจ้าหน้าที่ลาดตระเวน? พวกนั้นกำลังพูดถึงหน้าตาอันหล่อเหลาของเราอยู่งั้นเหรอ?
การได้ยินของเสี่ยวเฉิงนั้นสามารถจับประโยคหลักในบทสนทนาได้ และทันทีที่ลิฟต์กำลังจะลงไปถึงชั้นหนึ่ง เสี่ยวเฉิงก็กดหยุดลิฟต์อยู่ที่ชั้นสามและเดินออกมาทันที
ในระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังเดินอยู่ เขาก็สามารถได้ยินเสียงพูดคุยจากผู้คนรอบข้างได้อย่างชัดเจน เสี่ยวเฉิงไม่รู้ว่าทำไม แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติกับประสาทการรับฟัง ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกราวกับว่าโลกภายนอกนั้นมีเสียงดังและน่ารำคาญมาก
แม้ว่าเขาจะเดินผ่านห้องน้ำตรงทางเดิน เสี่ยวเฉิงก็พลันได้ยินเสียงน้ำหยดลงมาอย่างชัดเจน
และในระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังจะเดินลงบันได เขาก็ได้ยินเสียงของบุคคลเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง “พี่โบ่ว แล้วถ้าหมอนั่นมันใช้บันไดล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง ทั้งเหลาซาง มาลิอูแล้วก็คนอื่นกำลังยืนเฝ้าตรงทางขึ้นบันไดอยู่ เว้นแต่มันจะไม่ออกไปทำงาน ถ้าเป็นแบบนั้น มันต้องถูกพวกเราจับได้แน่ แล้วถ้าพวกแกเห็นมันเมื่อไหร่ ก็อย่าเพิ่งบุกเข้าไปทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ รายงานตำแหน่งของหมอนั่นมาก่อน”
ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็หยุดเดินทันที และเมื่อมองจากบันไดวนลงไปชั้นล่าง เขาก็เห็นว่ามีกลุ่มผู้ชายย้อมผมยืนรวมกันอยู่ประมาณสามถึงห้าคนที่ชั้นหนึ่ง