ตอนที่ 22: ระบายความโกรธ
หลินดงและพี่ชายพลันขับรถมาจอดอยู่ข้างทาง พวกเขากำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวเฉิงอยู่ ในตอนนั้นเอง พี่ใหญ่หลินก็พลันพูดขึ้น “ชายคนนั้น… คนที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนามนั่นมาจากแก๊งเต่าดำ พวกมันชอบที่จะข่มขู่แล้วก็แบล็กเมล์พวกคนรวย แถมยังถนัดใช้ช่องโหว่ของกฎหมายจัดการกับคนอื่นอีกด้วย พวกมันเป็นแก๊งที่รับมือยากใช่ย่อยเลย”
หลินดงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ลดหน้าต่างลงและมองไปยังเสี่ยวเฉิงจากในรถ
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าทั้งเจ็ดคนนี้จะไม่ยอมให้เขาเดินไปตรวจดูระบบเตือนภัยแน่
เขาจึงทำเพียงแค่แสยะยิ้มและกัดฟันเท่านั้น เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังอันธพาลทั้งเจ็ดรอบกาย อีกฝ่ายจ้องมองเขาราวกับเป็นเสือที่กำลังจ้องจะกินลูกแกะ และในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคำพูดขึ้น “พวกนายจงใจที่จะให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
“เลิกพล่าม! แกเหลือห้านาทีแล้ว”
“ไม่ต้องนับให้เสียเวลาหรอก ยังไงฉันก็ไม่ให้…” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ
ผู้ชายที่สวมโซ่ทองพลันหรี่ตา “คิดว่าฉันพูดเล่นหรือยังไงกัน? แกกำลังจะบอกว่าตัวเองต้องการเลือกตัวเลือกที่สองสินะ อยากจะลองดีกับพวกเรานักใช่ไหม?!”
“แล้วฉันมีทางเลือกอื่นด้วยหรือยังไงกัน?” เสี่ยวเฉิงจ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาของชายที่สวมโซ่ทองและตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันไม่มีหรอกเงินน่ะ ก็คงเหลือแค่ทางเลือกเดียวแล้วแหละ ถ้าพวกนายคิดว่าเอาชนะฉันได้ ก็ลองดูสิ… ยังไงเสียฉันก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้ว”
ชายที่สวมโซ่ทองพลันเผยสีหน้าสุดน่ากลัวขึ้นมา และทันใดนั้น เขาก็ยกหมัดขึ้นฟ้าแล้วเหวี่ยงไปทางเสี่ยวเฉิง ทว่า ก่อนที่หมัดจะปะทะกับใบหน้า เสี่ยวเฉิงก็รีบยกมือและคว้าข้อมือของชายคนนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับด้วยสีหน้าสุดไร้อารมณ์ “รู้ใช่ไหมว่านายกำลังจะทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่?”
ชายที่สวมโซ่ทองเผยสีหน้าไม่แยแสอะไร “อุ๊ย! ขอโทษทีนะ ไม่ยักจะรู้ว่าแกเป็นตำรวจด้วย! ก็เพราะแกมาชนท้ายรถสปอร์ตของฉัน มันก็เลยรู้สึกโกรธขึ้นมายังไงล่ะ!”
“ก็ดี” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม “ตอนแรกคิดว่านายเห็นฉันเป็นตำรวจแล้วจะออมมือให้เสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้น ก็มาเล่นสนุกกันหน่อยเถอะ ฉันเองก็อยากระบายความโกรธออกมาบ้างเหมือนกัน”
ใช่แล้ว ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงเองก็อยากที่จะปลดปล่อยความเดือดดาลและโทสะที่ถูกกักขังเอาไว้ในใจออกมา เขาทุ่มเททุกอย่างมาตลอดเจ็ดถึงแปดปีเพื่อที่วันหนึ่งตนเองจะได้เข้าร่วมกับหน่วยรบมังกร…ใครจะไปรู้ล่ะว่าสารเคมีที่ถูกฉีกเข้าไปในร่างกายจะทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาลดลง เสี่ยวเฉิงต้องฝืนยิ้มและหันหลังให้กองทัพก็เพียงเพราะไม่ต้องการที่จะเป็นภาระให้กับสหายร่วมรบคนอื่น เขาต้องร้องไห้ออกมาทั้งน้ำตาทันทีที่รู้ว่าพ่อของตัวเองจากโลกนี้ไป คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่น่าจะรู้ดีว่าเสี่ยวเฉิงต้องการที่จะปลดปล่อยโทสะของตนเองออกมามากน้อยแค่ไหน… นี่ถือเป็นสถานการณ์ที่เหมาะจะงัดทุกอย่างที่เคยฝึกฝนขึ้นมาสู้!
และในคืนนั้นที่คลับ แอลกอฮอล์ก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เสี่ยวเฉิงระบายและเยียวยาความเจ็บปวดทั้งหมดออกไปได้ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเสี่ยวเฉิงถึงไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองและปล่อยให้สองสาวอย่างหรานจิงและเซินเหยาคิดว่าเขาเป็นเกย์ อันที่จริง การเข้าร่วมหน่วยรบมังกรคือความฝันอันสูงสุดของเขา แต่ทันทีที่ความฝันนั้นพังทลายลง เสี่ยวเฉิงก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว และในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงแทบอยากจะถอดเครื่องแบบตำรวจออกมาและสู้กับพวกอันธพาลตรงหน้าโดยไม่สนโลกเลยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น แก๊งเต่าดำก็พลันตกตะลึงและตาค้างไปชั่วครู่
หลังจากนั้น ชายที่สวมโซ่ทองก็ถูกเสี่ยวเฉิงหักข้อมือ!
ทันทีที่ถูกหักข้อมือ ชายคนนั้นก็เผยสีหน้าไม่สู้ดีออกมาพร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เสี่ยวเฉิงถีบชายโซ่ทองคนนั้นเข้าที่กลางหน้าอกจนกระเด็นออกไปไกล จากนั้น ชายอีกหกคนที่พุ่งเข้ามาก็พลันถูกถีบจนกระเด็นออกไปด้วยเช่นกัน
เสี่ยวเฉิงตรงเดินเข้าไปหาทั้งเจ็ดคนพร้อมปล่อยหมัดและลูกเตะสุดแรงโดยไม่สนเลยว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ใครก็ตามที่ถูกเสี่ยวเฉิงซัดด้วยหมัดก็จะต้องรู้สึกราวกับถูกทุบตีด้วยท่อเหล็กอย่างไร้ความปรานี
เสี่ยวเฉิงเดินเข้าไปยกคอเสื้อของชายคนหนึ่งขึ้นพร้อมโยนข้ามหัวไปอีกทาง จากนั้น เขาก็ปล่อยหมัดสุดแรงไปยังหน้าของชายอีกคนที่กำลังจะพุ่งเข้ามา
ทั้งเจ็ดคนพลันตะโกนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด อีกฝ่ายทั้งเลือดไหลออกจากปากและจมูก เลือดที่ไหลออกมาพลันกระเด็นไปทั่วหน้าจนพวกเขาแทบจะลุกไม่ขึ้น
ทว่า กลับมีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาพร้อมยกขาเตะไปยังศีรษะของเสี่ยวเฉิงด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง แต่ถึงกระนั้น เสี่ยวเฉิงพลันใช้รักแร้ล็อกขาของชายคนนั้นเอาไว้พร้อมกับยกคอเสื้อของอีกฝ่ายด้วยมืออีกข้างและโยนเขาข้ามหัวไป ชายคนนั้นพลันพลิกหมุนกลางอากาศจนตกลงมานอนกองกับพื้น