เซินเหยาพลันสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเฉิงเผยท่าทีแปลกไปทันทีที่เห็นเพื่อนอีกคนของเธอ แม้ว่าจะมีความรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่เธอก็พลันพูดติดตลกขึ้นมา “เห็นไหมล่ะ? แค่เห็นผู้หญิงสวยหน่อย หมอนั่นก็ถึงกับนิ่งไปเลย จะพูดว่ายังไงดีล่ะ? ถ้าเขาไม่ใช่เกย์ ก็คงเพราะผู้หญิงตรงหน้ายังสวยไม่พอมั้ง…”
ในตอนนั้นเอง หรานจิงพลันหัวเราะออกมาและตอบกลับ “เธอยังไม่รู้อะไร หมอนั่นเป็นแฟนคลับของจื้อซือเชียวนะ”
หญิงสาวผู้งามสง่าตรงหน้าเสี่ยวเฉิงนั้นไม่ใช่ใครอื่น เธอคือหลินจื้อซือ! เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง! เพื่อนสนิทของเซินเหยา!
ท้ายที่สุดแล้ว เซินเหยาก็พลันรู้สึกดีขึ้นทันทีที่ได้ยินสิ่งที่หรานจิงพูดออกมา เห็นได้ชัดว่าเซินเหยากำลังคิดถึงท่าทีของเสี่ยวเฉิงตอนที่เจอเธอครั้งแรก กับท่าทีที่เสี่ยวเฉิงตอนที่เจอกับหลินจื้อซือ
“มิน่าล่ะ ฮ่าฮ่า” เธอตอบกลับ
หรานจิงเองก็ยังคงหัวเราะอยู่ “เมื่อก่อน หมอนั่นเคยบอกฉันว่าหลินจื้อซือเป็นภรรยาของเขาด้วยล่ะ แล้วฉันก็เลยบอกเขาไปว่าเรื่องแบบนั้นมันก็เป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคนนั้นแหละ”
หลินจื้อซือมองไปยังเสี่ยวเฉิง เสี่ยวเฉิงเองก็พลันมองกลับมา ทั้งสองเผยรอยยิ้มและกระพริบตา และทันทีที่หลินจื้อซือได้ยินสิ่งที่หรานจิงพูด เธอก็พลันดวงตาเป็นประกายแปลกไป
ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงยังคงตัวแข็งทื่อและจ้องมองมาที่หลินจื้อซือด้วยความตกตะลึง หรานจิงก็เดินไปตบไหล่เพื่อไม่ให้เขารู้สึกเขินอายเกินไป “ตกใจ? คาดไม่ถึง? ตอนนี้ ‘หลินจื้อซือ‘ ที่นายปลื้มนักปลื้มหนานั่งอยู่ตรงหน้าแล้วไง คงไม่คิดว่าเธอจะเป็นเพื่อนสนิทของเซินเหยาหรอกใช่ไหมล่ะ? ดูท่านายจะชอบเธอมากเลยสินะ ดูเหมือนคราวนี้เซินเหยาก็คงจะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้องแล้วแหละมั้ง…”
เซินเหยาพลันกระโดดขึ้นมาจากโซฟาและพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ถ้านายคืนเงินค่าเช่ามาให้ฉัน นายก็จะได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปกับเธอด้วย เอาสิ!”
หรานจิงพลันลากเสี่ยวเฉิงไปนั่งที่โซฟา ด้วยความที่ไม่อยากให้สถานการณ์ดูอึดอัดจนเกินไป เสี่ยวเฉิงพลันคว้าขวดน้ำขึ้นมาและแสร้งทำเป็นเหมือนตัวเองกำลังคอแห้ง และในตอนนั้นเอง หลินจื้อซือเองก็ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ทั้งหรานจิงและเซินเหยาก็พลันหัวเราะเยาะเย้ยใส่เสี่ยวเฉิงกับท่าทีที่ดูแปลกไปของเขา “ฉันเองก็เคยบอกไปแล้ว ไม่มีทางที่หลินจื้อซือจะเป็นภรรยาของเขาได้หรอก ถ้าเรื่องนั้นเป็นจริงนะ ฉันยอมกินขี้โชว์เลย!“
พทุย!
พทุย!
ทันใดนั้นเอง ทั้งเสี่ยวเฉิงและหลินจื้อซือก็แทบจะพ่นน้ำออกมาจากปากพร้อมกัน
ทั้งหรานจิงและเซินเหยาต่างก็หันไปทางทั้งสองพร้อมจ้องมองด้วยความสงสัย “เมื่อกี้มันอะไรกัน?”
“ไม่มีอะไร” เสี่ยวเฉิงพลันเช็ดปากและยืนกระดาษทิชชูบนโต๊ะให้กับหลินจื้อซือ
“ขอบคุณ”
เมื่อครู่ ทั้งสองดูจะทำตัวเหมือนเป็นคนรู้จักกันมาก่อน แต่ทันทีที่หลินจื้อซือกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” มันก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปราวกับทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
ในตอนนี้ เซินเหยาเองก็พลันคิดว่าทั้งสองคงจะไม่รู้จักกันมาก่อน เธอจึงกล่าวคำพูดขึ้น “จื้อซือ ชายตรงหน้าเธอคือเสี่ยวเฉิง เจ้าของห้องที่ฉันอยู่ยังไงล่ะ”
“เจ้าของห้องที่เธอเคยบอกว่าทั้งนิสัยไม่ดีแล้วก็ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลยน่ะเหรอ?” หลินจื้อซือเผยยิ้มและมองไปยังเสี่ยวเฉิง
เซินเหยาพลันพยักหน้า “อ่า ใช่แล้ว”
หลินจื้อซือพลันยื่นมือออกไปพร้อมเผยยิ้ม “สวัสดี ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเซินเหยา”
เสี่ยวเฉิงพลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็ยื่นมือขวาออกไปพร้อมเผยท่าทีราวกับจะสื่อว่าเราสองคนไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เขาเผยยิ้มอย่างขมขื่น “สวัสดี”
“จื้อซือ วันนี้เธอดูแปลกไปนะ… ปกติแล้วเธอจะไม่ยื่นมือทักทายชายที่เพิ่งเคยเจอเลยนี่” เซินเหยาพลันพูดติดตลก
“งั้นเหรอ?” หลินจื้อซือกล่าวและเงียบไปสักพัก “ถ้าฉันไม่ใช่เพื่อนสนิทเธอ ฉันก็คงคิดว่าคุณเสี่ยวเฉิงกับเธอมีความสัมพันธ์อะไรที่มากกว่าแค่เพื่อนร่วมห้องไปแล้วเสียอีก”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นไปหรอก” เสี่ยวเฉิงตอบกลับ “ผมเองก็ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ว่าคุณจะเป็นเพื่อนสนิทกับเซินเหยาเหมือนกัน”
หลินจื้อซือจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงราวกับเธอต้องการที่จะบอกอะไรบางอย่างผ่านสายตา จากนั้นไม่นาน เธอก็พลันกล่าวคำพูด “ฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน”
แต่ทว่า เธอรู้สึกตกใจมากกว่าที่เสี่ยวเฉิงรู้จักกับเซินเหยา…