“ข้อตกลง” แลงค์ตอบกลับ
“คุณเฉิง มันอาจจะดูหยาบคายไปหน่อย แต่เพื่อประโยชน์ในอาชีพการแสดงของพี่หลิน เราอยากให้คุณเซ็นสัญญารักษาความลับเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองเอาไว้ คุณจะได้ไม่สามารถแทรกแซงหรือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัวของเธอในอนาคตได้” แลงค์ตอบกลับ
“แลงค์!” ลินจื้อซือดูจะไม่ค่อยพอใจ
“แต่พี่หลิน… เราไม่มีทางเลือกนะ ตอนนี้พี่คือตัวแทนของบริษัท คนดังอันดับหนึ่งของเรานะ ถ้าข่าวเรื่องการแต่งงานรั่วไหลออกไป ทุกอย่างจะต้องแย่แน่ เราต้องกำจัดความเสี่ยงทุกอย่าง” แลง์พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เสี่ยวเฉิงพลันหัวเราะ “เธอไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ และที่สำคัญ ผมเป็นคนรักษาสัญญา เมื่อสามปีก่อนผมยังไม่สนใจอะไรเลย นี่เป็นครั้งที่สองเองที่ได้มาเหยียบที่นี่ ไม่ต้องกังวลไป ผมไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องของพวกคุณแล้วก็บริษัทหรอก”
ไม่ช้า เขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากคอนโดไป
แลงค์รู้สึกโกรธไม่น้อย จากนั้น เธอก็หันไปพูดกับหลินจื้อซือ “ดูก็รู้ว่าเขากำลังรู้สึกผิด เราปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้นะพี่หลิน! ถ้าเขาไม่เซ็นสัญญา เขาก็อาจจะกลับมาแบล็คเมล์พี่ตอนไหนก็ได้ ใครจะไปรู้”
ทว่า หลินจื้อซือไม่ได้ตอบกลับอะไร เธอยังคงเล่นเปียโนต่อไป
เธอไม่ได้กังวลอะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าแลงค์จะกังวลมากเกินไป แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มันก็ต้องเป็นผู้ชายคนนี้แหละ
“พี่หลิน ฉันไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแล้วนะ… ทำไมพี่ไม่บอกบริษัทเรื่องงานแต่งไปล่ะ? แล้วถ้าเขาไม่เซ็นสัญญา บริษัทจะมั่นใจที่จะลงทุนในตัวพี่ต่อได้ยังไง?”
หลินจื้อซือพลันเล่นเปียโนต่ออีกเพลงอย่างผ่อนคลาย เธอผ่อนให้แลงค์นั่งบ่นอยู่คนเดียว
ทันทีที่เล่นเสร็จ เธอก็พลันมองไปที่แลงค์พร้อมกล่าวคำถามขึ้น “แลงค์ เธอคิดว่าฉันสวยไหม?”
“แน่นอนสิ พี่หลินเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลย แม้ว่าจะเป็นลูกครึ่ง แต่พี่ก็โด่งดังมากเลยนะ จะมีผู้ชายคนไหนไม่อยากเจอพี่บ้างล่ะ? อีกอย่าง ตอนนี้ ข้อเสนอในการรับประทานอาหารค่ำใต้แสงเทียนของพี่ก็เพิ่มเป็นยี่สิบล้านแล้วด้วย! ตอนแรกบริษัทเฮดฮันเตอร์ก็ติดต่อเรามา แต่พี่เหล่ยก็ปฏิเสธไปหมดเลย แค่ทานอาหารมื้อเดียวพี่ก็ทำเงินได้เป็นล้านแล้ว ดาราหญิงบางคนยังได้เงินไม่มากขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ”
หลินจื้อซือเผยยิ้มอย่างอ่อนโยน “อ่า ว่าแต่ เธอได้ยินเรื่องที่เขาพูดก่อนจะเดินออกไปไหม? เมื่อสามปีที่แล้ว เขาสัญญาว่าจะไม่เข้ามาก้าวก่ายชีวิตฉันอีก เขาทำได้นะ เสี่ยวเฉิงเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียว อีกอย่าง เขาแทบไม่ได้สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ นี่แลงค์ เชื่อเถอะว่าเขาเป็นชายที่รักษาคำพูด ยังไงก็เถอะ จะผู้ชายสักกี่คนกันที่ได้แต่งงานกับฉันแล้วก็ยังปฏิบัติต่อฉันเหมือนคนแปลกหน้าหลังจากผ่านไปสามปี?
แลงค์พูดอะไรไม่ออก
นั่นเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครเหมือนกับเสี่ยวเฉิง
“แต่พี่หลิน… ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมา…” แลงค์พลันขมวดคิ้ว
“ไม่หรอก เชื่อฉันสิ” หลินจื้อซือดูจะไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย เธอปิดฝาเปียโนและยืนขึ้น “เธอรู้ไหมล่ะว่าทำไมทั้งเธอ พวกนักข่าวแล้วก็สื่อนอกไม่รู้เรื่องการแต่งงานของฉันเลย?”
แลงค์ส่ายหัว
“นั่นเป็นเพราะเสี่ยวเฉิงยังไงล่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลยสักนิด ครั้งแรกที่เราแต่งงานกัน เขาเองก็ไม่ได้บังคับอะไร เพราะแบบนั้น ฉันเลยเลือกที่จะเข้ามาทำงานในธุรกิจบันเทิงเพื่อดูว่าเสี่ยวเฉิงจะมีกลอุบายอะไรไหม…”
ทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้ หลินจื้อซือก็เผยยิ้มอย่างขมขื่น “แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย สามปีที่ผ่านมา เขาขลุกตัวอยู่แต่ในกองทัพ ถึงแม้ว่าจะได้ออกมาข้างนอก เขาก็ไม่เคยจะโทรหาฉันเลยสักครั้งเดียว เราเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันที่สุด แต่มันก็ยังดีนะ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เกลียดกัน ซึ่งมันดีกับทั้งสองฝ่าย”