ตอนที่ 40: หรานจิงผู้หัวร้อน
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว เขาก็พลันเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ทันใดนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็สังเห็นว่าหรานจิงเพิ่งจะกลับมาจากที่ทำงาน แต่ทว่า ระหว่างทางกลับ เธอก็พลันสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าเสี่ยวเฉิงซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่
ยิ่งหรานจิงสนิทกับเสี่ยวเฉิงมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็พลันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่คาดเดาได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการประกอบปืน ความแม่นยำในการยิงปืน ทักษะการต่อสู้ที่โรงยิม และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดั่งสายลมบนท้องถนน ไม่ว่าจะครุ่นคิดยังไง หรานจิงก็เชื่อมโยงเสี่ยวเฉิงที่เธอรู้จักกับพวกตำนานมนุษย์พลังวิเศษในภาพยนตร์และนวนิยายไม่ได้เลย
เสี่ยวเฉิงเป็นใครกันแน่? เขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า?
ทันทีที่กลับมาถึงห้องและเปิดประตูเข้าไป เธอก็พลันเห็นเสี่ยวเฉิงอยู่ในชุดเสื้อกล้ามพร้อมกับเดินไปมาอยู่ในห้องนั่งเล่น ทันใดนั้น หรานจิงก็มองดูเสี่ยวเฉิงตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับกำลังวิเคราะห์ทั้งร่างกาย
ทว่า ทันทีที่เสี่ยวเฉิงสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมา เขาก็รีบหันหน้ามาทางหรานจิงพร้อมเผยท่าทีสุดสับสน “ทำไมเธอต้องมองฉันเหมือนแม่เสือสาวที่กำลังล่าผู้ชายแบบนั้นด้วยล่ะ? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ถึงกระนั้น คำพูดของเสี่ยวเฉิงก็ทำให้หรานจิงวิเคราะห์เขาได้ยากขึ้นกว่าเดิม
อันที่จริง พวกตำนานมนุษย์พลังวิเศษควรจะเป็นบุคคลที่มีนิสัยเย็นชา รักความสงบแล้วก็เย่อหยิ่งไม่ใช่หรือยังไงกัน? แต่หรานจิงก็พลันรู้สึกว่าเสี่ยวเฉิงไม่ใช่คนแบบนั้นเลย นอกจากนี้ พวกคุณก็อาจจะคิดว่าเขาเป็นเหมือนผู้ชายบ้ากาม แต่ความจริงแล้ว เสี่ยวเฉิงกลับไม่ไหวติงต่อหน้าสาวสวยสองคนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเลยแม้แต่น้อย พวกคุณก็อาจจะคิดว่าเขาเป็นคนจริงจังและใจเย็น แต่บางครั้งวิธีการพูดการจาของเสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ใช่แบบนั้นเลย
ถึงอย่างไร มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเข้าใจผู้ชายคนนี้
“ก่อนที่จะมาอยู่ซ่างเฉิง… นายไปทำอะไรมา?” หรานจิงพลันถามเสี่ยวเฉิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เสี่ยวเฉิงพลันเฉิงจิบน้ำแร่พร้อมตอบกลับ “ฉันเคยเป็นทหารมาก่อน”
ทันใดนั้น เซินเหยาที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาก็พลันถามขึ้นอย่างไร้เหตุผล “ฉันเคยได้ยินมาว่าการรับใช้ชาติมันลำบากมากเลยนะ… ผู้ชายบางคนแทบจะไม่ได้เจอผู้หญิงหรือแฟนสาวของตัวเองตั้งหลายปีเลยด้วยซ้ำ แล้วถ้าสุดท้ายทหารอยากพวกนายทนเรื่องแบบนั้นไม่ไหวล่ะ? มันจะเกิดอะไรขึ้นกัน? จะหนีออกจากกองทัพกันหรือเปล่า?”
“เอ่อ… มันก็เป็นคำถามที่น่าคิดดีนะ”
เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มกว้าง “ฉันเองก็ไม่แน่ใจเรื่องคนอื่นในหน่วยนักหรอก อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย เธอเองก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ทันใดนั้น เซินเหยาก็พลันเบิกตากว้าง “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ?”
แต่ทว่า เซินเหยาก็พลันเหลือบมองไปยังหรานจิงที่กำลังหรี่ตาและจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง อันที่จริง คำพูดเมื่อครู่ของเสี่ยวเฉิงอาจจะต้องอาศัยการตีความอยู่นิดหน่อย…
เธอมองไปยังหรานจิงพร้อมกับรีบกล่าวคำพูดออกมาทันที “อย่าฟังเรื่องไร้สาระที่หมอนั่นพูดเชียวนะ ฉันกับหมอนั่นไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย”
ทั้งนี้ หรานจิงเองก็ไม่ได้ต้องการให้เสี่ยวเฉิงเบี่ยงไปประเด็นอื่น เธอจึงรีบยิงคำถามใส่เสี่ยวเฉิงอีกครั้ง “แล้วนายอยู่หน่วยไหนกันล่ะ?”
“ก็หน่วยปกติทั่วไป” หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็พลันถามเธอกลับด้วยความงงงวยเล็กน้อย“แล้วเธอจะอยากรู้ไปทำไมกัน?”
“ก็แค่ถาม ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย” หรานจิงพลันเผยหน้ามุ่ยพร้อมกับกัดริมปากของตัวเอง “แต่ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านายเป็นแค่ทหารธรรมดา จะให้ฉันเชื่อว่านายทหารธรรมดาคนหนึ่งสามารถเอาชนะสมาชิกหน่วยสวาตได้เนี่ยนะ? ไหนจะเรื่องได้แข่งประกอบปืนอีก? ถ้าตัดสินจากทักษะแล้วก็ความแข็งแกร่งของนายแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างนายจะเป็นแค่ทหารธรรมดาคนหนึ่ง”
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเผยเสียงหัวเราะออกมาสองสามรอบ เขาก็พลันตอบกลับ “อ่า ฉันเข้าใจล่ะ!”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เผยสีหน้าสุดจริงจังออกมา บรรยากาศรอบตัวพลันแปรเปลี่ยนไปทันใด
ทั้งหรานจิงและเซินเหยาก็พลันหรี่ตาลง
ถ้าเปรียบเทียบกับหนังภาพยนตร์ สถานการณ์ในตอนนี้น่าจะเป็นเหมือนช่วงเวลาที่ตัวละครหลักกำลังจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา…
ในระหว่างที่ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตารอ เสี่ยวเฉิงก็พลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่พร้อมกล่าวคำพูดออกมา “ถ้าเรื่องมันแดงจนถึงขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็คงจะเก็บซ่อนความลับเอาไว้ต่อไปอีกไม่ได้แล้วสินะ อันที่จริง ชื่อของฉันไม่ใช่เสี่ยวเฉิงหรอก นามสกุลของฉันคือ ‘หล่อ’ ส่วนชื่อเต็มฉันก็คือ ‘โคตรหล่อ’ ยังไงล่ะ!”
ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงแววตาสองคู่ที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าจ้องมองตรงมา…
หลังจากนั้น เซินเหยาก็หันไปพูดกับหรานจิงทันที “เมื่อคืนหมอนี่ไปที่คาสิโนแล้วก็ชนะพนันตั้งสิบรอบติดกันแหนะ! แถมเขายังเปลี่ยนเงินหนึ่งร้อยหยวนให้เป็นหนึ่งแสนหยวนจากการเล่นพนันไฮโลอีกด้วย! อันที่จริง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนี่ทำได้ยังไง?”