ตอนที่ 41: การทดสอบความแข็งแกร่ง
หลังจากที่เสี่ยวเฉิงอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสโมสรกีฬาเพื่อทำการประเมินความสามารถของตนเอง
ทว่า เสี่ยวเฉิงก็เริ่มรู้สึกหมดหวังที่จะรู้ระดับความแข็งแกร่งและความเร็วของตัวเองแล้ว ถึงอย่างไร ทักษะทั้งสองก็ถือเป็นคุณสมบัติที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการต่อสู้จริง
ทันทีที่ถูกฉีดเซรุ่มเข้าไปในร่างกาย เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตนเองนั้นลดลงไปไม่น้อยเลย ทั้งเรี่ยวแรง ความเร็วและพละกำลัง หากทั้งสามทักษะนี้ถูกลดทอนไป มันก็จะทำให้เกิดข้อเสียสุดร้ายแรงในการต่อสู้จริงแน่
แต่ทว่า ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เสี่ยวเฉิงก็พลันสัมผัสได้ถึงพละกำลังล่องหนของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน อันที่จริง เขาเองก็ยังคงสับสนอยู่ว่ามันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร สำหรับคนปกติธรรมดา พวกเขาจะสามารถเข้าใจระดับพละกำลังและความสามารถของตนเองได้หากมีประสบการณ์ร่วมเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่สำหรับเสี่ยวเฉิงแล้ว เขาไม่เข้าใจพละกำลังหรือความสามารถพิเศษของตัวเองเลยสักนิด อีกทั้ง เสี่ยวเฉิงเองก็จะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าความสามารถเหล่านั้นจะถูกปลุกขึ้นมาได้ยังไงจนกว่าจิตใต้สำนึกของตนเองจะตอบสนอง
ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่กี่วันก่อน เสี่ยวเฉิงเพียงแค่ผลักเซินเหยาเบา ๆ เท่านั้น แต่เขากลับส่งเธอลอยกระเด็นไปไกลกว่าสามเมตรกลางอากาศ…
มันเหมือนจะเป็นความสามารถของจิตใต้สำนึกที่ยังควบคุมไม่ได้อย่างสมบูรณ์
เสี่ยวเฉิงเป็นชายที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้มีร่างกายที่ใหญ่เทอะทะเหมือนกับพวกนักกล้ามที่อยู่ในโรงยิมเลย ทว่า ภายในกองทัพ พลทหารทุกคนต่างก็ต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนความสามารถและทักษะที่ครอบคลุมมากกว่ากล้ามเนื้อและขนาดตัว ด้วยเหตุนั้น แม้ว่าเสี่ยวเฉิงจะตัวสูงและอกผายไหล่ผึ่ง แต่เขาก็ไม่ใช่ชายที่มีรูปร่างใหญ่หรือมีกล้ามเนื้อมากมายขนาดนั้น
สำหรับคราวนี้ เสี่ยวเฉิงก็ได้มาที่สโมสรกีฬาก็เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของตนเองอีกครั้ง ที่นี่มีอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถใช้ในการประเมินและวัดพละกำลังรวมถึงความสามารถของตนเองได้
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับบุคคลที่โด่งดังระดับโลกแล้ว หมัดของไมก์ ไทสันนั้นสามารถหนักได้ถึง 450 กิโลกรัมหรือไม่ก็มากกว่านั้น… ลูกเตะสุดหนักหน่วงจากปรมาจารย์มวยไทยอย่างอากีล่าเองก็สามารถส่งแรงได้มากถึง 500 กิโลกรัมอีกด้วย และสำหรับปีเตอร์ แอทส์ ชายผู้ถูกขนานนามว่าเป็นคิกบ็อกเซอร์รุ่นใหญ่ ลูกเตะของเขานั้นสามารถส่งแรงได้มากถึง 836 กิโลกรัมจนกลายเป็นสถิติโลกเลยทีเดียว!
ยิ่งไปกว่านั้น แอทส์เองก็ยังมีกำลังขาในการทำสควอชที่มากถึงสี่ร้อยเจ็ดกิโลกรัม กำลังอกในการดันน้ำหนักที่มากถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดกิโลกรัม และกำลังหลังในการยกน้ำหนักที่มากถึงสามร้อยห้าสิบกิโลกรัมอีกด้วย…
ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังเดินไปยังเครื่องวัดพละกำลังหรือเรียกอีกอย่างว่าเครื่องไดนาโมมิเตอร์ เขาก็พบว่าภายในสโมนสรกีฬาแห่งนี้มีแต่พวกลูกเศรษฐีแล้วก็นักกีฬามือสมัครเล่นทั้งนั้น
แน่นอน พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายก็มักจะมาที่นี่พร้อมกับสาวสวย พวกเขาชอบชวนแฟนสาวหรือไม่ก็เพื่อนผู้หญิงมาที่นี่ตอนที่ไม่มีอะไรจะทำ นอกเหนือจากการอวดความมั่งคั่งและร่ำรวยแล้ว พวกผู้ชายก็ยังต้องการที่จะโชว์สรีระร่างกายของตัวเองเพื่อให้แฟนสาวหรือเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยรู้สึกถึง “ความปลอดภัย” ที่พวกเธอจะได้รับอีกด้วย และบ่อยครั้ง พวกผู้ชายเหล่านั้นก็ต้องการให้สาวสวยติดใจบางสิ่งบางอย่างในตัวพวกเขานอกเหนือจากความมั่งคั่งและเงินทอง
เพราะฉะนั้น สำหรับเมืองซ่างเฉิงที่เต็มไปด้วยลูกเศรษฐีและทายาทของบุคคลผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ คุณจะสามารถพบเจอพวกเขาได้ทั้งในสถานบันเทิงและสถานที่พักผ่อนย่อนใจเช่นนี้
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงพลันเห็นกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงกำลังยืนอยู่ข้างอุปกรณ์ออกกำลังกายและเครื่องไดนาโมมิเตอร์ หากไม่มีตัวเลือกอื่น เสี่ยวเฉิงก็ทำได้เพียงแค่นั่งรอเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตกีฬาพร้อมกับหมวกแก๊ปและชุดหูฟังกำลังนั่งอยู่ด้านหลังของเสี่ยวเฉิง หากมองจากรูปร่างด้านข้างแล้ว ทั้งดั่งจมูกสุดโด่งและขนตาที่เรียวยาว เธอก็น่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยไม่น้อยเลย
เธอต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่กำลังคุยเล่นและเดินวนไปวนมารอบกลุ่มผู้ชาย หญิงสาวคนนี้กำลังฟังเพลงและหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเฉิงก็มองไปยังกลุ่มคนที่กำลังใช้เครื่องไดนาโมมิเตอร์ เขาพลันสังเกตเห็นว่ามีคนสองกลุ่มกำลังยืนอยู่
กลุ่มแรกเป็นผู้ชายสามคนและผู้หญิงสามคน ส่วนอีกกลุ่มเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน
ระหว่างที่มองไปยังคนกลุ่มที่สอง เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกว่าชายหนุ่มทั้งสองนั้นดูเหมือนทหารมากกว่าพวกลูกเศรษฐีจอมเอาแต่ใจเสียอีก