ตอนที่ 47: ฉันจะโยนนายเข้าคุกเอง
ในระหว่างที่นายน้อยเฉินกำลังจะเดินเข้าไปใกล้หลินจื้อซือ เสี่ยวเฉิงก็ผลักประตูเข้าไป เขาพลันขมวดคิ้วและมองไปยังนายน้อยเฉินอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าบังคับกับคนอื่นสิ โดยเฉพาะกับผู้หญิง”
“แกมาทำอะไรที่นี่กัน?” นายน้อยเฉินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
อันที่จริง เสี่ยวเฉิงแทบอยากพูดโพล่งออกไปเลยว่าเขานี่แหละคือสามีตัวจริง แต่ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นกำลังจะหลุดออกจากปาก เสี่ยวเฉิงก็พลันห้ามตัวเองเอาไว้ “เธอไม่ได้ชอบนายสักหน่อย แล้วทำไมต้องมาบังคับเธอด้วย? นายทำตามใจตัวเองได้ก็จริง แต่นายจะบังคับคนอื่นไม่ได้!“
“ออกไปให้พ้น! มันไม่ใช่เรื่องของแกสักหน่อย” นายน้อยเฉินกล่าวคำพูดด้วยความโมโห
“นายนั้นแหละที่ควรจะออกไปเสีย ไม่รู้ตัวหรือยังไงว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องแต่งตัวของผู้หญิง?” เสี่ยวเฉิงพลันจ้องมองไปยังนายน้อยเฉิน
ทันใดนั้น นายน้อยเฉินก็พลันหรี่ตาและเผยเสียงหัวเราะออกมา “แกเป็นใครกันว่ะ?!”
“ตาบอดหรือยังไงกัน?” เสี่ยวเฉิงพลันตะคอกพร้อมชี้มาที่เครื่องแบบของตน
“นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนยศกระจ้อยร่อยอย่างแกสักหน่อย!” นายน้อยเฉินพลันกล่าวด้วยความโกรธและคิดว่าชายตรงหน้ากำลังจะทำให้แผนของตนแตก เดิมที เขาส่งสัญญาณให้ช่างแต่งหน้าแล้วก็ช่างทำผมออกไปก็เพื่อที่ตนจะได้ทำทุกอย่างกับหลินจื้อซือได้ตามต้องการ แต่ทว่า เขาเองก็ไม่ได้คาดเอาไว้เหมือนกันว่าเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอย่างเสี่ยวเฉิงจะเดินเข้ามา
“พอดีมีสายรายงานมาว่าไอ้เวรที่ไหนไม่รู้กำลังคุกคามทางเพศหญิงสาวอยู่ ฉันเลยมาตรวจดูหน่อยน่ะ” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินจื้อซือก็พลันกระพริบตาและหันไปทางเสี่ยวเฉิง
“แกเรียกใครว่าไอ้เวรกัน?!” นายน้อยเฉินรู้สึกโกรธไม่น้อย
เสี่ยวเฉิงพลันหัวเราะออกมา “ก็ไอ้คนที่มันกำลังลวนลามผู้หญิงอยู่ไง! แล้วนายล่ะ? กำลังลวนลามเธออยู่หรือเปล่า?”
ทันใดนั้น นายน้อยเฉินก็พลันเลือดขึ้นหน้า เขาพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคว้าคอเสื้อของเสี่ยวเฉิงเอาไว้ แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะใช้หัวของตัวเองโขกเข้าไปที่หน้าผากของนายน้อยเฉินจนเขามึนหัวและล้มลงไปกองกับพื้น
“แก! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!” นายน้อยเฉินชี้นิ้วไปที่เสี่ยวเฉิงพร้อมกับกัดฟัน
“รู้สิ ก็ไอ้เวรคนนั้นไง!” เสี่ยวเฉิงพลันนั่งยองและมองไปยังนายน้อยเฉิน “อย่ามายุ่งกับจื้อซืออีก! ไม่งั้นฉันได้โยนนายเข้าคุกแน่”
“แกเนี่ยนะจะกล้าจับฉัน?” นายน้อยเฉินที่นั่งอยู่บนพื้นเผยเสียงหัวเราะออกมาทันที “ยศกระจ้อยร่อยแบบนี้เนี่ยนะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังดาวดวงเล็กดวงหนึ่งบนไหล่ของตนเองและเผยยิ้ม “แน่นอนว่าฉันจับกุมนายไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณผู้หญิงคนนั้นฟ้องร้องขึ้นมาล่ะ?”
ในไม่ช้า เสี่ยวเฉิงก็พลันหันไปมองหลินจื้อซือและถามขึ้น “หมอนี่ลวนลามหรือคุกคามคุณหรือเปล่า?”
หลินจื้อซือพลันหรี่ตาลงพร้อมกับกัดริมฝีปาก ถึงกระนั้น หลินจื้อซือเองก็รู้ดีว่าเสี่ยวเฉิงกำลังยั่วยุอารมณ์เธอ ช่างเป็นผู้ชายที่อารมณ์ร้อนอะไรเช่นนี้ หรือแท้จริงแล้ว เสี่ยวเฉิงกำลังทำให้เธอตัดสินใจลำบากเพียงเพราะแค่โดนแฟนคลับข่วนหน้าอกจนแดงหรือเปล่านะ?
ทั้งนี้ คำถามของเสี่ยวเฉิงก็สามารถสื่อได้ว่า “เธอกล้าที่จะฟ้องไอ้เวรนี่ไหม?”
หลินจื้อซือพลันเผยยิ้มอย่างสง่างามและตอบกลับ “ใช่ เขากำลังคุกคามฉันอยู่ แต่คุณเจ้าหน้าที่… คุณจะกล้าจับเขางั้นหรือ?”
เธอสวนคำถามใส่เสี่ยวเฉิงได้สำเร็จ
เสี่ยวเฉิงพลันจับแขนนายน้อยเฉินพร้อมกล่าวคำพูด “นั่นแหละคือคำพูดที่ผมต้องการ ตราบใดที่คุณบอกว่าไอ้เวรนี่เข้ามาคุกคามคุณ ทุกอย่างก็จบแล้ว เดี๋ยวผมจะพาตัวหมอนี่ออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ทั้งนี้ หลินจื้อซือเองก็ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวเฉิงจะกล้าลากนายน้อยเฉินออกไป… เธอพลันตกใจเล็กน้อย อันที่จริง เสี่ยวเฉิงที่เธอรู้จักมักจะพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นทุกครั้งไป แต่ทันทีที่คิดว่าเสี่ยวเฉิงกำลังลากหนึ่งในคนใหญ่คนโตของแก๊งสี่จตุรเทพออกไป หลินจื้อซือก็พลันตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงนั้นมีความกล้ามากขนาดนี้
“แกกล้าดียังไง?!” ใบหน้าของนายน้อยเฉินพลันเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว “แกจะต้องเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแน่!”
“ตั้งแต่มาเป็นตำรวจ ฉันได้ยินประโยคพวกนั้นมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งได้แล้วมั้ง แต่สุดท้าย ฉันก็ยังยืนอยู่ตรงนี้อยู่ดี” เสี่ยวเฉิงพลันคว้าร่างของนายน้อยเฉินและลากออกไป นอกจากนี้ สิ่งที่นายน้อยเฉินทำได้ก็มีเพียงแค่ตะโกนสบถเสียงดังออกมาและพยายามสะบัดตัวให้หลุดเท่านั้น ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็รู้สึกรำคาญไม่น้อย ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเฉิงก็พลันตะคอกเสียงดังใส่ “ถ้าไม่อยากเสียหน้า ก็อย่าทำให้ฉันต้องใส่กุญแจมือกับนายต่อหน้าฝูงชนเลยจะดีกว่า”
ด้วยความที่มีพยานหลักฐานและขัดขืนไม่ได้ นายน้อยเฉินก็ทำได้เพียงแค่ต้องยอมจำนนเท่านั้น
ทันทีที่เข้าไปในรถของเสี่ยวเฉิงและนั่งอยู่เบาะหลัง นายน้อยเฉินก็พลันจ้องมองมายังที่นั่งคนขับพร้อมกล่าวคำพูด “เตรียมตัวรับโทรศัพท์ได้เลยนะ ทันทีที่ฉันถูกลากตัวเข้ามาในรถแก ผู้ช่วยฉันก็จะรีบทำการติดต่อเบื้องบนเลยล่ะ แต่ถ้าแกปล่อยฉันไปตอนนี้แล้วก้มกราบขอโทษ ฉันจะไม่ถือโทษโกรธอะไรก็ได้… เอาไหมล่ะ?!”
เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับและขับรถต่อไป “ขนาดเทพจงเทพเจ้า ฉันยังไม่เคยต้องไปคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนอะไรเลย นับประสาอะไรกับคนอย่างนายกัน”
ทันใดนั้น นายน้อยเฉินก็พลันพูดต่อ “พ่อฉันชื่อเฉิน จ้าวหมิง เขาเป็นถึงเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของเมืองซ่างเฉิงเชียวนะ!”