บทที่ 346
บทที่ 346
ในระหว่างนั้นจ้านอู่ตี้กำลังเดินอยู่หน้าขบวนทัพพอดี และเมื่อมีหินตกลงมา เขาก็พลันหันไปร้องตะโกนอย่างหวาดกลัว “พวกเราโดนซุ่มโจมตี !” เมื่อว่าจบ เขาก็ได้เรียกเกราะปราณแล้วพุ่งเข้าไปพร้อมดาบสีม่วงในมือ
ทว่ากว่าจ้านอู่ตี้จะทันได้ทำอะไร ทหารหนิงด้านในก็ได้ถูกโจมตีจนปั่นป่วนไปหมดแล้ว ทำให้มีศพมากมายกองอยู่บนพื้นจนแทบยืนกันไม่ได้
จ้านอู่ตี้ทั้งโกรธและกระวนกระวายพร้อม ๆ กัน เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าใครที่ซุ่มอยู่ในหุบเขา แต่ก่อนจะทันได้เห็นหน้า เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นจนต้องเงยหน้าขึ้นไปดู !
ที่แท้เป็นก้อนหิน 2 ก้อนที่ตกลงมา !!!
จ้านอู่ตี้ไม่กล้าชักช้า เขากระโดดตัวลอย จับดาบในมือ ก่อนจะเหวี่ยงมันผ่าตัดจนหินพวกนั้นแตกกระจายในทันที !
“เป็นใครกัน ? ทำไมถึงโจมตี ?” เขาไม่คิดแม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกเทียนหยวน เพราะพวกนั้นอยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก ดังนั้นจึงได้ถามออกไปอย่างที่เห็น
เมื่อได้ยินแบบนั้น จีหยิงก็พลันนึกเย้ยหยั่น เขาตะโกนออกไป “ชูธงขึ้นได้ !” จากนั้นธงของเฟิงก็ถูกนำขึ้นมาชูชันบนภูเขาทั้งสองฝั่ง แล้วเป็นจีหยิงที่เดินออกมายืนริมผา ก้มมองหน้าจ้านอู่ตี้ที่อยู่ข้างล่าง “จ้านอู่ตี้ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
จ้านอู่ตี้หันไปตามเสียงนั่น และเมื่อหรี่ตาดูก็พบว่าอีกฝ่ายคือคนคุ้นหน้าคุ้นตาของเขานั่นเอง “จีหยิงงั้นหรือ ?”
จีหยิงคือแม่ทัพเก่าของซ่งเทียน เขาเคยเจออีกฝ่ายอยู่ครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่เจออีกเลย และเมื่อผนวกกับที่สองพี่น้องไปประตูตงก่อนจะเกิดเรื่อง พวกเขาจึงไม่รู้แม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายนั้นได้แปรภักด์ไปอยู่กับถังหยินแล้ว ทำให้จ้านอู่ตี้มีสีหน้าตะลึง และไม่เข้าใจยิ่งนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !
“ใช่แล้ว ข้าเอง” จีหยิงหัวเราะ “แม่ทัพจ้าน ข้าแนะนำให้ท่านถอนทัพกลับไปเสียดีกว่า ไม่งั้นพวกเขาจะตายทั้งหมดที่นี่แหละ”
จ้านอู่ตี้ร้องออกมาด้วยความโกรธ เขากัดฟันแน่นแล้วชี้ดาบไปยังจีหยิง พลางควบม้าวิ่งเข้าไปทันที “ข้าจะฆ่าเจ้าวันนี้แหละ !”
เมื่อเห็นจ้านอู่ตี้กำลังวิ่งเข้ามา กองทัพของจีหยิงก็ดันก้อนหินลงมาอย่างดุเดือด ซึ่งจ้านอู่ตี้ก็สามารถต้านมันได้ ทว่าเขาลืมคิดไป ว่าม้านั่นไม่อาจทำได้ !
..ผลคือม้านั่นล้มลงในพลัน ด้วยกระดูกขาทั้ง 4 ข้างหักสะบั้นจากแรงกระแทก
ทว่าจ้านอู่ตี้ไม่ยอมเสียเวลาแม้เพียงนิด เมื่อม้าล้มลง เขาก็พลันพุ่งกายไปข้างหน้า ก่อนจะไต่ทะยานตามหินผาโดยใช้ดาบปีนป่ายขึ้นไปต่อในทันที
จ้านอู่ตี้ผู้นี้กล้าหาญและบ้าบิ่นยิ่ง ทำให้จีหยิงเริ่มกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว “หยุดเขาเอาไว้ให้ได้ ! จงขว้างหินหรืออะไรก็ได้ลงไป !”
พวกทหารรับคำสั่ง และแม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ด้านพละกำลังนั้นเกินร้อย คนเหล่านั้นพากันขนย้ายก้อนหินออกมาแล้วขว้างลงไป ทำให้จ้านอู่ตี้ที่อยู่ระหว่างทางได้แต่ตวัดดาบปลดปล่อยคลื่นปราณซัดกลับมา
คลื่นปราณพุ่งขึ้นไปบดขยี้หัวพวกทหารที่ยื่นออกมาจนแหลกเหลวกระจายไปคนละทิศทาง
พวกทหารที่เหลือต่างก็หวาดกลัวจนหน้าซีดและไม่กล้ายื่นหัวออกไปอีก ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจ้านอู่ตี้อยู่ตรงไหนและได้แต่เขวี้ยงของลงไปมากกว่าเดิมเพื่อปิดช่องทางไม่ให้จ้านอู่ตี้หลบได้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิดไว้ …ด้วยจ้านอู่ตี้โดนก้อนหินกระแทกหน้าจนมึนงงก่อนที่จะโดนก้อนใหญ่กว่านั้นไล่ตามมาติด !
จ้านอู่ตี้กัดฟันอดทนไว้ แต่ว่าก้อนหินก็มากเกินกว่าที่เขาจะต้านทานได้ เขาปล่อยมือร่วงลงมาจนร่างกระแทกพื้น ก่อนที่ในสายตาของเขาจะสะท้อนให้เห็นก้อนหินมากมายที่กำลังตกลงมาอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาร่างก็จ้านอู่ตี้ก็ถูกทับถมไปด้วยก้อนหินจำนวนมหาศาล !!!
จีหยิงยื่นหัวออกไปแล้วเห็นภาพนี้ก็ครุ่นคิดไปไกล เพราะไม่มีทางที่คนหรือเทพเจ้าจะต้านทานก้อนหินขนาดนั้นได้หรอก ทำให้เขาหัวเราะออกมาดังลั่น “จ้านอู่ตี้ ต่อให้เจ้าจะเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพนับแสนได้หรอก !”
จ้านอู่ตี้ถูกทับด้วยก้อนหินมากมาย ทำให้พวกทหารหนิงที่เห็นหวาดกลัว แต่พวกเขาก็ตั้งสติอย่างรวดเร็ว รีบเข้าไปช่วย พยายามเอาก้อนหินออกมาพลางตะโกน “ท่านแม่ทัพ ! ท่านแม่ทัพ !”
วินาทีนั้นหินบนตัวของจ้านอู่ตี้ก็พลันกระเด็นออกไป ก่อนที่ตัวเขาจะลุกขึ้นยืน “ข้ายังไม่ตายโว้ย !”
ทุกคนมองจ้านอู่ตี้ด้วยสายตางุนงง และบอกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนหรือผี จากนั้นพวกเขาก็เข้าใจทันที “ท่านแม่ทัพยังไม่ตาย !”
จ้านอู่ตี้มองกองทัพของจีหยิงข้างบนแล้วส่ายหัว หน้าผามันชันเกินไปที่จะปีนขึ้น …ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกทหารที่ไม่มีวิชาแบบเขาเลย
ทว่าพวกหนิงกลับไม่สามารถถอนตัวได้โดยง่ายนัก เพราะแนวหน้าของพวกเขากำลังจะออกจากหุบเขานี่ได้แล้ว และถ้าหากถอยกลับมา ก็จะต้องปะทะกับกองทัพเฟิงในภูเขาแน่ !
ในตอนนี้เอง ก็เป็นจ้านอู่ฉางที่ได้ออกคำสั่งให้พวกทหารพุ่งฝ่าหุบเขานี้ไปอย่างเต็มที่ออกมา
ด้วยคำสั่งนี้ จ้านอู่ตี้ก็พลันเลิกลังเล เขาตะโกนเสียงดัง “ตามข้ามา !” พร้อมกับวิ่งฝ่าไปเป็นคนแรก เพื่อเปิดทางให้พวกทหารหนีออกไป
ในการต่อสู้นี้กองทัพหนิงเสียทหารไป 2 หมื่นนาย
เมื่อจ้านอู่ตี้เห็นจ้านอู่ฉาง ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ “พี่ใหญ่ คนที่โจมตีพวกเราคือจีหยิง !”
“จีหยิง ?” จ้านอู่ฉางตะลึง เขาคิดว่าจีหยิงเป็นแม่ทัพของซ่งเทียนเสียอีก “แล้วธงของพวกเขาเล่า ?”
“มันเป็นธงของพวกเฟิง !” จ้านอู่ตี้ไม่แน่ใจ สถานการณ์แบบนั้นเขาไม่ทันสังเกตอะไรทั้งสิ้น
“ถ้าเป็นธงเฟิง งั้นก็มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายได้ทำการทรยศซ่งเทียนแล้ว” จ้านอู่ฉางวิเคราะห์
“เจ้าคนต่ำช้าแบบนั้นไม่สมควรมีชีวิตอยู่ !” จ้านอู่ตี้หันกลับไปมอง “พี่ใหญ่ พวกเราจะต้องตัดหัวของจีหยิงกลับมาให้ได้ !”
อันที่จริงจ้านอู่ฉางเองก็อยากจะเข้าไปทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่เขานั้นใจเย็นกว่าจ้านอู่ตี้
พวกศัตรูอยู่ในหุบเขาและมีการป้องกันที่สูง ทำให้ไม่สามารถเข้าโจมตีได้โดยง่าย นี่ยังไม่พูดถึงอุปกรณ์มากมายที่ศัตรูเตรียมเอาไว้ป้องกันด้วย การสูญเสียจะต้องมีมากแน่ ๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นการกลับไปหาซ่งเทียนจะต้องยากขึ้นหลายเท่าตัว
คิดได้แบบนั้นจ้านอู่ฉางก็ส่ายหัว “ข้าจะต้องล้างแค้นให้พวกเจ้าแน่ แต่พวกเราต้องไปเมืองหยานเพื่อทำภารกิจหลักก่อน”
จ้านอู่ตี้หยิบดาบขึ้นมาแล้วรอคำสั่งที่จะให้ขึ้นไปข้างบน แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ก็ทำให้เขาแทบอ้าปากค้าง “อะไรนะ ? ไปเมืองหยาน ? พูดเป็นเล่น ! พวกศัตรูอยู่ข้างหน้าเราแล้ว เรายังจะต้องกลับไปที่เมืองหยานอีกงั้นเหรอ ?!”
จ้านอู่ฉางที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมืองหยานคือทุกอย่าง ! ถ้าเสียเมืองหยานไป พวกเราไม่รอดแน่ !”
“พี่ใหญ่ ?”
อู่ฉางตัดบทก่อนที่อีกฝ่ายจะพูด “ไม่ต้องพูด ข้าตัดสินใจแล้ว !”
จ้านอู่ตี้ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งผู้เป็นพี่ จึงได้แต่เก็บดาบแล้วถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
ทว่าจ้านอู่ฉางกลับมองภาพรวมไปพลาดไปหน่อย ด้วยไม่มีทางที่จีหยิงจะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แน่ !