บทที่ 356
บทที่ 356
หลีฉี่เริ่มลังเลอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าจะต้องสู้ต่อหรือถอยกลับดี
“แม่ทัพหลี่อย่ากังวลไปเลย !” เสี่ยวฮุ่ยและหวางซ่งมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้กัน และยังไม่ทันที่หลีฉี่จะได้ออกคำสั่งใด พวกเขาก็พากันพูดขึ้นก่อน “ถังหยินตายแล้ว พวกมันไม่มีแม่ทัพใหญ่แล้ว ไม่มีใครหยุดพวกเราได้หรอก ! พวกเจ้าทั้งหลาย ตามข้ามา !”
พวกเปิงที่เห็นว่าศัตรูกำลังอ่อนแอเลยใช้โอกาสนี้ตามแม่ทัพของพวกเขาเข้าไปในขบวนของพวกเทียนหยวนราวกับน้ำที่ไหลหลาก
จากนั้นพวกเทียนหยวนก็โผล่ออกมาจากสองข้างทางที่เป็นป่า มองจากไกล ๆ แล้วเหมือนกับคลื่นสีดำ จำนวนทหารคร่าว ๆ น่าจะมีราว ๆ 4 หมื่นนายได้ !
ทหารพวกนั้นต่างใส่เกราะสีดำและพกดาบในมือพร้อมกับโล่สีดำเข้าล้อมพวกเปิง ทำให้เสี่ยวฮุ่ยและหวางซ่งตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแม่ทัพที่มากไปด้วยประสบการณ์ แต่ก็ยังมีความตกใจอยู่บ้าง และอีกอย่าง พวกเขาก็ไม่คิดว่าจะโดนหลอกด้วยเรื่องอะไรแบบนี้ ซึ่งเมื่อพวกเขาคิดได้แบบนั้น ทั้งสองก็พากองทหารกลับมาหาหลีฉี่ในทันที
ก่อนที่จะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็เห็นกองทัพเทียนหยวนด้านหลังกำลังกระจายตัวออกปิดล้อม และมีแม่ทัพเทียนหยวนนายหนึ่งบนหลังม้าปรากฏตัวออกมา
คนผู้นั้นคือชายหนุ่มในชุดผ้าไหมไม่มีเกราะ เขาอายุราว ๆ 20 ปี สูงโปร่ง ผิวขาว มีใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาที่ดุดัน
ชายหนุ่มที่อยู่บนม้าผู้นั่นไม่รอช้าแม้แต่น้อย เมื่อก้าวออกมา เขาก็พลันร้องตะโกนถามทันที “ใครคือหลีฉี่ ?”
หลีฉี่กลืนน้ำลายแล้วหันกลับมองมาที่คนของเขา ก่อนจะมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า “ข้าเอง เจ้าคือใคร ?”
ชายหนุ่มลังเลก่อนตะโกน “ข้าคือถังหยิน !”
เสียงตะโกนนี้ดังก้องสะท้อนไปทั่วพื้นที่
ทหารเปิงที่ได้ยินคำนี้ต่างก็ไม่เชื่อในสายตาตัวเอง
กองทัพเทียนหยวนเองก็มีสภาพที่ไม่ต่างกัน พวกเขามองตั้งแต่หัวจรดเท้าว่าใช่ถังหยินตัวจริงหรือไม่ แต่เพราะว่าอยู่ไกลเกินไปจึงทำให้เห็นไม่ชัดเจนนักว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่
หลีฉี่หัวใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อได้ยินคำนั้น แต่ทว่าเขาก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว “เจ้าแกล้งทำเป็นถังหยินเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจสินะ ถังหยินตายไปแล้วไม่มีทางที่จะ…”
ก่อนที่จะพูดจบ ชายหนุ่มผู้นั้นก็พลันหัวเราะออกมา “หลีฉี่ ถ้าข้าไม่หลอกเจ้าว่าข้าตายแล้ว พวกเจ้าจะออกมาไหมล่ะ ? ตอนนี้พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว ดังนั้นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวของพวกเจ้าก็คือจงยอมจำนนเสียเถอะ”
หลีฉี่เปลี่ยนสีหน้าทันที ด้วยไม่ว่าชายคนนี้จะเป็นถังหยินจริงหรือไม่ แต่มันก็จริงที่ว่าพวกเขาถูกซุ่มโจมตีและโดนล้อมไว้หมดแล้ว อีกทั้งกำลังทหารตอนนี้ก็มีเพียง 5 หมื่นนายเท่านั้น …คงยากนัก ที่จะตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ !
ระหว่างที่กำลังสบถด่าในใจ เสี่ยวฮุ่ยก็พลันวิ่งออกมาข้างเขา “แม่ทัพหลี่ ข้าไม่เชื่อในเรื่องไร้สาระของเขาหรอกนะ ข้าจะไปเด็ดหัวมันมาให้เอง !” จากนั้นเขาก็ควบม้าทะยานออกไปยังชายหนุ่มอย่างไม่รอช้า
“ถ้าเจ้าเป็นถังหยินจริง ๆ เจ้าก็ออกมาสู้กับข้าสิ !”
ในกองทัพเปิงนั้น มีเพียงแค่เย่เฉิงคนเดียวที่เคยเห็นหน้าถังหยิน นอกจากนั้นทุกคนก็มักจะเห็นถังหยินในชุดเกราะเสมอ จึงทำให้ไม่มีใครในพวกเขารู้ว่าเป็นถังหยินจริงหรือไม่
…ชายหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมา “ข้าจะจัดการเจ้าใน 3 กระบวนท่า !”
พูดแบบนั้นพวกแม่ทัพข้างหลังเขาก็พลันขมวดคิ้ว
เสี่ยวฮุ่ยเริ่มหงุดหงิด เขาไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับใครภายใน 3 กระบวนท่าแน่ โดยเฉพาะกับเจ้าหนุ่มคนนี้ !
เขากู่ร้องออกมา “ข้าไม่สนเจ้าหรอก !” วินาทีนั้นเอง ถังหยินก็พลันหายไปจากหลังม้า และเมื่อหันกลับไป ก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังของเขา
เสี่ยวฮุ่ยรู้แล้วว่าอีกฝ่ายใช้วิชาสับเปลี่ยนเงา เขาเร่งปล่อยปราณกดดันออกมาเพื่อรับรู้การเคลื่อนไหวโดยรอบ และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เขาก็พลันได้ยินเสียงอาวุธกำลังพุ่งเข้ามา จึงได้ก้มหัวลงหลบ
วู่บ !
ปลายดาบเฉียดหัวเขาไปนิดเดียว
เสี่ยวฮุ่ยหันหน้ามองกลับไป และได้เห็นเข้ากับชายหนุ่มที่อยู่บนหลังม้าเช่นเดิม ทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด
หัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม ก่อนจะกระโดดตัวลอยแล้วใช้ดาบในมือแทงเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่รอช้า !
ทว่าชายหนุ่มกลับสามารถชักดาบออกมาปัดป้องดาบของเสี่ยวฮุ่ยได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังรวดเร็วมากพอที่จะแทงสวนกลับมาเสียด้วย !
เสี่ยวฮุ่ยที่อยู่กลางอากาศจึงต้องเอียงตัวกลิ้งหลบไปข้างทางอย่างไม่มีทางเลือก
ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงไม่รอช้า กระโดดจากหลังม้าแล้วใช้ดาบฟันลงมาใส่ไหล่ทั้งสองข้างของเสี่ยวฮุ่ยในพลัน
เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังแทงดาบเข้าใส่ เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่กล้าประมาท เขาเร่งทิ้งตัวแล้วกลิ้งหลบก่อนจะระเบิดพลังในกายออก !
คลื่นปราณมากมายถูกปลดปล่อยใส่ชายหนุ่มที่อยู่กลางอากาศ
ด้วยไม่มีพื้นให้เหยียบ ชายหนุ่มจึงไม่อาจหลบได้และต้องใช้วิชายุทธ์เพื่อรับมือมัน แต่เขาก็ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย ส่งผลให้เสี่ยวฮุ่ยยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นท่าทีของศัตรู
ทว่าภาพต่อมาก็ทำให้เขาต้องหุบยิ้ม เพราะแท้จริงแล้วพลังปราณพุ่งเข้าใส่แค่ภาพติดตาเท่านั้น !!! ส่วนตัวจริงนั้นได้ใช้วิชาหนีออกไปนานแล้ว ทำให้เสี่ยวฮุ่ยไม่อาจยิ้มได้อีก เนื่องจากพลังของเขาไม่สามารถทำอันตรายศัตรูได้เลย
เขานึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นมาเหนือหัวของเขา “กระบวนท่าที่สาม !”
ก่อนที่เสี่ยวฮุ่ยจะทันได้ทำอะไร หัวของเขาก็พลันถูกตัดกระเด็นออกไปด้วยดาบของชายหนุ่มในชั่วพริบตานั้น
สามกระบวนท่านั้นเร็วเกินไป แต่มันก็มากพอที่จะทำให้แม่ทัพเปิงคนนี้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ ชายหนุ่มเดินไปยังร่างนั่นแล้วเตะมันกลับไป “มีใครอยากจะสู้กับข้าอีกบ้าง ?”
วินาทีนั้นพวกเปิงไม่อาจเก็บอาการได้อีก ขนาดเสี่ยวฮุ่ยที่เก่งกาจก็ยังจบชีวิตได้ภายใน 3 กระบวนท่า หรือว่าชายคนนี้คือถังหยินจริง ๆ?
ชายหนุ่มที่เห็นพวกเปิงกำลังตื่นกลัวจึงใช้วิชาสับเปลี่ยนเงากลับมาที่ฝั่งของเขาเอง ก่อนจะหันไปพูดกับหลีฉี่ “หลีฉี่ เจ้าจะรออะไรอยู่อีก ทำไมถึงยังไม่ยอมแพ้เล่า ? เจ้าอยากจะตายขนาดนั้นเลยหรือ ?”
หลีฉี่ตัวสั่น เมื่อได้สติก็มองไปยังร่างของเสี่ยวฮุ่ยที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มคนนั้น พลางคิดว่าพวกเขาฉิบหายแล้ว !
ถ้าหากว่าครอบครัวของเขาไม่อยู่ในกำมือของซ่งเทียน เขาคงยอมแพ้ไปแล้ว นอกจากนี้เอง มันก็ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น เพราะหวางซ่งและคนอื่นต่างเองก็กำลังตะลึงจนมองหน้ากันเองอยู่เช่นกัน !
กองทัพเทียนหยวนเพิ่งจะจัดขบวนทัพได้ไม่นานนี้ แถมคนที่นำกองทัพเข้ามาก็คือถังหยินอีก นี่มันบ้าอะไรกัน !!
….ในสายตาของหลีฉี่นั้น เขาเห็นว่าถังหยินมีทีท่าสบายมาก ๆ ในขณะที่ทางฝั่งถังหยินนั้น พวกแม่ทัพของชายหนุ่มต่างก็รู้ดี และมองเห็นอย่างชัดเจนถึงร่างของถังหยินที่ไปด้วยเหงื่อและเลือดที่ไหลจากปากแผล กับขาที่สั่นเทานั่น !
ทุกคนรู้ว่าถังหยินบาดเจ็บหนักมาก แต่ตอนนี้เขาต้องแกล้งทำเป็นสบายดีไว้ก่อน จริง ๆ แล้วแม่ทัพคนอื่นพยายามห้ามชายหนุ่มไม่ให้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว แต่มันก็สายไป
หลังจากถังหยินจัดการเสี่ยวฮุ่ยได้ภายใน 3 กระบวนท่า เขาก็หมดแรงและแผลก็เปิดออกมาหมดทุกจุด ไม่งั้นแล้วด้วยนิสัยของชายหนุ่ม ทำไมเขาถึงกลับมายังฝั่งตัวเองหลังจากที่จัดการแม่ทัพศัตรูได้เร็วแบบนั้นล่ะ ?