บทที่ 410
บทที่ 410
ระหว่างที่เฉินปิงกำลังบ่นพึมพำ ดาบของจุยเฟิงเจียนก็ถูกเล็งเข้ามาที่ช่วงท้องของเขาแล้ว
เฉินปิงที่เห็นภาพนั้นได้แต่สบถในใจ เพราะความเร็วของอีกฝ่ายเร็วกว่าที่เขาคิด จนได้แต่เร่งใช้ดาบขึ้นมาป้องกัน ทว่าจังหวะนั้นดาบของจุยเฟิงเจียนกลับเปล่งแสงหลากสีออกมา แสดงให้เห็นว่าพลังยุทธ์กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา
เฉินปิงเกิดอาการลังเลหลังจากเห็นภาพตรงหน้า ก่อนที่เขาจะถูกแสงนั่นแยงตาจนเสียหลักถอยหลังกลิ้งตกจากหลังม้า
เขาตกลงมาอย่างหนักหน่วงจนตัวเต็มไปด้วยฝุ่น แต่โชคยังดีที่การกระทำนี้ทำให้หลบพลังหนามปราณของอีกฝ่ายไปได้ …ทิ้งให้ม้าของเขาถูกแทงจนตายคาที่แทน
เมื่อเห็นว่าพลังของอีกฝ่ายเก่งกาจมากและยังเหนือกว่า ทำให้เฉินปิงคิดที่จะวิ่งหนีโดยลืมไปว่าจ้านอู่ตี้กำลังนอนหมอบอยู่ที่พื้นบริเวณนั้น
…หลังจากที่เขาวิ่งออกไปได้สองก้าว จ้านอู่ตี้ก็พลันลุกขึ้นมาแล้วใช้ดาบฟันเข้าที่หัวเข่าของเขา
ขาทั้งสองข้างถูกฟันจนเกราะปราณไม่อาจป้องกันได้ไหว ทำให้เฉินปิงล้มลงบนพื้นและกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
จ้านอู่ตี้ฉวยโอกาสนั้นสูดหายใจก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเฉินปิง จากนั้นจึงยกดาบขึ้นฟันจนอีกฝ่ายตัวขาดครึ่งตายในทันที
เรื่องที่เฉินปิงถูกฆ่าด้วยน้ำมือของจ้านอู่ตี้ พวกอิงปูได้แต่เพียงจ้องมองเท่านั้น …พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
หัวใจของอิงปูรู้สึกผิดมาก เขากำหมัดแน่นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะจากสถานการณ์ในตอนนี้มันก็แน่ชัดแล้วว่าจุยเฟิงเจียนมีพลังที่เก่งกาจขนาดไหน
อิงปูชี้นิ้วไปยังจุยเฟิงเจียนแล้วกัดฟันถามกับแม่ทัพของเขา “หมอนี่มันเป็นใคร ?”
พวกแม่ทัพโดยรอบทำอะไรไม่ถูก พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกไป จนกระทั่งมีคนใช้เนตรทิพย์ส่องพลังของจุยเฟิงเจียนแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายมีพลังที่สูงกว่าทุกคนในที่นี้
ทันใดนั้นก็มีแม่ทัพเฟิงนายหนึ่งที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ข้าได้ยินมาว่าซ่งเทียนมีองครักษ์ที่เก่งกาจอยู่ เขาอาจจะเป็นคนที่ว่าก็ได้”
เมื่ออิงปูได้ยินก็พยักหน้าให้ เพราะถ้าเกิดว่าชายคนนั้นเป็นคนของพวกหนิง เขาก็น่าจะมีชื่อเสียงเลื่องลือไปนานแล้ว แต่นี่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่าแม่ทัพของเขาไม่ได้พูดอะไร ทหารชั้นผู้น้อยโดยรอบอิงปูก็ยิ่งตื่นตระหนก เพราะพวกเขาอยู่กับเฉินปิงมานาน แต่ในเวลานี้เขากลับต้องมาตายอย่างน่าอนาถ แล้วมีหรือที่พวกเขาจะนิ่งเฉยได้ !! “ท่านแม่ทัพให้ข้าสู้เถอะ!”
“ท่านแม่ทัพให้ข้าสู้เถอะ !!”
ทุกคนพยายามอยากจะออกไปล้างแค้นให้กับเฉินปิง แต่ทว่าอิงปูกลับส่ายหัว “จ้านอู่ตี้เก่งมากเกินไป แถมคนที่มากับเขาก็แข็งแกร่งไม่ต่างกัน ต่อให้พวกเราร่วมมือกันก็คงเอาไม่ลงหรอก”
“สหายของพวกเราตายอย่างน่าอนาถ ท่านจะให้พวกเราอยู่เฉย ๆ หรือ ?”
“ถูกต้องท่านแม่ทัพ จะให้พวกเราอยู่เฉย ๆ หรือ ?”
ระหว่างที่อิงปูกำลังครุ่นคิดอยู่ จ้านอู่ตี้ก็พลันสบถด่าออกมาต่อหน้าพวกเขา “อิงปูออกมานะเว้ย ! เจ้าคนขี้ขลาด !”
ไม่มีใครที่ทนต่อการเหยียดหยามขนาดนี้ได้ อิงปูรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วโมโหเขาอยู่ ดังนั้นจึงกดความรู้สึกเอาไว้ พยายามไม่แสดงท่าทีใดออกไป
เขาทนได้ก็จริง แต่พวกลูกน้องไม่อาจทนได้ หนึ่งในแม่ทัพของเขาไม่รอช้า เร่งรีบควบม้าวิ่งเข้าไปหาจ้านอู่ตี้ในทันที
จ้านอู่ตี้ไม่รู้จักอิงปู และเมื่อเห็นว่ามีคนวิ่งเข้ามา เขาก็ไม่รอช้าที่จะตะโกนออกไป “เจ้าคืออิงปูหรือ ?”
“ไม่ต้องรู้หรอก !” แม่ทัพนายนั้นร้องออกมาแล้วแทงหอกเข้าไป
เมื่อเห็นจ้านอู่ตี้ถอยกลับไปจากการโจมตีนั้น มันก็ทำให้แม่ทัพผู้นี้ยิ่งได้ใจ เขาเร่งรีบควบม้าวิ่งเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ส่วนจ้านอู่ตี้เองก็ถอยไม่หยุด จนกระทั่งหลบไปอยู่ข้างตัวจุยเฟิงเจียน
ในเวลานี้จิตใจแห่งการต่อสู้กำลังลุงโชน ดังนั้นต่อให้แม่ทัพเฟิงจะเห็นว่าอีกฝ่ายมีกำลังเสริม ทว่าเขาก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย ทั้งยังคงใช้หอกเสือกแทงเข้าไปไม่หยุดเช่นเดิม
…จ้านอู่ตี้ถอยกลับมาโดยใช้จุยเฟิงเจียนเป็นคนออกหน้า
ส่วนจุยเฟิงเจียนที่เห็นคมหอกของอีกฝ่ายกำลังเข้ามาก็ได้ฟันดาบปลดปล่อยลมออกมา และเพราะจุยเฟิงเจียนมีขั้นพลังยุทธ์แข็งแกร่งกว่า กระบวนท่าของอีกฝ่ายจึงถูกทำลาย เช่นเดียวกับร่างของแม่ทัพเฟิงนายนั้นที่ถูกสายลมนั่นพัดผ่านจนเหลือแค่เพียงกระดูกติดเศษเนื้อ
พลังของจุยเฟิงเจียนทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตะลึงไปตาม ๆ กัน
อิงปูได้แต่มองพี่น้องของเขาตายอย่างน่าสมเพชอีกครั้ง เขาจึงทั้งโกรธและเสียใจในเวลาเดียวกันจนต้องตะโกนออกมาว่า “ถ้าข้าไม่สั่ง ห้ามออกไปโดยเด็ดขาด !”
พวกแม่ทัพเฟิงต่างก็ยืนนิ่งไม่ขยับตัวตามที่อิงปูบอกเอาไว้ เพราะต่อให้พวกเขารวมตัวกันทั้งหมด มันก็ไม่อาจเอาชนะสองคนนี้ได้อยู่ดี !!!
การที่จุยเฟิงเจียนจัดการศัตรูได้ภายในดาบเดียว ทำให้จ้านอู่ตี้เริ่มมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปหาจุยเฟิงเจียนแล้วตะโกน “มีใครอยากตายอีกไหม ? ไอ้สารเลวอิงปูโผล่หน้าออกมาสิวะ !”
อิงปูนั่งอยู่บนม้าไม่ขยับไปไหน
และเมื่อเป็นเช่นนั้น จ้านอู่ตี้จึงร้องตะโกนออกมาอีกครา “ช่างขี้ขลาดเสียจริง นี่เจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่แน่หรือ ?”
เมื่อสิ้นคำยั่วยุ จุยเฟิงเจียนก็พลันเดินเข้าไปหาพวกทหารที่ทางผ่านบาในทันที
จ้านอู่ตี้ว่าใจร้อนแล้ว จุยเฟิงเจียนกลับใจร้อนกว่าเขาอีก !!
อิงปูที่เห็นแบบนั้นก็จึงตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก “พลธนูเตรียมยิง !”
กองทัพเทียนหยวนจะมีทหารที่ใช้งานอาวุธทุกอย่างเป็น แต่กองทัพเฟิงนั้นจะมีเฉพาะทหารที่ใช้อาวุธเฉพาะของตัวเอง ดังนั้นแล้วพวกพลธนูก็จะใช้แค่ธนูจากระยะไกลเท่านั้น
พวกพลธนูง้างคันศรขึ้นมาแล้วเล็งไปยังจุยเฟิงเจียน
เมื่อเห็นเป้าหมายเข้าใกล้ระยะมาแล้วแต่อิงปูก็ยังไม่ออกคำสั่งให้โจมตี มันก็ทำให้ทุกคนงงกันไปหมด พวกเขาต่างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เข้าใจว่าแม่ทัพใหญ่ของตนกำลังรออะไรกันแน่ ?
เมื่อจุยเฟิงเจียนเดินเข้ามาใกล้ขึ้น อิงปูก็ไม่กล้าชักช้าอีก ฉับพลันนั้นเขาโบกมือออกคำสั่งในทันที “ยิงได้ !”
คำสั่งถูกถ่ายออกมา พวกทหารเฟิงต่างก็ปล่อยมือส่งลูกศรออกไปบนท้องฟ้ามากมายในฉับพลันนั้น
ถ้าเจอแบบนี้เข้าไป จุยเฟิงเจียนจะสามารถหลบได้หรือไม่ ?