คำสั่งของจ้านอู่ฉางถูกถ่ายทอดไปยังจ้านอู่ตี้ ฮ่าวจ้าว และเจี๋ยนฟานอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งสามก็ไม่รอช้า พวกเขารีบนำกองทหาร 2 หมื่นนายที่เตรียมเอาไว้มุ่งหน้าออกไปทางค่ายของพวกเฟิงในทันที
…ขบวนรบที่เป็นความหวังสุดท้ายของซ่งเทียนเดินหน้าต่อเนื่องโดยมีสามแม่ทัพนำหน้าสุด จนกระทั่งพวกเขาเริ่มเห็นกองทัพเฟิงและค่ายของพวกศัตรูแล้ว
และถ้าพวกเขาเห็นพวกเฟิง พวกเฟิงก็เห็นพวกเขาเช่นกัน สองทหารเฟิงที่ยืนเฝ้ายามหน้าซีดในพลันเมื่อเห็นว่าเจี๋ยนฟานกำลังง้างธนูเตรียมยิงแล้ว
ลูกศรปราณถูกยิงออกมา 2 ดอก และเมื่อพุ่งออกไป มันก็พลันกลายเป็นแสงสีทองบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ก่อนที่จะมาหยุดลงที่ทหารยามทั่งสอง
ในระยะที่ไกลแบบนี้ ฝีมือของเจี๋ยนฟานไม่ได้ตกลงเลย ธนูทั้งสองดอกพุ่งเข้าใส่ลำคอของสองทหารยามอย่างแม่นยำก่อนจะทะลุออกไปทันที !
…ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและจบลงภายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
สองทหารยามตายลงโดยไม่ทันได้แจ้งเตือนอะไรทั้งนั้น
จ้านอู่ตี้กับฮ่าวจ้าวที่อยู่ข้าง ๆ เจี๋ยนฟานพยักหน้าให้ พวกเขายอมรับความสามารถในการยิงธนูของชายคนนี้จริง ๆ
หลังจากจัดการทหารยามได้แล้ว พวกจ้านอู่ตี้ก็พลันวิ่งนำเข้าไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาตรงเข้าไปหน้าค่ายทั้งแบบนั้นเลย และกว่าที่พวกทหารยามจะรู้ตัวมันก็ช้าเกินไป ด้วยมาตอนนี้ พวกศัตรูได้เข้ามาในค่ายของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !!!
เหล่าทหารเฟิงที่เห็นแบบนั้นพลันทิ้งทุกอย่างและวิ่งหนีในทันที พวกเขาไม่คิดแม้แต่จะหมุนตัวกลับไปปิดประตูค่ายด้วยซ้ำ ทำให้จ้านอู่ตี้วิ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดายยิ่ง
เมื่อจ้านอู่ตี้มองรอบ ๆ เขาก็ได้เห็นเข้ากับพวกเฟิงที่กำลังกรีดร้องวิ่งหนีไป ทว่านอกจากทหารยามเหล่านั้นแล้ว ทั้งค่ายก็ไม่มีใครเลยสักคนเดียว
ภาพตรงหน้าทำเอาจ้านอู่ตี้หัวเราะลั่น ด้วยกองทัพเทียนหยวนตกหลุมพรางของพี่ใหญ่ของเขาแล้วจริง ๆ! ทำให้ทั้งกองทัพขึ้นเหนือไปทั้งหมด ปล่อยให้ค่ายทั้งหมดว่างเปล่าไม่มีผู้คนอยู่เลย !
เขาหันไปตะโกน “สหาย เราไปฆ่าถังหยินแล้วเผาค่ายพวกมันกัน !” หลังสิ้นเสียง ทั้งหมดก็พากันวิ่งตามจ้านอู่ตี้ไปยังค่ายหลักอย่างไม่รอช้า
รอบข้างทางมีเพียงคบเพลิงต้อนรับพวกเขาเท่านั้น ทว่ามันกลับไม่มีทหารเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนทั้งสามที่กำลังคึกสุดขีดก็เอาแต่ควบม้าวิ่งต่อไปโดยไม่สังเกตถึงความผิดปกติ
และเมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าค่ายหลัก พวกเขาก็พากันหยุดม้าแล้วมองเข้าไปจนได้เห็นเข้ากับใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่
ชายคนนั้นมีเกราะสีเงินและไม่มีหมวกเกราะ ทำให้เห็นเข้ากับใบหน้าที่ขาวผ่องและคิ้วหนา ส่วนข้างกายเขาก็มีดาบเล่มใหญ่อยู่ด้วย
“พวกเจ้ามาช้าเกินไปแล้ว !” แม่ทัพคนนั้นลืมตาตื่นขึ้น เขาลุกขึ้นแล้วหยิบหมวกเกราะที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาสวมไว้
น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและนิสัยเลือดร้อนนั้นง่ายต่อการที่จะระบุตัวยิ่ง ดังนั้นแล้วทันทีที่ได้ยินเสียง พวกเขาทั้งสามก็รู้ในทันทีว่าคนตรงหน้าคือหยวนยู่นั่นเอง !!!
“หยวนยู่ผู้นี้พร้อมแล้ว ถ้าอยากปะทะ ก็จงเข้ามา !”
แม่ทัพทั้งสามอยากจะกรีดร้องออกมาทันทีที่พบว่าชายคนนี้ไม่ใช่ถังหยิน ทว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ เห็นทีก็คงจะสายเกินไปแล้วที่จะกลับตัว !!
“นายท่านเดาเอาไว้แล้วว่าพวกเจ้าจะต้องมา ดังนั้นอย่าหนีไปไหนเชียว !” ระหว่างพูด หยวนยู่ก็เดินออกมาพร้อมกับเกราะปราณและอาวุธปราณในมือ
จากนั้นก็มีเสียงคนวิ่งจำนวนมากดังขึ้น ก่อนจะเป็นทหารเฟิงมากมายที่พากันวิ่งกรูกันเข้ามาจากทุกทิศล้อมพวกจ้านอู่ตี้เอาไว้ เช่นเดียวกับทั้งค่ายในตอนนี้ที่ถูกจุดไฟติดราวกับเป็นตอนกลางวันเลยทีเดียว
พวกเขาติดกับพวกศัตรูเข้าให้แล้ว !! ทั้งสามแม่ทัพรู้ตัวแล้วแต่มันก็สายเกินไป….
หยวนยู่พลันชี้ดาบไปข้างหน้า “ยิงได้ !”
สิ้นเสียงคำสั่ง ห่าฝนธนูจำนวนมากก็ถูกยิงออกมาจากป่ารอบค่ายเข้าใส่พวกจ้านอู่ตี้
และเพราะว่าพวกเปิงออกมาลอบโจมตี พวกเขาจึงมีแต่อาวุธเบาและไม่มีเกราะหรือโล่ใด ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านทานลูกธนูได้เลย
…ฝนธนูมากมายทำให้พวกเปิงกรีดร้องออกมา ก่อนที่พวกเขาจะล้มตายกันนับไม่ถ้วนจนเกิดโลหิตไหลนองไปทั่ว
แม้แต่จ้านอู่ตี้ ฮ่าวจ้าว เจี๋ยนฟานเองก็ยังโดนธนูยิงเข้าไปบ้าง ทว่าโชคยังดีที่พวกเขามีเกราะคอยปกป้องตัวเองอยู่
“ถอยก่อน !” จ้านอู่ตี้ไม่มีอารมณ์จะสู้ต่อแล้ว เขาสั่งให้ทหารตัวเองถอยกลับไปทันที ด้วยไม่ใช่แค่เพียงพวกศัตรูรู้ถึงแผนเท่านั้น แต่พวกมันยังวางแผนซ้อนแผนเอาไว้อีกด้วย !!
ห่าฝนธนูของพวกเฟิงเทียบเท่าได้กับของพวกหนิงแล้วในตอนนี้ มันถูกยิงออกมามากมายจนต่อให้เป็นผู้มีพลังปราณสูงแค่ไหนก็สามารถตายได้
ฝนธนูยังคงถูกยิงอยู่เรื่อย ๆ มันปักเข้าใส่ร่างพวกเปิงที่อยู่ในที่โล่งจนล้มนอนตายเป็นจำนวนมาก
สามแม่ทัพมองหาช่องทางหลบหนี ก่อนที่จะตะโกนบอกพวกของตัวเองให้ถอยกลับ
ทหาร 2 หมื่นนายของพวกเปิงถูกกวาดล้างโดยพวกเฟิงแถมยังถูกไล่ตามมาอีก จ้านอู่ตี้ในตอนนี้มึนงงไปหมดระหว่างทางที่กำลังวิ่งมาถึงหน้าประตูค่าย
ขบวนรบของพวกเฟิงนั้นไม่เป็นระเบียบ ทำให้ทหารบางส่วนเข้าไปปิดประตูค่ายเอาไว้ทันเวลาจนทำให้ไม่มีใครสามารถหนีออกไปได้
ที่ด้านหน้าขบวนรบมีสองแม่ทัพเฟิงอยู่ หนึ่งในนั้นมีอายุ 30 หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาคมกริบ มีผ้าคลุม ห้าวหาญ และมีหน้าตาที่คมคาย อีกคนมีอายุ 20 ไม่มีเกราะมีเพียงแค่ชุดนอนและมีมงกุฎหยกบนหัว ใบหน้าไร้หนวดเครา คิ้วคมกริบ จมูกโด่ง หน้าตาดุดัน ดูแล้วหล่อเหลา อีกทั้งรอยยิ้มบนใบหน้ายังให้ความรู้สึกชั่วร้ายยิ่งกว่าผีห่าซาตานตนใดในโลกนี้เสียอีก
เขาคือถังหยินกับมูฉิงนั่นเอง !!
เมื่อเห็นจ้านอู่ตี้ที่วิ่งหนีมา มันก็ทำให้ถังหยินยิ้มกว้าง ก่อนที่ชายหนุ่มจะตะโกนลั่นออกมา “แม่ทัพจ้าน ไม่ได้พบกันนานเชียว เจ้าไปอยู่ที่ไหนมากัน ?”
เป้าหมายหลักของจ้านอู่ตี้คือถังหยิน และในตอนนี้สิ่งเขาต้องการก็อยู่ตรงหน้าแล้ว !!
เมื่อเห็นถังหยินอยู่ตรงหน้าแบบนี้ จ้านอู่ตี้ก็ตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม และแม้ว่าทหารที่อยู่ข้างหลังเขาจะน่ากลัว แต่การที่ถังหยินอยู่ตรงหน้ามันก็ย่อมหมายความว่ากองทัพหลักอยู่ทีนี่ด้วยเช่นกัน แล้วแบบนี้เขาจะฝ่าออกไปได้ยังไง ?!