บทที่ 462
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหยินและเจี๋ยนฟานร่วมมือกัน แต่พวกเขาประสานงานกันได้ดีอย่างน่าประหลาด ซึ่งตัวของถังหยินก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะคว้าอู่เหมยกลับมา พร้อมกับที่เขากวัดแกว่งดาบเข้าปัดป้องการโจมตีที่กำลังตรงเข้ามา
แคร้ง !
ตู้มม !
เมื่อดาบปราณปะทะกัน กระแสการปะทะก็ส่งแรงผลักออกไปทั่ว ทำให้ฝุ่นละอองกระจายและแม้แต่พื้นดินก็ยังต้องสั่นสะเทือน !!
พลังของชุยหยุนเจียนนั้นสูงมาก แต่หลังการปะทะอย่างแรง แขนของเขากลับชา หน้าอกอึดอัดเหมือนมีเลือดไหลเข้าลำคอ ทว่าถึงเป็นเช่นนั้นหากแต่ก็ต้องฝืนทนเอาไว้ ด้วยตอนนี้ห้ามประมาทเด็ดขาด !!!
ว่าแล้วชุยหยุนเจียนพลันตะโกนและปลดปล่อยพลังแปรรูปลักษณ์พลังปราณออกมา ทำให้ดาบปราณในมือของเขารวดเร็วดั่งสายฟ้า มันข้ามผ่านดาบของถังหยิน และฟาดฟันเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา !!!
หากแต่ฝ่ายหลังกลับรวดเร็วกว่า ถังหยินรีบใช้วิชาสลับเงาเปลี่ยนเป็นกลุ่มหมอกดำ ก่อนจะมาปรากฏขึ้นเหนือหัวของชุยหยุนเจียน เช่นเดียวกับเคียวในมือของเขาที่เล็งตรงไปยังใบหน้าของชุยหยุนเจียนและตวัดฟันด้วยพลังทั้งหมดที่มี
คราวนี้ชุยหยุนเจียนไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าตรง ๆ ร่างกายของเขากลิ้งเหมือนลูกบอลถอยฉากหลบไป
ฉับ ! เคียวไม่ได้ฟาดลงไปที่ชุยหยุนเจียน มันแทงลึกลงไปในพื้น เปิดช่องให้ชุยหยุนเจียนโบกดาบปราณของเขาเข้าแทงไปที่ลำคอของถังหยิน หากทว่าชายหนุ่มกับอาศัยเคียวที่ปักกับพื้น ทำการงัดเศษหินและฝุ่นให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว !!!
เห็นได้ชัดว่าชุยหยุนเจียนไม่ได้คาดคิดว่าถังหยินจะกล้าใช้กลอุบายที่น่ารังเกียจเช่นนี้ และเพราะมีเกราะปราณปกป้องจึงไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก หากแต่การมองเห็นภายใต้ฝุ่นควันกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ !
ในมุมมองของถังหยิน ไม่มีการกระทำใดที่ชั้นต่ำ ตราบใดที่มันทำให้ชนะ ชายหนุ่มก็ล้วนยินดีที่จะใช้ทั้งนั้น !!! และเมื่อเห็นดวงตาที่ปิดสนิทของชุยหยุนเจียน มีหรือที่ถังหยินจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ? เขาไม่รอช้าไม่แต่น้อย เร่งยกคมเคียวขึ้นและฟันลงจากด้านข้างอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสลม ชุยหยุนเจียนที่ไม่สามารถลืมตาก็ได้ทำการยกดาบปราณขึ้นสูงปิดกั้นการโจมตีของถังหยิน หากแต่คราวนี้ชายหนุ่มไม่คิดยอมที่จะถอย เขาใส่แรงจากแขนทั้งสองข้างลงไป บีบให้ชุยหยุนเจียนจำต้องแปรงส่วนปลายดาบให้กลายเป็นแส้เข้าโจมตีถังหยินแทน !!
อันที่จริง ถ้าหากเขาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด การต้องการต่อสู้กับถังหยินนั้นไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ ทั้งพลังปราณยังแทบว่างเปล่า แล้วแบบนี้จะให้เอาแรงที่ไหนเข้าต้านทานถังหยิน ?!
ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของชายหนุ่ม ดาบปราณในมือของชุยหยุนเจียนก็ค่อย ๆ ถูกแรงกดดันให้จมลง ทำให้ปลายคมเคียวเข้าใกล้หน้าผากของเขามากขึ้น
ก่อนที่เคียวจะลงมาถึง ชุยหยุนเจียนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานเย็นที่ทะลุทะลวงกระดูกและจิตวิญญาณของเขา และนี่ มันก็เป็นเพราะไฟแห่งความมืดที่กำลังเผาไหม้อยู่บนเคียวอย่างน่ากลัวนั่น !!!
….นี่เป็นครั้งแรกที่ชุยหยุนเจียนพบว่าแท้จริงแล้วไฟแห่งความมืดไม่ได้ร้อนอย่างที่รูปลักษณ์ของมันเป็น !!!
เมื่อปลายใบมีดของเคียวสัมผัสกับศีรษะของชุยหยุนเจียน มันก็ส่งเสียงขู่ฟ่อทันที เช่นเดียวกับเกราะปราณบนหน้าผากของชุยหยุนเจียน ที่เริ่มมีควันจากการเผาไหม้ของเปลวไฟแห่งความมืด และหากยังคงเป็นเช่นนี้ เกราะปราณของเขาจะสลายไปจนหมดแน่ !!
…ในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตายนี้เอง ชุยหยุนเจียนพลันปะทุกำลังทั้งหมดที่มี ทำการผลักเคียวของถังหยินขึ้นเล็กน้อย จากนั้นอาศัยจังหวะนั้นกลิ้งตัวลงกับพื้นหลบฉากไป
แคร้ง !
เคียวของถังหยินแทงทะลุพื้นอีกครั้ง ในขณะที่ชุยหยุนเจียนกลิ้งหลบออกไป และเมื่อลุกขึ้นยืนได้อีกครา ถังหยินที่เงยหน้าขึ้นมองก็ได้พูดเบา ๆ ว่า “ชุยหยุนเจียน เจ้าไม่ควรอ่อนแอขนาดนี้ ไหนขอดูสิว่าเจ้าทำอะไรได้อีกบ้าง !” ว่าแล้วชายหนุ่มก็พลันตวัดเคียวเข้าใส่ชุยหยุนเจียนอีกครั้ง ก่อนที่ทันใดนั้นชุยหยุนเจียนจะลดดาบปราณในมือลง จากนั้นจึงร้องตะโกนออกมา “เดี๋ยวก่อน !?”
ร่างกายของถังหยินหยุดชะงักไป ก่อนที่เขาจะถามด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาว่า “ยังมีอะไรจะพูดอีกหรือ ?”
“…เราตกลงกันได้นะ !” ซุนเฟิงเจียนกล่าว
“เจ้าหมายความว่าไง ?” ถังหยินเหล่มองเขา
“ข้ามีเรื่องที่เจ้าต้องอยากรู้อย่างแน่นอน… แต่เจ้าต้องปล่อยข้าไป…” ชุยหยุนเจียนพูดทีละคำในขณะที่จ้องไปที่ถังหยินโดยไม่กะพริบตาเพื่อดูปฏิกิริยาของชายหนุ่ม
แต่เนื่องจากถังหยินมีเกราะปราณปกปิดใบหน้า เขาจึงมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของถังหยินแม้แต่น้อย…
“หึหึ ?” ถังหยินหัวเราะออกมา ก่อนที่จะพูดว่า “ถ้าข้าได้รู้เรื่องที่ข้าอยากรู้… ข้าถึงจะปล่อยเจ้าไป !”
ชุยหยุนเจียนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนในที่สุดเขาจะทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ “ภายในวังยังมีคนจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่อีก แต่ข้านั้นไม่รู้รายละเอียดมากไปกว่านี้ รู้เพียงว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิง !” นอกจากองครักษ์แล้ว มันก็ไม่มีชายอื่นในวังอีก อย่างไรก็ตามเรื่องที่ได้ยินครานี้เป็นสิ่งที่ถังหยินไม่ได้คาดคิดมากก่อน ด้วยหากเป็นความจริง งั้นแล้วจะเป็นใครเล่า ? พวกนางกำนัลอย่างนั้นเหรอ ?
ในช่วงเวลานั้น ถังหยินพลันนึกถึงบรรดานางสนมและสาวใช้ในวังที่เขาเคยพบมาเจอ ก่อนที่ในที่สุดจะส่ายหัว ด้วยขอแค่ใช้สัญชาตญาณอันเฉียบคมที่มี มันก็คงมากพอแล้วที่จะจับผิดคนที่แฝงตัวอยู่ !
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถังหยินก็พลันยิ้มและถามว่า “เจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือว่าคนคนนั้นคือใคร ?”
“ใช่ ข้าไม่รู้ เท่านี้เจ้าปล่อยข้าไปได้รึยัง ?”
“คงไม่ได้ เพราะเรื่องที่เจ้าพูดมันไม่น่าเชื่อเลยแม้แต่น้อย !” ถังหยินยิ้มขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า แล้วก็ยกเคียวในมือชี้ไปที่ชุยหยุนเจียนขณะพูดว่า “เพราะฉะนั้น… ไปตายซะ !” ในขณะที่พูดเขาก็พลันก้าวไปบนพื้นด้วยขาข้างเดียวแล้วกระโจนเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
การแสดงออกบนใบหน้าของชุยหยุนเจียนเปลี่ยนไปอย่างมาก ด้วยอีกฝ่ายรวดเร็วเกินไป และเมื่อถังหยินพึ่งตัวเข้ามาแบบนี้แล้ว เขาก็ได้แต่กลั้นใจแทงดาบปราณสวนเข้าใส่เท่านั้น !!!
ร่างกายของถังหยินตกลงไปข้างหน้า หลบแสงอันแหลมคมของดาบปราณได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เคียวในมือของเขาจะแทงเข้าไปที่ท้องส่วนล่างของชุยหยุนเจียน
บัดซบ !! เขาอุทานในใจ ! ด้วยภายใต้สถานการณ์ที่ไร้หนทาง ชุยหยุนเจียนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องใช้ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อขวางการโจมตีของถังหยิน !!!
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ร่างของถังหยินพลันหายไปในอากาศ ก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมกับคมเคียวที่แทงเข้าใส่เอวของชุยหยุนเจียน !!!
ชุยหยุนเจียนเหงื่อแตก เร่งรีบหลบไปด้านข้าง แต่น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของเขาช้าเกินไป ใบมีดของเคียวทำให้เกราะปราณของเขาเกิดรอยแตกขนาดใหญ่ลึกเกือบที่จะเข้าเนื้อ ก่อนที่ชั่วพริบตานั้น คมเคียวจะแยกจากกันกลายเป็นดาบสองเล่มในทันที !
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ชายหนุ่มตวัดดาบเข้าใส่ในฉับพลันนั้น ทำให้เกิดเสียงดังแหวกอากาศดังขึ้น
ซุ่ม ! ซุ่ม ! ซุ่ม ! ซุ่ม !
เสียงลมดังออกมาอย่างต่อเนื่องรุนแรงจนเห็นร่างของถังหยินได้อย่างไม่ชัดเจนเท่าใดนัก
ภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งของถังหยิน แม้ว่าชุยหยุนเจียนจะใช้ดาบปราณเข้าต้าน แต่มันก็ยากนักที่จะตอบโต้กลับได้ เขาทำได้เพียงปัดป้องไปเรื่อย ๆ ด้วยไม่ต้องการให้เปลวไฟแห่งความมืดย่างสดร่างตน !!
เมื่อการต่อสู้มาถึงขั้นนี้ สถานการณ์มันก็เปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อความตายอีกต่อไป หากแต่เป็นการต่อสู้ที่ถังหยินได้เปรียบเพียงฝ่ายเดียว !
“ช้าเกินไป นี่คือสุดฝีมือของเจ้าแล้วอย่างนั้นเหรอ… ?” ถังหยินเพิ่มบาดแผลให้กับร่างกายของชุยหยุนเจียนเป็นครั้งคราว ทำให้อีกฝ่ายความเจ็บปวดจนร่างกายกระตุกเป็นระยะ
ในเวลานี้เกราะปราณได้รับความเสียหายอย่างหนักเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ และมีบาดแผลมากมายบนร่างกายของชุยหยุนเจียนภายใต้ชุดเกราะ
ภาพตรงหน้าทำให้แม้แต่อู่เหมยที่เกลียดชุยหยุนเจียนจนถึงกระดูกดำก็ยังขมวดคิ้ว ด้วยนางรู้สึกว่าวิธีการของถังหยินนั้นโหดเหี้ยมเกินไป
หลังจากกัดฟันและอดทนมามากกว่าสิบกระบวนท่า ชุยหยุนเจียนก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ขาทั้งสองข้างของเขาพลันอ่อนยวบลงกับพื้น เช่นเดียวกับที่ดวงตาของเขาในตอนนี้ว่างเปล่าไร้ซึ่งประกายใด
เมื่อเห็นว่าชุยหยุนเจียนถึงขีดจำกัด ถังหยินก็คิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องเผด็จศึกแล้ว เขาพลิกข้อมือไปข้างหลัง จากนั้นจึงทำการโจมตีครั้งสุดท้ายอย่างหนักหน่วง !!
โครมมมม !
เกราะปราณถึงขีดจำกัดและแตกเป็นเสี่ยง ๆ ชุยหยุนเจียนกระเด็นออกไปตามแรงราว 1 จั้ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดัง ‘ตุบ’ และร่างของอีกฝ่ายนอนลงบนพื้นกับเลือดที่ไหลอาบปกคลุมไปทั่วกาย