บทที่ 467
ถังหยินเคลื่อนไหวเร็วมากจนน้ำชากระเด็นออกไปไกล ทว่าชายคนนั้นกลับหลบมันได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเก็บซ่อนพลังปราณเอาไว้ทำให้ไม่สามารถถูกตรวจพบได้ อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่อาจซ่อนสัญชาตญาณที่มีในตัวได้ ส่วนถังหยินก็ตาลุกวาวขึ้นในพลันที่เห็นอีกฝ่ายหลบมันได้ วินาทีนี้เขารู้เลยว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน !!
ในขณะเดียวกัน ชายคนนั้นพลันตัวแข็งทื่อแล้วหันมองถังหยิน ด้วยเขารู้แล้วว่าตนเองถูกเปิดเผยแล้ว !! ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ชายหนุ่ม เพราะมูฉิงและคนอื่น ๆ เองต่างก็มองภาพตรงหน้าอย่างสนใจ
ทุกคนต่างมองภาพตรงหน้าโดยไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครขยับ ไม่มีใครเคลื่อนไหว ทุกคนราวกับว่าถูกหยุดเวลาเอาไว้
ในเวลาเดียวกันนั้น พลันมีบริกรอีกคนเดินเข้ามา และเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็พลันชะงักไป “พวกท่าน ?” ก่อนจะพูดจบ …ผู้ช่วยคนนั้นก็ผลักบริกรที่เข้ามาใหม่ใส่ถังหยินแล้ววิ่งหนีหายไปทางหลังร้านในทันที
ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงขยับตัวหลบ ก่อนที่จะโกนออกมา “จับเขาไว้ ! สั่งให้ทุกคนล้อมที่นี่เดี๋ยวนี้ !” จากนั้นเขาก็วิ่งไล่ตามอีกฝ่ายไปในทันที
ถังหยินวิ่งอย่างรวดเร็ว แปปเดียวก็จวนจะประชินอีกฝ่ายแล้ว ทว่าคนผู้นั้นเหมือนจะอมอะไรเอาไว้ในปาก ก่อนจะกลืนมันลงไปพร้อมกับใช้มือคว้าจับโต๊ะและเหวี่ยงไปข้างหลัง
ถังหยินไม่ได้หลบโต๊ะและรับมันเข้าเต็ม ๆ ทำให้เศษไม้กระจายไปทั่ว ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายมองมาที่ถังหยินอีกครั้ง เขาก็พลันพบว่าชายหนุ่มมีเกราะปราณสีดำปรากฏขึ้นมาแทนที่ชุดธรรมดาแล้ว
ระหว่างที่พวกเขากำลังวิ่งไล่ล่าและหลบหนีอยู่นั้น พลังปราณก็ได้ถูกปล่อยออกมา ก่อนที่ผู้หลบหนีจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน และในตอนที่มันจางหายไป เกราะปราณก็ได้เข้าปกคลุมร่างของอีกฝ่ายไว้แล้วขณะยังคงวิ่งไปข้างหน้า !
อย่างไรก็ตาม ตอนที่กำลังวิ่งออกไปได้สองก้าว ก็พลันมีเงาปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้บริกรตัวปลอมผู้นั้นชนเข้ากับถังหยินที่ใช้วิชาสลับเงามาอยู่ตรงหน้า …และด้วยแรงกระแทกที่ชน มันก็ทำให้เขาเสียหลักจนเกือบล้มลง
แต่แทนที่จะเสียเวลาหนี เขากลับพลันเปลี่ยนใจและหันไปใช้หมัดซัดเข้าใสถังหยิน ซึ่งถึงแม้ว่าเกราะปราณที่สวมอยู่จะทำให้พลังหมัดนั้นเกินกว่าจะเดาได้ ทว่าถังหยินก็ยังคงยืนนิ่งรับมันทั้งแบบนั้น
ผัวะ !
สองหมัดกระแทกเข้าที่กลางอากาศ ร่างของถังหยินยืนอยู่กับที่ในขณะที่อีกฝ่ายถอยหลังกลับไปไกลกว่าที่จะทรงตัวได้ ซึ่งก็เช่นเดียวกับแขนข้างที่ต่อยออก ที่ตอนนี้กระดูกหักไปหลายท่อนเลยทีเดียว !!
บริการตัวปลอมกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และไม่คิดสนใจแล้วว่าจะเจอกับอะไร ก่อนจะรีบวิ่งไปพร้อมกับกระโดดหนีข้ามกำแพง ทว่าการหนีถังหยินมันใช่เรื่องง่ายเสียเมื่อไหร่กัน ?
เขาวิ่งไปแล้วกระโดดตัวลอย ทว่าในจังหวะที่กำลังจะข้ามไป ถังหยินพลันเข้ามาคว้าคอเอาไว้แล้วทุ่มลงบนพื้นจนดินแตกกระจายในชั่วพริบตา !!
ร่างของบริการตัวปลอมนอนบนพื้น กระดูกในร่างเจ็บปวดราวกับว่ามันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขยับหนีไปไหนไม่ได้อีก ซึ่งถังหยินก็ไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายหนีแม้แต่น้อย ชายหนุ่มคว้าจับเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายและยกตัวขึ้นมา ทำให้ชายคนนั้นพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ทว่าก็ไม่สามารถไปไหนได้ ก่อนจะเป็นไฟในมือของถังหยินที่ถูกจุดติดขึ้น
ฟุ่บ !
เพียงพริบตาเกราะของคนผู้นี้ก็พลันถูกไฟเผาไหม้ไปจนถึงใบหน้า เขาหยุดดิ้นรนและมีหมอกกระจายออกมาจากร่างที่ถูกไฟไหม้… ก่อนที่ถังหยินจะโยนศพทิ้งไปแล้วดูดปราณเข้ามา
“ข้านึกออกแล้ว ชายคนนี้คือองครักษ์ของซ่งเทียน” ทันใดนั้นมูฉิงที่วิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรนกับเฮอเปิงก็พลันพูดขึ้น
ตอนนี้ถังหยินเพิ่งจะใช้ไฟสีดำกินปราณเข้าไปหยก ๆ ดังนั้นเขาจึงได้ความจำของอีกฝ่ายมาด้วย ซึ่งสิ่งที่ได้มานั้น มันก็ทำให้ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างยินดีว่า “ซ่งเทียน มันจบแล้วล่ะ ชะตาเจ้ามาถึงฆาตแล้ว !!”
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตะลึง หรือว่าซ่งเทียนซ่อนอยู่ในร้านอาหารนั่นกัน ? ร้านเล็ก ๆ ที่อยู่บนถนนนี้ที่มีทหารเฟิงเดินผ่านไปมาและถูกตรวจค้นนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เจออะไรเลยร้านนั้นเนี่ยนะ ?!
มูฉิงและทุกคนมองหน้ากัน พวกเขาต่างคิดตรงกันว่าซ่งเทียนช่างมากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเสียจริง !
หลังจากถังหยินตะโกนออกมา ทั้งหมดก็กลายเป็นเงียบกริบ มีเพียงเงาเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าต่าง
เมื่อทุกคนกำลังสงสัยอยู่ ถังหยินจึงพูดอีกครั้ง “ซ่งเทียน ตอนนี้พวกเราล้อมเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นเจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก และถ้าให้ข้าเข้าไปหา เจ้าจะดูแย่เอานะ !!”
หลังสิ้นเสียง ก็ยังคงไม่มีอะไรตอบกลับมา แม่ทัพปิงหยวนสองคนที่อยู่ข้าง ๆ จึงรีบอาสาตัวเอง “นายท่าน ให้ข้าเข้าไปดูเถอะ”
“ช้าก่อน !”
วินาทีที่มีเสียงดังออกมา ทุกคนก็พลันมองไปแล้วได้พบกับเจ้าของร้านที่วิ่งหน้าตั้งออกมา
ซึ่งเมื่อมาถึงตรงหน้า ขาของอีกฝ่ายก็พลันอ่อนแรง ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นขณะพูด “นายท่าน ข้าไม่ได้คิดจะเก็บเจ้าคนทรยศนั่นเอาไว้เลย มันบังคับขู่เข็ญใช้ครอบครัวของข้าเป็นตัวประกัน ทำให้ข้าไม่มีทางเลือกอื่น” เขาว่าพลางร้องไห้ออกมาแทบขาดใจ
ตั้งแต่ตอนที่พวกเฟิงเข้ามาในเมืองได้ ซ่งเทียน เสี่ยวชางและคนอื่นก็ทำการบีบบังคับให้เจ้าของร้านให้ที่พักกับพวกเขา จากนั้นซ่งเทียนก็พาคนในครอบครัวหนีตายไปอยู่ในบ้าน และให้ทหารองครักษ์คอยจับตามองเจ้าของร้านเอาไว้ ในช่วงเวลาแบบนี้ซ่งเทียนก็ยังหลักแหลมเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง เขาถึงกับใช้ยาสลายปราณเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากพวกทหารเลยทีเดียว
ซ่งเทียนกับคนอื่นซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกบริกรจึงไม่รู้ตัว และเมื่อบริกรทั้งหลายมาถึง เจ้าของร้านก็ทำการอธิบายว่าพวกทหารเป็นญาติห่าง ๆ ของเขาเอง
ในตอนที่พวกเฟิงตรวจสอบไปรอบเมือง พวกเขาเองก็ได้มาตรวจที่ร้านนี้เช่นกัน แต่ว่าพวกเปิงนั้นทำการซ่อนตัวเป็นอย่างดี พวกเขาจึงไม่ถูกพบตัวแม้แต่น้อย และยิ่งทหารของซ่งเทียนคอยจับตามองเจ้าของร้านอยู่ มันก็ยิ่งทำให้เจ้าของร้านทำอะไรไม่ได้ และถ้าเฮอเปิงกับมูฉิงไม่มาด้วยกัน ป่านนี้พวกเขาก็คงยังหาอีกฝ่ายไม่เจอ !!
หลังได้ยินคำแก้ตัวแบบนี้ พวกแม่ทัพต่างก็รีบเข้าไปกระชากคอเสื้อของเจ้าของร้านเอาไว้ “เจ้าถูกบังคับเหรอ ? คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือไง ?” จากนั้นเขาก็ชักดาบออกมาเล็งไปที่คอของอีกฝ่าย