เสียงการโจมตีของกองทัพชานซุย ทำให้ทั่วทั้งพระราชวังตกอยู่ในความโกลาหล แต่พวกเขาก็ยังปฏิเสธที่จะโจมตี ‘จริง’ เหลียงซิงจะมองไม่เห็นเรื่องราวได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม เขายังกังวลอยู่ดีว่ากองทัพชานซุยจะย้ายข้างไป และไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีก
ขณะที่เหลียงซิงเกาแก้มอย่างกระวนกระวายใจ ใกล้ ๆ พระราชวัง อู่หยูถูกพาตัวมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นอู่หยู ดวงตาของเหลียงซิงก็สว่างวาบขึ้น เขาก้าวไปข้างหน้าและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของอู่หยูโดยตั้งใจ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างมีชัยและเอ่ยคำอย่างไม่เร่งรีบ “อู่หยู เจ้าคงไม่คาดสินะว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น!”
ใบหน้าของอู่หยูบิดเบี้ยวในทันที ดวงตาจับจ้องเหลียงซิงอย่างโกรธเกรี้ยวและเกลียดชัง ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่น่าเสียดายที่มือและเท้าถูกมัดไว้ ทำให้ไม่สามารถทำอะไรเหลียงซิงซึ่งอยู่ห่างเพียงแค่นิ้วเดียวได้ เขากัดฟันและพูดว่า “เหลียงซิง เจ้าอย่างเพิ่งทะนงตัวไป ไม่ช้าเร็ว ชะตากรรมของเจ้าจะบัดซบยิ่งกว่าของข้า! ซ่งเทียนเป็นบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของเจ้า!”
“ฮ่า ๆ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหลียงซิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นฟ้า ก่อนจะกล่าวว่า “ซ่งเทียนเป็นคนแบบไหนถึงคิดเอามันมาเทียบกับข้า! อู่หยู เจ้ายังกล้าพูดคำหยาบเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่า ชีวิตของเจ้าจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด?”
อู่หยูหาได้กลัวไม่ เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดโดยว่า “ไอ้โจรเฒ่า จะฆ่าก็ฆ่า!”
ทหารสองคนหยิบดาบออกมา แล้วเดินไปหยุดข้างซ้ายและขวาของอู่หยู พวกเขามองเหลียงซิง ราวกับตราบใดที่เหลียงซิงออกคำสั่ง พวกเขาก็จะสับอู่หยูเป็นชิ้น ๆ ทันที แต่แม้ว่าเหลียงซิงจะเกลียดอู่หยู และคิดว่าเขาเป็นคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของตน แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจากต้องขบคิดให้ถี่ถ้วนถึงการฆ่าชายผู้มีเกียรติประวัติสูงส่งผู้นี้
สุดท้ายเหลียงซิงต้องฝืนระงับความโกรธในใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรว่า “อู่หยูไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย ราชาองค์นี้ย่อมมีข้อสรุปให้เจ้า ไม่ต้องกังวลไป! แล้วเจ้าจะได้เห็นมันเอง!”
เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็หันมองไปรอบ ๆ และพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ที่นี่ยามนี้ เจ้าไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว”
ในขณะที่เขาพูดเขาก็ให้สัญญาณ ทุกคนเข้าใจและรีบวิ่งไปกดตัวของอู่หยู บังคับให้เขาคุกเข่าลงบนพื้นทันที เสนาบดีเฒ่าไม่เคยรู้สึกย่ำแย่เช่นนี้มาก่อนในชีวิต ตอนนี้เขาถึงกับสาปแช่งให้เหลียงซิงไปตาย ทว่าไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะไม่โกรธ แต่หัวใจของเขายังรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อเห็นอู่หยูอยู่ต่ำกว่า
ความพยายามในการยึดครองพระราชวังของเหลียงซิงในตอนนี้ ถูกกองทัพปิงหยวนขัดขวางเอาไว้ชั่วคราว ในอีกด้านหนึ่ง ผู้คนหลายพันคนที่นำโดยจี้หยาง ฮ่าวชุน พร้อมด้วยผู้ติดตามของเขาก็มุ่งตรงไปยังที่พำนักของถังหยิน เนื่องจากชิวเจิ้นและคนอื่น ๆ ไม่มีที่อยู่ในเมืองหยาน พวกเขาจึงอาศัยอยู่ในค่ายทหารนอกเมือง และอยู่ในที่พำนักของถังหยินเสมอ
ตอนนี้เหล่าแม่ทัพและขุนนางที่เหลือรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ข้อมูลจากเนตรเวหา และเครือข่ายใยพิภพเชื่อมโยงกันเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า เมื่อเหลียงซิงเพิ่งจัดการไป่หยง ฝ่ายอัยเจียที่ได้รับข้อมูลก็ส่งต่อให้ชิวเจิ้นและคนอื่น ๆ ทันที
สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือ รวบรวมกองทัพทั้งสี่จากที่ราบฉีเฟิง อินทรีสวรรค์และกองกำลังอื่น ๆ เพื่อยึดเอาตราทัพชานซุยกลับมา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คำสั่งจะถูกส่งต่อ ซงหยวนก็หยุดทุกคนเอาไว้ก่อน เขาหันหน้ามาขณะที่เอ่ยคำพูดแผ่วเบา “พวกเจ้าไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดที่เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันของเขา พลันทำให้ทุกคนตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และกำลังทหารของกองทัพชานซุยก็ตกอยู่ในมือของเหลียงซิงแล้ว
เมื่อเห็นว่าทุกคนสับสน ซงหยวนก็ยิ้ม สายตามองไปยังชิวเจิ้น จางจี้และคนอื่น ๆ ก่อนจะถามว่า “พวกท่านจะไม่ลงมือทำอันใดกันจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น เขาก็มองไปที่ฉางกวง หยวนยู่และแม่ทัพคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “แม่ทัพหยวนยู่ แม่ทัพอู่กวง แม่ทัพจ้านหู พวกท่านคิดที่จะนิ่งเฉยกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าของทุกคน ซงหยวนก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “ข้ารู้ว่าไม่มีใครต้องการให้เรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ แต่วันหนึ่งหากพวกเสนาบดีคิดคดทรยศ แล้วพวกเราจะต้องกำจัดพวกเขาออกไปจริง ๆ นั่นจะต้องใช้เวลานานเท่าใด? สิบปีหรือยี่สิบปี? มาตอนนี้ก็ดีแล้ว เหลียงซิงมีอำนาจทางทหารแล้ว เป้าหมายแรกของเขาคืออู่หยูและคนของอู่หยู แน่นอนว่าเราต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ และตอนนี้เราแค่ต้องปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเอง จากนั้นเราก็ค่อยออกมาสะสางความยุ่งเหยิงที่ว่า นอกจากนี้ เรายังสามารถกำจัดเหลียงซิงได้อย่างเปิดเผย และนายท่านก็จะสามารถปกครองดินแดนนี้ได้อย่างไร้ข้อกังขา”
สิ่งที่ซงหยวนพูดไม่ใช่ไม่มีเหตุผล และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทำจัดการกับกลุ่มอำนาจเดิมภายในแคว้น ฉางกวง หยวนยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ เขายกนิ้วโป้งให้กับซงหยวนและพูดด้วยความชื่นชมว่า “ความคิดดีมาก!”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหันกลับมาและโบกมือให้อัยเจียพร้อมกับพูดว่า “ส่งข่าวไปยังสี่เหล่าทัพ ให้พวกเขาเตรียมตัว!”
อัยเจียพยักหน้าพลางจ้องมองชิวเจิ้น หากถังหยินไม่อยู่ เขาย่อมกลายเป็นผู้บัญชาการแทน ดังนั้น สิ่งที่จะทำต่อไปก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา
ชิวเจิ้นครุ่นคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับข้อเสนอแนะของซงหยวน ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวในตอนนี้ ทว่าในฐานะผู้บัญชาการเขาพูดออกมาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจตกเป็นเป้าของทุกฝ่าย!
เขากะพริบตาครุ่นคิดสักพักจากนั้นจึงค่อย ๆ พูดว่า “แต่พวกชานซุยก็เป็นพี่น้องของเรา ดังนั้นการขอให้กองทัพทั้งสี่คิดหาวิธีอื่น อย่างน้อยก็เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด”
ในเวลานี้ จางจี้พลันหายใจเข้าลึก ๆ และพูดด้วยความกังวลว่า “จะเกิดอันใดขึ้น หากเหลียงซิงนำกองทัพชานซุยเข้าโจมตีอีกครั้งล่ะ?”
“แล้วท่านอู่หยูกับภรรยาของท่านละ!” เฉิงจินกล่าวต่อ “กับอู่เหมยน่ะหายห่วงได้เลย แต่ท่านอู่หยูกับคนอื่น ๆ มันเกิดขอบเขตของพวกเรานะ”
จางจี้พูดแผ่วเบา “ท่านอู่หยูมีความสัมพันธ์อันดีกับนายท่านเป็นอย่างมาก หากปล่อยเอาไว้ นายท่านจะไม่ตำหนิพวกเราอย่างนั้นหรือ!”
ซงหยวนหัวเราะอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าว่าพวกเจ้ากำลังคิดมากเกินไป นายท่านเป็นห่วงอู่เหมยต่างหาก หาใช่อู่หยูไม่ เพราะเรื่องของท่านอู่หยูไม่ใช่ว่าใครก็เข้าไปยุ่งด้วยได้ แต่หากเหลียงซิงฆ่าอู่หยูจริง นายท่านก็คงรู้สึกเศร้าไม่น้อย แต่นั่นก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นหรอก”
ในแง่ของการมองสถานการณ์ขาด ไม่มีผู้ใดเทียบกับซงหยวนได้ หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง โดยปกติแล้ว ถังหยินสุภาพกับอู่หยูมาก แต่ใครก็ตามที่รู้จักบุคลิกของเขาจะสามารถบอกได้ว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
ท้ายที่สุด สายตาของทุกคนก็หันไปหาชิวเจิ้น เขาหัวเราะอย่างขมขื่นและเคาะหน้าผากของตัวเอง หลังจากไตร่ตรองสักพัก ในที่สุดเขาก็พยักหน้าและตอบว่า “ข้าเห็นด้วยกับซงหยวนในเรื่องนี้!”
หลังจากการสนทนากันแล้ว พวกเขาก็ตัดสินในเรื่องนี้ ตกลงกันว่าจะอยู่เฉย ๆ!
ถึงแม้ชิวเจิ้น จางจี้ ซงหยวนและคนอื่น ๆ จะเป็นผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ของถังหยิน ทว่าความภักดีก็ย่อมต้องมีผลตอบแทนของมันจริงไหม?
เนื่องจากเหตุผลที่เห็นแก่ตัวหลายประการ พวกเขาปล่อยให้เหลียงซิงทำทุกอย่างที่ต้องการภายในเมืองหลวงร่วมกับกองทัพชานซุย และด้วยเหตุนี้ กองทัพอีกสี่เหล่าก็ค่อย ๆ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าจนน่าประหลาดใจ แล้วยังไม่มีการดำเนินการใดเป็นเวลานานด้วย
แต่ถึงชิวเจิ้นและคนอื่น ๆ จะปล่อยให้เหลียงซิงกระทำตามใจชอบ ทว่าเหลียงซิงไม่ได้คิดวางแผนที่จะปล่อยพวกเขาไป หากชิวเจิ้นและคนอื่น ๆ ไม่ตายไปเสีย กองทัพเทียนหยวนจะยังคงอยู่ในมือของถังหยิน และมันจะกลายเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงสำหรับเขาในอนาคต!!