บทที่ 270
บทที่ 270
ถังหยินถูกลากตัวมาที่ลานเต้นรำกลางห้องโถง และถึงเขาจะไม่รู้ว่าจะต้องเต้นยังไง หากแต่ผลจากการฝึกร่างกายก็ทำให้เขามีความพลิ้วไหวไปตามการนำพาของชัวน่าได้อย่างไม่ลำบากมากนัก
ชัวน่าเห็นการเคลื่อนไหวของถังหยินที่เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็ได้แต่เอ่ยปากชม “เจ้าเรียนรู้ได้เร็วดีนี่นา”
“ท่านคิดยังไงกับองค์ชายพาเวล ?”
ชัวน่าตะลึงที่อีกฝ่ายจู่ ๆ ก็ถามนอกเรื่องแบบนี้ “ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนะ ..แต่ทำไมเจ้าถึงได้ถามกัน ?”
ถังหยินยักไหล่ให้ “ไม่อะไร ก็แค่อยากถามเฉย ๆ ก็เท่านั้น” ชัวน่ายืนมึนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถามแบบนี้ออกมา
องค์หญิงนั้นรู้ดีว่าถังหยินไม่น่าจะถามเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้แน่ ดังนั้นนางจึงได้เอ่ยปากถาม “แล้วทำไมเจ้าถึงได้ถามเกี่ยวกับพาเวลกัน ?”
ถังหยินหัวเราะเบา ๆ “เมื่อครู่ฝ่าบาทอัลเดนบอกว่าจะเดินทางไปเบสซ่าเพื่อขอท่านให้มาแต่งงานกับลูกชายของเขาน่ะ”
ชัวน่าเบิกตากว้างแล้วพูดด้วยความตะลึง “เป็นไปได้ยังไงกัน ? ข้าไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้จากพ่อของข้าเลย และข้าเองก็ไม่คิดแต่งกับเขาด้วย !”
ชายหนุ่มยิ้มให้แทนคำตอบชัวน่า ก่อนจะเป็นนางที่กลอกตาแล้วบอกต่อ “แต่ถ้าพ่อบังคับให้ข้าแต่งงานกับพาเวลล่ะก็ ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้”
ถังหยินที่กำลังรู้สึกดีก็เริ่มเครียดอีกครั้ง
หญิงสาวจ้องมองเขา “ถ้าถึงเวลานั้น เจ้าจะมาช่วยข้าไหม ?”
ถังหยินตาค้างไปสักระยะแล้วจึงตอบกลับ “ถ้าท่านต้องการข้าก็จะมา”
ชัวน่ารู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่น้อยเลย จนเผลอจับมือของเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลังงานเลี้ยง ถังหยินและชัวน่าก็เข้าพักที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองดูกี
จริง ๆ แล้วอัลเดนอยากให้ถังหยินพักในดูกีอีกสักระยะ แต่ชายหนุ่มไม่อยากจะเสียเวลาที่นี่นานนักเพราะประชากรที่นี่น้อยมาก ทำให้ถ้ามีเกิดมีพวกหนิงจำใบหน้าเขาได้จะเป็นปัญหา ดังนั้นแล้ว เช้าวันต่อมาเขาจึงพาชัวน่ากับทุกคนมาขอตัวลาแก่อัลเดน ซึ่งตัวองค์ราชาเองก็เป็นคนที่ฉลาดไม่น้อย ด้วยเขาเข้าใจในความหมายของถังหยินดีและไม่คิดจะรั้งตัวเอาไว้ให้เสียเวลา
อันที่จริงอัลเดนอยากส่งกองทัพไปคุ้มครองพวกเขาจนถึงชายแดน หากแต่ถังหยินก็ปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะเป็นจุดสนใจ
และหลังจากกล่าวอำลาแล้ว ก็เป็นถังหยินที่ดึงหยวนยู่เข้ามาแล้วกล่าว “ฝ่าบาท ทันทีที่ข้าทำได้ดั่งใจหวังแล้ว ข้าจะส่งกองทัพมาให้แก่ท่านพร้อมกับนายคนนี้ด้วย หากมีอะไรก็เรียกใช้เขาได้ทันที !”
อัลเดนมองหยวนยู่แล้วพยักหน้าให้ “วางใจเถิดแม่ทัพถัง ข้าสั่งให้คนทำการปกปิดร่องรอยทุกอย่างแล้ว การเดินทางของท่านมายังที่นี่จะเป็นความลับอย่างแน่นอน !”
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งฝ่าบาท”
“การร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น หลังจากนี้พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีกเยอะ” อัลเดนหัวเราะออกมา
ชายหนุ่มประกบมือให้ “ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกันฝ่าบาท ขอตัวลา”
“เดินทางปลอดภัยล่ะ”
หลังจากการพบหน้ากัน ทั้งสองก็ได้ทิ้งความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน
ในมุมมองของถังหยินแล้ว อัลเดนนั้นเป็นกษัตริย์ที่ทะเยอทะยานมากกว่าราชาเบสซ่าเสียอีก และแม้ว่าอัลเดนจะแก่ชราและมีสุขภาพที่ย่ำแย่ หากแต่อีกฝ่ายก็จัดได้ว่าเป็นภัยไม่น้อยต่อชายหนุ่ม
เช่นเดียวกับการเริ่มต้นจากศูนย์และมีกองทัพหลักแสนได้ในเวลาเพียง 2 ปี ถ้าเป็นคนธรรมดาล่ะก็คงไม่มีทางทำได้แน่ ซึ่งมันก็ทำให้อัลเดนรู้ในทันทีว่าถังหยินเองก็เป็นคนที่ทะเยอทะยานไม่ต่างจากตัวเอง !
แล้วก็เพราะแบบนี้ ที่ทำให้ทั้งสองให้ความเคารพและหวาดกลัวกันและกัน
หลังจากการพบเจอกัน พวกเขาต่างก็สำเร็จตามความต้องการของตัวเอง โดยถังหยินก็สามารถยืมกองทหารและเส้นทางของรัฐดูกีได้สำเร็จ ส่วนอัลเดนก็ได้รับคำสัญญาว่าพวกเฟิงจะส่งกองทหารเข้ามาช่วยรบ
เมื่อออกจากเมืองดูกี พวกถังหยินก็ตรงกลับไปยังแคว้นเฟิง ซึ่งในครั้งนี้มันก็ไม่มีเรื่องราวใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างทางเลย ทำให้พวกเขาสามารถเดินตัดผ่านเบสซ่าแล้วตรงไปยังแคว้นเฟิงต่อได้อย่างง่ายดาย
และหลังจากที่พวกกุนซือรู้ว่าดูกีส่งกองทัพเข้ามาช่วย พวกเขาก็พากันตื่นเต้นมาก ก่อนจะพร้อมใจกันคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้วที่จะบุกตีทางใต้ !!
หลังจากที่ถังหยินกลับมายังเมืองฮวยหยางได้อย่างสวัสดิภาพ เขาก็พลันรีบสั่งให้เหลียงฉีและหยวนยู่พร้อมกองทหารจำนวน 1 แสนนายมุ่งหน้าไปยังดูกี และตรงไปยังประตูตงเพื่อทำการลอบโจมตีในทันที ทว่าก็เป็นชิวเจิ้นที่ร้องได้ห้ามเขาไว้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซงหยวนที่เป็นคนเสนอความคิดนี้ขึ้นมา หากแต่ตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายห้ามเสียอย่างนั้นหรือ ? “ท่านซงเป็นคนบอกให้ข้าทำแบบนี้เองไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้ท่านจะห้ามข้าทำไมกัน ?”
ซงหยวนคือคนที่วางแผนได้เก่งกาจที่สุดเท่าที่ถังหยินจะมีได้ ซึ่งตัวเขาก็ทำมันได้ดีสมกับความคาดหวังนี่ยิ่งนัก “ถ้านายท่านจะส่งทหารไปก็ไม่มีปัญหา แต่ข้ากังวลว่าในเมื่อพวกเราส่งสายลับเข้าไปในเมืองหยานแล้ว ในทางกลับกันพวกซ่งเทียนก็อาจจะทำแบบนั้นกับเราก็เป็นได้ และการเคลื่อนทัพของทหารจำนวน 1 แสนนายนั้นก็ไม่อาจซ่อนเร้นได้เลย ถ้าหากพวกสายลับจับทางได้ แผนของพวกเราก็คงจะล่มกันหมด”
ถังหยินไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน เขาจึงหันไปมองชิวเจิ้นและจางจี้เพื่อขอความเห็น ก่อนจะพบว่าพวกเขาเองก็พยักหน้าให้เช่นกัน
ถังหยินถามต่อ “ถ้างั้นท่านซงจะให้ข้าทำอย่างไร ?”
“ส่งทหารของเราขึ้นเหนือเพื่อหลอกพวกเขาว่าเรากำลังส่งทหารกลับไปประจำการที่เทียนหยวน ซึ่งมันก็จะเป็นการทำให้พวกหนิงไม่คิดว่าเราจะเข้าโจมตีประตูตงแน่ ๆ และถือเป็นการปกป้องแม่ทัพเหลียงและแม่ทัพหยวนจากการลอบโจมตีไปในตัว”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “เยี่ยมมาก เป็นแผนที่ดีจริง ๆ ท่านชิว ท่านจาง พวกเจ้าคิดเช่นไร ?”
“ท่านซงพูดถูก ท่านช่างมองการณ์ไกลยิ่ง” ชิวเจิ้นและจางจี้ประกบมือให้พร้อมกัน
ถังหยินไม่ลังเลอีก รีบทำตามที่ซงหยวนแนะนำมาทันที ก่อนที่เขาจะหวนนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับอัลเดนขึ้นมา
ชิวเจิ้น จางจี้ และซงหยวนเริ่มสงสัยกับเรื่องดังกล่าว ด้วยการรวมทัพเพื่อปราบพวกหนิงกับรุกรานรัฐเทียก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจางจี้และซงหยวน ผิดกับชิวเจิ้นที่ไม่ได้คิดแบบนั้น และกล่าวออกไปว่า
“เมื่อนายท่านปราบกบฎลงได้ ก็คงหนีไม่พ้นจะต้องปะทะกับพวกหนิงอีก และถ้าหากพวกเรามีดูกีคอยช่วยสนับสนุนอยู่ มันก็จะเป็นการดีอย่างมากต่อกลยุทธ์ในอนาคต ส่วนเรื่องของรัฐเทีย เราก็ปล่อยมันให้กับพวกดูกีไป”
ชิวเจิ้นสนับสนุนให้ถังหยินสร้างพันธมิตรกับดูกีทันที
ถังหยินเมื่อได้ยินแบบนั้นก็กล่าวเสริม “ใช่แล้ว ข้าเองก็คิดเช่นนั้น …การปราบกบฏเป็นแค่เรื่องเล็ก ส่วนปลาใหญ่อย่างพวกหนิงนั้นสำคัญกว่ามาก !”
หลังจากได้ยินคำแนะนำของกุนซือทั้งหลาย ถังหยินก็ทำตามซงหยวนในทันที โดยการส่งทหารกลับไปทางเหนือแล้วให้กระจายข่าวลวงออกไป
ด้วยชายหนุ่มเป็นแม่ทัพใหญ่ ดังนั้นเพียงแค่ออกคำสั่งออกไป ทั้งกองทัพก็พากันแยกกันออกเป็นกลุ่มใหญ่แล้วเดินทัพกลับไปในทันที
เช่นเดียวกับกำลังทหารที่กำลังทยอยกันออกไป ข่าวลือนี้เองก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทำให้พวกชาวเฟิงที่ได้ฟังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังมากกับข่าวนี้ เพราะกองทัพเทียนหยวนที่เป็นดั่งความหวังสุดท้ายในการกอบกู้แคว้นเฟิงก็ได้จากไปแล้ว และคงได้แต่รออีก 1 ปีเต็มเพื่อทำศึกอีกครั้งหนึ่ง ทว่าในระหว่างนั้นซ่งเทียนมันก็อาจจะวางฐานอำนาจของตัวเองอย่างแน่นหนาแล้วก็เป็นได้ และถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมาจริง งั้นแล้วใครกันเล่าที่จะโค่นทรราชคนนี้ลงได้ !!!
ในเวลานี้ชาวเฟิงต่างก็ก่นด่าสาปแช่งถังหยินกันอย่างหนัก ด้วยพวกเขารู้สึกผิดหวัง ที่ดันไปตั้งความหวังไว้กับคนแบบนี้
ซึ่งเมื่อซ่งเทียนได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจยิ่ง อันที่จริง เขาแทบจะกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งเลยด้วยซ้ำไป ด้วยในที่สุดสวรรค์ก็เปิดเส้นสู่การเป็นผู้ครองแคว้นให้แล้ว !!