บทที่ 271
บทที่ 271
แต่สิ่งที่ซ่งเทียนไม่คาดคิดก็คือ การถอยกลับของถังหยินนั้นเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการบุกครั้งใหญ่ที่จะมาถึงในครั้งต่อไป !
กองทัพเทียนหยวนกลับไปตั้งหลักที่มณฑลของตัวเอง ก่อนจะเริ่มการตั้งค่ายขนาดใหญ่ราวกลับต้องการจะพักรบระยะยาว และในขณะที่ตกกลางคืนในค่ำวันนั้น ก็เป็นเหลียงฉีและหยวนยู่ที่ทำการนำทัพนับแสนมุ่งตรงไปทางเหนือ ออกจากปิงหยวน และเข้าสู่ดินแดนของเบสซ่าจากนั้นก็ตรงไปยังรัฐดูกี
กองทัพชานชุยทั้ง 1 แสนนายพากันเดินขบวนในเวลากลางคืนและพักผ่อนในตอนกลางวัน พร้อม ๆ กับเสบียงอาหารและสิ่งของมากมายที่ติดไปด้วย เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องไปนานเพียงใด และการศึกในครั้งนี้มันก็คงจะยาวนานอย่างแน่นอน !
ดังนั้นแล้วอาหารจะต้องเพียงพอ เช่นเดียวกับหน้าไม้ทำลายเมืองที่ได้มา 40 คันที่สำคัญยิ่ง ซึ่งพวกมันก็ใหญ่และหนักเกินกว่าจะขนย้ายไปได้โดยไม่เกิดปัญหาใด
ด้านหนึ่งกองทัพเทียนหยวนกำลังหลอกล่อด้วยการประโคมข่าว ส่วนอีกด้านก็เป็นกำลังทหารนับแสนของเทียนหยวนที่กำลังออกเดินทางเข้ายึดประตูตง !
แล้วก็เพราะถังหยินทำเหมือนมีการพักรบนี่เอง ที่ทำให้มีคนจากฝั่งซ่งเทียนแนะนำให้ริเริ่มโจมตีเพื่อยึดคืนเขตที่เสียไปกลับมา !
เกิงเฉิงเป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของซ่งเทียน และหลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ว่ามณฑล เขาก็ยิ่งทวีความภักดีต่อซ่งเทียนมากขึ้นไปอีก ซึ่งเมื่อเขาเห็นว่ากองทัพเทียนหยวนที่อยู่ใกล้กับตนได้ถอนตัวออกไปแล้วจนจิงกวงว่างเปล่า เขาก็พลันคิดที่จะทำการโจมตีจิงกวงเพื่อยึดคืนกลับมา !
ซึ่งตัวเกิงเฉิงก็ไม่ได้พูดเปล่า ด้วยเขายังมีกำลังทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาราว ๆ 3 หมื่นนายได้ และสำหรับมณฑลจิงกวงที่ว่างเปล่าแล้ว กำลังพลเพียงแค่นี้มันก็มากเกินพอ !
หลังจากที่ซ่งเทียนได้ทราบเรื่องดังกล่าว เขาก็พลันยิ้มแก้มปริอย่างมีความสุข ก่อนจะทำการเรียกจ้านอู่ฉางเพื่อเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
ทว่าเมื่อฟังเรื่องจนจบ จ้านอู่ฉางก็พลันส่ายหัว ด้วยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาริเริ่มโจมตี มันก็เป็นฝ่ายของพวกเขาที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับกองทัพเทียนหยวนอย่างสิ้นเชิง จนทำให้เหลือกำลังกลับมาเพียง 2 แสนนายเท่านั้น !
จ้านอู่ฉางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ท่านอ๋อง กำลังทหารของเรานั้นกำลังขาดช่วง ดังนั้นจึงไม่ควรเป็นฝ่ายริเริ่มสงคราม หากแต่เราควรจะใช้โอกาสที่หาได้ยากนี้ในการพักฟื้นและเติมกำลังพล !
“หืม ! จะว่าไปคำพูดของแม่ทัพจ้านก็ฟังมีเหตุผล ! ” ซ่งเทียนพยักหน้าเห็นด้วยซ้ำ ๆ คิดทำตามคำแนะนำที่ว่า ทำให้แผนการโจมตีจิงกวงถูกยกเลิก และกลายเป็นการจัดกำลังป้องกันที่หลีฮูแทน !
จ้านอู่ฉางนับว่าชาญฉลาดยิ่ง เพราะสิ่งที่ถังหยินหวังไว้มากที่สุดก็คือการที่ซ่งเทียนเป็นฝ่ายโจมตีมณฑลจิงกวงนี่แหละ ! ด้วยมันถือเป็นโอกาสอันดีอีกคราที่จะเข้าทำลายกองกำลังของซ่งเทียน เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ได้ตกหลุมพรางอย่างที่คิดก็เท่านั้น !
ทว่าถังหยินเองก็ได้คาดเดาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ และไม่เดือดร้อนกับมันแต่อย่างใด ด้วยในท้ายที่สุด การซุ่มโจมตีประตูตงก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนการในครั้งนี้ !
นับตั้งแต่เริ่มทำสงครามกับซ่งเทียน ถังหยินก็ได้เข้าสู้รบมาโดยตลอดและตระเวนไปทั่วทุกแห่ง จนกระทั่งมาถึงตอนนี้นี่แหละ ที่ชายหนุ่มได้กลับมายังเทียนหยวน ที่ทำให้เขาได้มีเวลาว่างพักผ่อนอย่างสงบ
ซึ่งหลังจากกลับไปที่เทียนหยวน สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำก็คือการไปเยี่ยมอู่หยู
แม้ว่าตระกูลอู่จะไม่ได้เรืองอำนาจดั่งเดิม แต่พวกเขาก็ยังมากไปด้วยบารมี ดังนั้นหลังจากกำจัดซ่งเทียนสำเร็จแล้ว หากถังหยินต้องการที่จะบรรลุในสิ่งที่ต้องการ งั้นแล้วเขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากตระกูลอู่มากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่สำคัญเลยว่าเขาจะเต็มใจทำหรือไม่ ! และนี่ก็คือคำแนะนำของชิวเจิ้นกับคนอื่น ๆ
หลังจากที่กลับมาถึงเทียนหยวน ถังหยินก็ตรงไปหาอู่หยูในทันที ซึ่งมันก็ทำให้ชายชรารู้สึกยินดียิ่ง ที่ชายหนุ่มเป็นฝ่ายมาหาก่อน
และถึงแม้ตระกูลอู่จะตกต่ำลงเนื่องจากการล่มสลายของแคว้นเฟิง ทว่าคนรับใช้ของพวกเขาก็ยังคงยึดถือปฏิบัติเช่นเดิม ด้วยการให้ชายหนุ่มรอที่โถงใหญ่ ก่อนจะเข้าไปแจ้งอู่หยูให้ทราบถึงการมาเยือนครั้งนี้
เมื่อนั่งอยู่สักพัก ก็เป็นอู่หยูที่เดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ ทำให้ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นรีบเดินเข้าไปใกล้เพื่อทักทาย “ท่านเสนาบดีอู่ !”
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก !” อู่หยูเหลือบมองไปที่ถังหยินและพูดแผ่วเบา “ข้าไม่ใช่เสนาบดีอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นคำเรียกนี้จึงไม่ควรเรียกอีกต่อไป !”
ชายหนุ่มสามารถบอกได้ในทันทีว่าอู่หยูยังคงเต็มไปด้วยความโกรธและความคับแค้นใจที่ไม่มีทางให้ระบายออก ดังนั้นเขาจึงทำเพียงยิ้มแย้มและกล่าวออกไปว่า “ในใจของข้า ท่านเสนาบดีอู่ยังคงเป็นท่านเสนาบดีอู่อยู่เสมอ ด้วยยังคงมีอีกหลายสิ่งที่ข้ายังต้องเรียนรู้จากท่าน”
“เรียนรู้อะไร เจ้าจะอยากเรียนรู้อะไรกัน ? ข้าคนนี้ยังมีอำนาจหรือความรู้อะไรที่มีค่ากับเจ้าอีกงั้นหรือ ?” อู่หยูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ถังหยินที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันถอนหายใจและกล่าวว่า “แคว้นไม่สามารถมีผู้ปกครองได้ 2 คนฉันใด กองทัพก็ไม่อาจมี 2 แม่ทัพใหญ่ได้ฉันนั้น ดังนั้นข้าก็หวังว่าท่านเสนาบดีอู่จะเข้าใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ความโกรธของอู่หยูก็ลดลงเล็กน้อย ด้วยยังไงเสียชายชราก็เป็นคนฉลาด ดังนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ถังหยินต้องการจะสื่อ ! หากแต่ถึงจะเป็นนั้น ทว่าเขาก็ยังคงไม่มีความสุขอยู่ดี
ถังหยินยังคงพูดต่อไป “ท่านเสนาบดีไม่จำเป็นต้องกังวลไป หลังจากที่เรากำจัดซ่งเทียนได้แล้ว ชื่อแคว้นอันยิ่งใหญ่ของเราก็จะได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง พร้อม ๆ กันกับตำแหน่งที่ควรจะเป็นของท่าน …ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่มันควรเป็น”
“หื๊ม… ?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อู่หยูก็พลันเลิกคิ้วขึ้น เช่นเดียวกับดวงตาของเขาที่เป็นประกายขณะที่จ้องมองไปยังถังหยินและถามว่า “จริงงั้นหรือ ?”
“แน่นอน ! ข้าจะกล้าโกหกท่านเสนาบดีได้อย่างไรกัน ?!” ถังหยินหัวเราะพลางตอบ
อู่หยูไม่ต้องการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์ขึ้นเป็นผู้ปกครองแคว้นแห่งนี้อีกต่อไป และตราบใดที่เขาสามารถฟื้นฟูตระกูลอู่ได้ มันก็เป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจมากแล้ว !
และด้วยเขาเคยเป็นถึงเสนาบดีแห่งแคว้นเฟิง เป็นจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ตัวเอ้ มันจะมีหรือที่ชายชราจะคาดเดาถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของถังหยินไม่ออก !
ว่าแล้วชายชราก็พลันยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะยกถ้วยน้ำชาและกล่าวว่า “ท่านถัง หลังจากที่โค่นล้มซ่งเทียนแล้ว ท่านมีแผนจะทำอย่างไรต่อไป ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของถังหยินก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
ด้วยการพัฒนาของกองทัพเทียนหยวนในปัจจุบัน พลังอำนาจของถังหยินในตอนนี้ก็เรียกได้ว่ามากมายมหาศาล ดังนั้นแล้วมันก็คงเป็นการโกหกอย่างแน่นอน ถ้ามีใครบอกว่าชายหนุ่มไม่คิดแย่งชิงบัลลังค์มาเป็นของตัวเอง
ในเวลานี้ท่าทีของถังหยินก็เริ่มเปลี่ยนไป เขากลายเป็นนิ่งเงียบ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างช้า ๆ “ข้าสงสัยนัก ว่าท่านเสนาบดีอู่ยินดีที่จะอยู่ข้างข้าหรือไม่ ?”
อู่หยูจ้องตรงไปที่ถังหยินแล้วจึงถอนหายใจออกมา ด้วยสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง ! ถังหยินมีความตั้งใจที่จะขึ้นเป็นอ๋องจริง ๆ!
เรียกได้ว่าชายชรานั้นประเมินคน ๆ นี้ต่ำไปมาก ด้วยเขาไม่เพียง แต่ประเมินความสามารถของอีกฝ่ายต่ำไป หากแต่อู่หยูก็ยังประเมินความทะเยอทะยานของชายหนุ่มต่ำไปด้วยเช่นกัน !!!
อู่หยูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ วางถ้วยน้ำชาลงและพูดอย่างจริงจัง “ตราบใดที่ศักดิ์ศรีและสถานะของตระกูลอู่ของข้าสามารถฟื้นคืนกลับมา ข้าก็ยินดีที่จะทำทุกวิธีไม่ว่าจะต้องจ่ายราคามากเท่าไหร่ก็ตาม” ความหมายเบื้องหลังคำพูดของเขาคือ ตราบใดที่ถังหยินรักษาสัญญา เขาก็จะทำการสนับสนุนถังหยินอย่างเต็มที่เพื่อให้ชายหนุ่มได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างที่หวัง
ถังหยินมีความสุขมากที่ได้ยินคำนี้ หากแต่เขาก็ไม่ได้แสดงมันบนใบหน้าแต่อย่างใด ชายหนุ่มเพียงยิ้มและพูดว่า “งั้นข้าคงต้องรบกวนท่านเสนาบดีอู่แล้ว !”
“คนชราเช่นข้าคนนี้ไม่กล้ารับหรอก” อู่หยูโบกมือไปมา ในขณะที่สายตาของชายชราที่ใช้มองชายหนุ่มดูจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ในเวลานี้สถานะของถังหยินและอู่หยูได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ด้วยแต่เดิมถังหยินถือว่าเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของตระกูลหยู แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามสิ้นเชิง !!
เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย ! ถังหยินก็ยินยอมที่จะทำตามสัญญาทุกอย่าง ไม่ว่านั่นมันจะเป็นการทำให้ตระกูลอู่กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้งก็ตาม !
หลังจากพูดคุยกับอู่หยูอีกสักพัก ถังหยินก็ได้หันมองไปรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าอู่เหม่ยไม่ได้ออกมา เขาก็พลันร้องถามอีกฝ่ายอย่างสงสัย “นางไม่อยู่ที่เรือนหรือ ?”
อู่หยูหัวเราะในใจและพูดว่า “นางอยู่”
“แล้วทำไมนาง… ? ”
“ข้าคิดว่าอู่เหม่ยกำลังโกรธท่านอยู่ !” อู่หยูกลับไปอยู่ในท่าทีผ่อนคลาย เขานั่งลงบนเก้าอี้และจิบชาอย่างใจเย็นก่อนกล่าว
ถังหยินพยักหน้าอย่างเข้าใจ ด้วยบุคลิกของอีกฝ่าย มันก็คงจะแปลกน่าดูถ้าหญิงสาวไม่โกรธ ที่ชายหนุ่มทำการยึดอำนาจจากทั้ง 4 ตระกูลใหญ่ และบังคับให้พวกเขาอยู่แต่ในชุนโจว ดังนั้นเขาจึงยักไหล่และยิ้มก่อนยืนขึ้นพร้อมพูดว่า “ท่านเสนาบดี ข้าสงสัยว่าจะไปเจอนางได้หรือไม่ ?”
“ได้สิ !” อู่หยูโบกมือให้คนรับใช้ที่ประตู ปากพูดว่า “พานายท่านถังไปที่สวน !”
“ขอรับ !” คนรับใช้รีบโค้งคำนับ ก่อนจะหันมาทางถังหยินแล้วพูดอย่างนอบน้อม “เชิญทางนี้ขอรับท่านถัง !”
ถังหยินพยักหน้า เขายกมือขึ้นและพูดว่า “งั้นท่านเสนาบดี ข้าขอลา !”
“ด้วยนิสัยของนางแล้ว เจ้าก็ตามใจนางเสียหน่อยก็แล้วกัน”
“ข้าเข้าใจ ขอบคุณสำหรับคำเตือน ท่านเสนาบดี”
ในอดีต เขาไม่ต้องการให้ตัวเองกับอู่เหมยใกล้ชิดกันมากเกินไป แต่ตอนนี้ชายหนุ่มหวังจากก้นบึ้งของหัวใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะพัฒนาไปไกลกว่านี้ ด้วยมันจะทำให้สถานะของตระกูลอู่กับเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น !