บทที่ 297
บทที่ 297
ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างเพียงก้าวเดียวจากการยึดเมืองสีไป่ ถ้าหากถอยกลับไปตอนนี้ มันก็จะกลายเป็นการลดทอนกำลังใจเป็นอย่างมาก !!!
ชิวเจิ้นกล่าว “นายท่าน ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่เสบียง ถ้าหากเรายึดเมืองได้เมื่อไหร่เราก็จะใช้เสบียงข้างในเมืองได้อย่างเต็มที่ เพราะยังไงเสียเกิงฉวนก็คงมีสำรองเก็บไว้ไม่น้อย”
ถังหยินที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันเอนตัวเข้ามาใกล้แล้วถาม “ต่อให้มีเงินหรือทองเป็นล้าน ๆ ในเมืองสีไป่ พวกเราก็ต้องสู้เพื่อให้ได้มันมาอยู่ดี !”
ชิวเจิ้นพึมพำกับตัวเองก่อนจะพูด “เสบียงของพวกเราอยู่ได้ไม่ถึง 1 เดือนก็จริง แต่ถ้าเรายึดเมืองได้ก่อนเวลานั้น มันก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป !”
ซงหยวนพูดเสริมต่อทันที “ถ้าหากเราไม่รีบเข้ายึดเมืองสีไป่ตอนนี้แล้วถ้าเกิดซ่งเทียนส่งกำลังจากเมืองหยานเข้ามาช่วยล่ะก็ ข้าน้อยรับรองได้เลยว่ากองทัพของเราพ่ายแพ้แน่”
นี่เป็นสิ่งที่ชิวเจิ้นไม่ได้เสนอออกมา แต่หลังจากซงหยวนพูดมันออกมา คำพูดนี้ก็พลันทำให้ชายหนุ่มคิดได้ !!!
เขาสูดหายใจแล้วพยักหน้าให้ด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
ถังหยินมองซงหยวน ด้วยเขารู้ว่าการคาดเดาของอีกฝ่ายมักจะถูกต้องเสมอ “ซงหยวน เราควรจะบุกทะลวงเมืองสีไป่เลยหรือไม่ ?”
ซงหยวนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนกล่าว “พวกเราควรบุกตอนกลางคืนนายท่าน”
ถังหยินหัวเราะอย่างขมขื่น ครั้งล่าสุดที่พวกเขายึดเมืองจี๋ การโจมตีตอนกลางคืนมันได้ผลก็จริง แต่มันก็แลกมาด้วยอาการบาดเจ็บของเฉิงจิน แถมหน่วยลับของเขาก็ยังเสียคนไปอีกตั้ง 5 คน และยิ่งไปกว่านั้น เมืองสีไป่ก็น่าจะรู้ถึงแผนนี้ และคงเตรียมการป้องกันไว้หมดแล้ว
ดังนั้นชายหนุ่มจึงส่ายหัว “ข้าว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกในครั้งนี้”
“ไม่ถึงขั้นต้องทำลายเมือง ขอแค่เพียงส่งคนไปปั่นป่วนในเมืองก็พอแล้วนายท่าน เพราะเมื่อพวกมันไม่ได้พักเมื่อไหร่ การป้องกันก็จะลดถอยลงเองตามธรรมชาติ”
ถังหยินพยักหน้ารับ เพราะคิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผล ก่อนที่เขาจะหันมองไปรอบ ๆ แล้วถาม “ใครจะนำทหารไปทำภารกิจนี้ ?”
อู่กวงเดินออกมาเป็นคนแรก “นายท่าน ข้าน้อยขออาสาเอง”
ถังหยินมองเขาก่อนพยักหน้าอีกครั้ง “เยี่ยมมากอู่กวง เจ้าจงนำกำลังทหาร 3 พันนายเข้าไปปั่นป่วนพวกมันซะ !”
“ขอรับนายท่าน”
ชายหนุ่มถามต่อ “ใครจะลอบเข้าไปในเมืองแล้วสังเกตการณ์ ?”
ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าอาสา
แม่ทัพทุกคนไม่เหมือนกับถังหยินที่ฝึกศาสตร์มืด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เหมาะสมสำหรับงานแบบนี้ ด้วยพวกเขาจะต้องถูกพบเจอก่อนอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้านำทัพ เจียงโมก็พลันกล่าวขึ้น “ข้าเองนายท่าน”
ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด จึงทำให้ไม่มีใครกล้าโต้แย้งเรื่องนี้ และยิ่งเฉิงจินไม่อยู่ด้วยแบบนี้ มันก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่ารองหัวหน้าหน่วยศรทมิฬอย่างเขาอีกแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเป็นกังวล “เจียงโม แม่ทัพอู่กวงจะนำทัพเข้าไปสร้างความวุ่นวายทางทิศเหนือ ส่วนเจ้าจงลอบเข้าไปในเมืองทางทิศใต้เสีย”
“ข้าน้อยรับทราบ !” เจียงโมประกบมือให้
ถังหยินตัดสินใจที่จะส่งคนไปปั่นป่วนพร้อมทั้งส่งหน่วยลับเข้าไปในเมือง ดังนั้นเขาจึงหันไปสั่งการให้กองทัพทั้งหมดหยุดโจมตีก่อน จากนั้นก็เป็นอู่กวงที่เรียกเกราะปราณและดาบออกมาพุ่งออกไปหน้าประตูเพื่อท้าแม่ทัพของศัตรูออกมาต่อสู้กัน !!!
กองทัพเปิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นมาด้านบนกำแพงแล้วเตรียมธนูให้พร้อม และไม่ว่าพวกเฟิงจะพยายามตะโกนด่าออกมาขนาดไหน แม่ทัพของพวกเปิงก็ไม่ยอมเผยตัวออกมาเลยสักคน !!! ทิ้งให้พวกศัตรูก่นด่าสาปแช่งไปเล่น ๆ
คำด่าของพวกทหารยังไม่เท่าไหร่ แต่อู่กวงเล่นด่าไปถึงโคตรเหง้าศักราช ด่าแม้กระทั่งบรรพบุรุษของพวกเขาเลย ซึ่งคำพวกนั้น มันก็ทำให้พวกแม่ทัพของเปิงยินยอมโผล่หัวออกมาแล้ว !!!
พวกทหารทั้ง 3 พันนายต่างก็พากันตะโกนด่าออกไปอย่างแข็งขัน ส่วนพวกทหารที่อยู่รอบนอกก็ช่วยกันเอาน้ำมาให้ดื่มเพื่อที่พวกเขาจะได้มีแรงตะโกนด่ากันต่อไป
ทำให้คนที่อยู่ในเมืองเริ่มทนไม่ได้แล้ว จึงเป็นแม่ทัพเปิงคนหนึ่งที่เปิดประตูวิ่งออกมาหาอู่กวงอย่างรวดเร็ว
อู่กวงหัวเราะออกมาทันที “เข้ามาเลย !”
แม่ทัพเปิงผู้นี้เต็มไปด้วยความโกรธ เขาควบม้าเข้าหาอู่กวงอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนออกไป “ไปตายซะไอ้สารเลว !”
อู่กวงก้มตัวหลบแล้วใช้ดาบฟันเข้าใส่อีกฝ่าย ทำให้เกิดเสียงปะทะของเหล็กแหลมคมดังขึ้น และถึงแม่ทัพเปิงจะปัดป้องเอาไว้ได้ แต่ทว่าแขนของเขาก็ต้องเจ็บปวดอย่างหนักจากแรงปะทะ
เขากระเด็นถอยออกมา ก่อนจะตั้งหลักได้แล้วตะโกนบอก “ไม่เลวนี่ !”
ม้าทั้งสองเข้าปะทะกัน ก่อนดาบของแม่ทัพเปิงจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย แต่อู่กวงก็ก้มตัวหลบได้อย่างง่ายดาย !! และใช้ดาบปราณสะบัดปล่อยคลื่นปราณสวนกลับมา ทำให้แม่ทัพเปิงหน้าซีดที่เจอวิชานี้พร้อมกับเร่งปล่อยคลื่นปราณออกมาป้องกันเช่นกัน
พลังพวกเขากระแทกกันกลางอากาศ และใครก็ตามที่มีทักษะเก่งกว่า คนผู้นั้นก็ย่อมจะสามารถคว้าชัยกลับไปได้
เพียงพริบตาการป้องกันของแม่ทัพเปิงก็ถูกทำลาย ในขณะที่พลังของอู่กวงยังคงพุ่งออกไป ทำให้สีหน้าของแม่ทัพเปิงเปลี่ยนไปทันที ก่อนที่เขาจะเอนตัวหลบไปมาจนกระทั่งเห็นว่าอู่กวงกำลังควบม้าเข้ามาด้วยความเร็วสูง และใช้ดาบในมือเล็งไปยังหน้าอกของตน !!!
ฉึก !
ดาบมันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าไม่มีใครสามารถหลบได้ อีกทั้งอู่กวงยังใส่พลังเข้าไปเต็มที่ จึงทำให้ไม่มีช่องว่างจะเคลื่อนไหวได้เลย
ดาบแทงทะลุหน้าอกของแม่ทัพเปิงทลายเกราะจนทะลุไปข้างหลัง
อ๊าก !
แม่ทัพเปิงกรีดร้องออกมา ในขณะที่อู่กวงชักดาบกลับแล้วฟันกวาดเป็นแนวยาวจนตัดหัวของอีกฝ่ายจนขาดสะบั้นลง
เมื่อกำจัดอักฝ่ายได้ แม่ทัพเฟิงผู้นี้ก็ได้สะบัดดาบเอาคราบเลือดออกแล้วชี้ไปยังประตูเมือง “มีใครจะกล้ามาอีกไหม ?”
พวกทหารเปิงที่อยู่ข้างบนรับรู้ถึงความน่ากลัวของแม่ทัพศัตรูจึงพากันซ่อนตัวกันยิ่งกว่าเดิม เปิดโอกาสให้อู่กวงวิ่งเข้าไปใกล้กำแพงเมือง ทว่าเขาก็ต้องถูกสกัดไว้ด้วยลูกธนูที่ยิงสกัดเอาไว้จนต้องล่าถอยกลับไป
กองทัพเทียนหยวนมีกำลังใจมากขึ้นที่เห็นแบบนี้ ทำให้คำด่ายิ่งแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าพวกเปิงที่อยู่ในเมืองก็เริ่มที่จะชินชาและเรียนรู้ที่จะเพิกเฉยมันบ้างแล้ว !
อู่กวงสามารถเรียกร้องความสนใจและสังหารแม่ทัพทางทิศเหนือได้สำเร็จ ทว่าทางฝั่งเจียงโมกลับไม่ง่ายแบบนั้น ด้วยก่อนที่จะเข้าไปในเมืองได้พวกเขาก็ดันถูกพบตัวเสียก่อน เพราะพวกเปิงเรียนรู้มาจากเหมาอันเรียบร้อยแล้ว และเกิงฉวนเองก็กังวลพวกผู้ใช้ศาสตร์มืดอยู่แล้วด้วย เลยทำให้เขาสั่งทหารเดินตรวจตราตลอดทั้งคืน
เจียงโมและหน่วยของเขาถูกพบตัวที่ด้านล่างกำแพงเมือง ก่อนที่พวกทหารยามจะพากันลั่นสัญญาณเตือนทั่วทั้งเมือง และตามมาด้วยอาวุธป้องกันเมืองทุกอย่างที่ถูกงัดมาใช้ต่อต้านทันที จนบีบให้เจียงโมต้องถอยกลับไปตั้งหลักอย่างไม่มีทางเลือก
ซึ่งเมื่อเจียงโมกับหน่วยของเขากลับมา ถังหยินก็ไม่ได้กล่าวโทษแต่อย่างใด เพราะชายหนุ่มเองก็ไม่คิดว่าพวกศัตรูจะระวังตัวกันขนาดนี้เช่นกัน
ทว่าถังหยินก็ยังไม่คิดยอมแพ้แต่อย่างใด ด้วยเขาได้ส่งจ้านหูกับกำลังทหารอีก 3 พันนายไปทางตะวันตกของเมืองเพื่อล่อศัตรูอีกครั้ง โดยในครั้งนี้พวกเขาได้จัดเตรียมไม้และก้อนหินมากมายไปก่อกวนด้วย เพื่อไม่ให้พวกมันพักผ่อนกันอย่างสบายใจ
…กองทัพเทียนหยวนต้องกระทำแบบนี้ตลอดคืน เช่นเดียวกับพวกเปิงที่โดนรบกวนไม่หยุด ก่อนที่ในวันต่อมาถังหยินจะสั่งให้ทหารทั้งหมดของเขาเข้าโจมตีอีกครั้งพร้อม ๆ กันจากทั้ง 3 ด้าน !!!